จากกรณีข่าวชายหนุ่มวัย 26 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคนขับรถแกร็บ เพื่อชิงทองจากร้านทองในเชียงใหม่ ก่อนจะหลบหนี โดยมีสาเหตุจูงใจหวังนำเงินไปใช้ชีวิตใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางทั้งหมด และต่อมาทางพ่อและแม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาที่ สภ.แม่ปิง เพื่อมาเยี่ยมลูกชาย ที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องคุมขัง โดยผู้เป็นแม่ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า “ตนเองรู้สึกเสียใจกับการกระทำของลูก เพราะลูกเป็นคนที่ดีสำหรับตน และในสายตาของตนลูกนั้นยังเด็กและลูกนั้นไม่เคยดื้อ และยอมรับว่าตน เลี้ยงลูกผิด ตรงที่ให้ลูกเล่นเกมตั้งแต่เด็กและลูกติดเกมมาก รวมถึงลูกชอบดูหนังที่เป็นลักษณะของการวางแผนฆาตรกรรมและหนังที่มีเนื้อหาที่รุนแรง ซึ่งเรื่องนี้ตนก็เคยคุยกับลูกแล้ว ว่าให้ลดพฤติกรรมแบบนี้แต่ลูกก็ไม่เชื่อ”
ขอบคุณที่มา : thairath.co.th, khaosod.co.th, matichon.co.th
เลี้ยงลูกผิด ปล่อยลูกติดเกมรุนแรง
จากคำกล่าวของแม่ผู้ต้องหาที่กล่าวว่า “เลี้ยงลูกผิด ตรงที่ให้ลูกเล่นเกมตั้งแต่เด็กและลูกติดเกมมาก” ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียว่า แท้จริงแล้วต้นเหตุอาจไม่ได้มาจากเกม แต่มาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่เองหรือเปล่า
โดยในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีและสื่อต่าง ๆ เข้าถึงเด็กได้ง่ายขึ้น ส่งผลต่อพฤติกรรมและการเติบโตของพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กรณีตัวอย่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการเลี้ยงดูที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อเด็ก
การให้เด็กเล่นเกมตั้งแต่เด็ก
แม้ว่าเกมจะมีประโยชน์ในแง่ของการพัฒนาทักษะต่าง ๆ แต่การให้เด็กเล่นเกมตั้งแต่เด็กโดยไม่ควบคุมดูแลอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาการติดเกม เด็กอาจใช้เวลากับเกมมากเกินไป ส่งผลต่อการเรียน การใช้ชีวิต และความสัมพันธ์กับผู้อื่น
ลูกเป็นเด็กติดเกม
เด็กที่ติดเกมมักมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ละเลยหน้าที่ การเรียน การงาน อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย รู้สึกเบื่อหน่ายกับกิจกรรมอื่น ๆ หมกมุ่นอยู่แต่กับเกม
ปัญหาลูกติดเกม จะแก้อย่างไร
- ควบคุมเวลาการเล่นเกม: กำหนดเวลาการเล่นเกมให้เหมาะสมกับวัย เด็กเล็กควรเล่นเกมไม่เกิน 30 นาทีต่อวัน เด็กโตเล่นได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน
- เลือกเกมให้เหมาะกับวัย: เลือกเกมที่มีเนื้อหาเหมาะสมกับวัย หลีกเลี่ยงเกมที่มีเนื้อหาความรุนแรง
- ทำกิจกรรมร่วมกับลูก: หากิจกรรมที่เด็กสนใจทำร่วมกับลูก เช่น เล่นกีฬา อ่านหนังสือ เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ
- สื่อสารอย่างเข้าใจ: พูดคุยกับลูกด้วยความใจเย็น รับฟังปัญหาของลูก พยายามเข้าใจมุมมองของลูก
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น
ข้อควรระวัง:
- การห้ามเด็กเล่นเกมโดยเด็ดขาด อาจทำให้เด็กต่อต้าน
- การดุด่า ลงโทษ หรือใช้ความรุนแรงกับเด็ก จะยิ่งทำให้ปัญหามากขึ้น
- การเปรียบเทียบเด็กกับผู้อื่น จะทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจ
สอนลูกแยกแยะเกมความรุนแรง ป้องกันลูกเลียนแบบการใช้ความรุนแรง
การสอนลูกให้แยกแยะเกมที่มีความรุนแรงและไม่เลียนแบบพฤติกรรมในเกมมาใช้ในชีวิตจริงจึงสำคัญมาก โดยพ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าความรุนแรงในเกมเป็นเพียงเรื่องสมมติ ไม่ควรนำมาใช้ในชีวิตจริง และพูดคุยเกี่ยวกับผลเสียของความรุนแรง เช่น การทำร้ายผู้อื่น การสูญเสีย และต้องเน้นย้ำให้ลูกเคารพผู้อื่น ไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา
การเลี้ยงดูลูกเป็นสิ่งที่สำคัญ พ่อแม่ผู้ปกครองควรใส่ใจดูแลเอาใจใส่ลูก ควบคุมดูแลการใช้สื่อต่าง ๆ สื่อสารกับลูกอย่างเข้าใจ หากพบปัญหาควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้เด็กเติบโตอย่างมีสุขภาพจิตที่ดี
ขอขอบคุณภาพจากทาง Thairath
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลูกติดเกม ติดมือถือ อันตราย! วิธีเลี้ยงดูลูกอย่างไร ไม่ให้ลูกเสพติดจอ อย่าทำร้ายสุขภาพลูก
เด็กติดเกม ก้าวร้าว-ควบคุมตัวเองไม่ได้ ป้องกันและแก้ไขอย่างไรดี?
ลูกติดเกมส์ เล่นโซเชียล แพทย์เตือนเสี่ยง ตาเสื่อม อารมณ์ก้าวร้าว-แปรปรวน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!