รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาโศกนาฏกรรมสะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ถูกละเลยและทารุณกรรมของพ่อแม่ โดยพวกเขาชง “ นมสูตรแปลก ” ให้ลูกดื่มจนเสียชีวิตอย่างน่าสลด
Tamara Banks วัย 41 ปี และ Karmity Hoeb วัย 53 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมลูกสาว หลังผลชันสูตรชี้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากภาวะ DKA (Diabetic Ketoacidosis) หรือภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรด ซึ่งเกิดจากการที่เด็กดื่มนมผงผสมกับ “เครื่องดื่มโซดาที่มีรสชาติหวาน” เป็นประจำ ทั้งคู่มีลูกชายคนโตป่วยเป็นโรคเบาหวานเช่นกัน และอยู่ในอาการโคม่า แต่ Tamara อ้างว่า ไม่รู้ว่าการให้นมผงผสมน้ำอัดลมแก่ลูกสาว จะส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ
โดยโศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นในปี 2022 เมื่อลูกสาวของ Tamara เริ่มมีอาการป่วยหนักเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน แต่เธอกลับเพิกเฉย ไม่ยอมพาลูกสาวไปพบแพทย์ ปล่อยให้เด็กทนทุกข์ทรมานจนร่างกายเปลี่ยนเป็นสีม่วงและหยุดหายใจ ซึ่งผลการตรวจสอบจากแพทย์ พบว่าลูกสาวของเขามีฟันผุอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นถึงการละเลยและทารุณกรรมที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตอันแสนสั้น
ทั้งนี้ 2 สามีภรรยาได้บทลงโทษที่สมควรได้รับแล้วจากหลักฐานทั้งหมด อัยการโจทก์ยืนยันว่า Tamara รู้ดีว่าลูกสาวต้องหย่านมจากขวด แต่เธอกลับเลือกที่จะเพิกเฉย ผลลัพธ์ที่ได้คือ เด็กหญิงต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเบาหวาน และเสียชีวิตอย่างน่าสลด คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของการละเลยและทารุณกรรมเด็ก เป็นการกระทำที่ไม่สามารถให้อภัยได้ และคู่สามีภรรยาคู่ควรได้รับบทลงโทษที่สมควรแก่เหตุ
ที่มา: www.sanook.com
ภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน (DKA) คืออะไร
ภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน หรือที่เรียกว่า ภาวะเบาหวานคีโตอะซีโดซิส (DKA:Diabetic Ketoacidosis) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินเพียงพอ หรือไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (ภาวะไฮเปอร์กลีเซเมีย) ร่างกายจึงหันมาเผาผลาญไขมันเพื่อผลิตพลังงานแทนน้ำตาล กระบวนการนี้สร้างกรดที่เรียกว่า คีโตน ขึ้นมาในเลือด
สาเหตุหลักของภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน
- การขาดแคลนอินซูลิน: เกิดจากไม่ได้รับยาอินซูลินตามที่แพทย์สั่ง หรือร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ
- การติดเชื้อ: เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
- การขาดน้ำ: เกิดจากอาเจียน ท้องเสีย หรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอ
- การหยุดยาเบาหวาน: โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
- การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ
- ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์: เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง
ใครมีความเสี่ยงภาวะเบาหวานคีโตอะซีโดซิส
ปัจจัยเสี่ยง เพิ่มเติมของการเกิดภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน ได้แก่
- โรคเบาหวานประเภทที่ 1 พบได้บ่อยในเด็กและวัยรุ่น
- การตั้งครรภ์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 1
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือเป็นโรคอ้วน
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
อาการของภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน
- กระหายน้ำมาก
- ปัสสาวะบ่อย
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้อาเจียน
- ปวดท้อง
- หายใจเร็ว ลึก
- ลมหายใจมีกลิ่นผลไม้เน่า (อะซีโตน)
- สับสน ซึมลง
หากสงสัยว่าตนเองเป็นภาวะเลือดเป็นกรด ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด และตรวจปัสสาวะ หากพบว่าเป็นภาวะเลือดเป็นกรด ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลโดยทันที
นมสูตรแปลก นมผสมน้ำอัดลม อันตรายอย่างไร?
การผสมน้ำอัดลมกับนม เป็นที่นิยมในหลายประเทศ โดยเฉพาะในอเมริกาใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครื่องดื่มนี้มักถูกเรียกว่า “float” หรือ “milk shake” มีหลายสูตร นิยมใช้โคล่าผสมกับนมสด ไอศกรีม หรือวิปครีม และแน่นอนว่าเมื่อเครื่องดื่มที่เด็ก ๆ ชอบมาผสมรวมกันทำให้พวกเขาดื่มจนไม่รู้สึกแปลกอะไร เพราะมีนมสูตรแปลก หรือนมผสมน้ำอัดลมมีรสชาติหวานซ่า มีความมัน และทำให้รู้สึกสดชื่นหลังดื่มอีกด้วย
จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่าการดื่มนมผสมน้ำอัดลม ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่ควรดื่มอย่างพอประมาณ และหมั่นสังเกตผลกระทบต่อร่างกายของตัวเอง อย่างไรก็ตาม การดื่มนมผสมน้ำอัดลม อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนี้
ท้องอืด ท้องเฟ้อ
เนื่องมาจากน้ำอัดลมมีกรดคาร์บอนิกที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะกลายเป็นแก๊สและไปสะสมตัวอยู่ในกระเพาะอาหาร แก๊สนี้อาจจะดันกระเพาะอาหารให้ป่องขึ้น จนรู้สึกอึดอัด แน่นท้อง หรือท้องเฟ้อ นอกจากนี้ น้ำอัดลมบางชนิดมีคาเฟอีนซึ่งอาจกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ รวมถึงโปรตีนในนมเองก็อาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้เช่นกัน โดยเฉพาะในคนที่แพ้โปรตีนนม หรือมีปัญหาในการย่อยโปรตีนนม
ฟันผุ
น้ำตาล ในน้ำอัดลมเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก แบคทีเรียเหล่านี้จะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นกรด กรดเหล่านี้จะกัดเซาะผิวฟัน ทำให้เกิดฟันผุ รวมถึงกรดฟอสฟอริก ในน้ำอัดลมบางชนิด มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวฟัน ทำให้ฟันสึกกร่อน และในน้ำอัดลมมีฟองอากาศ ซึ่งฟองอากาศเหล่านี้จะดันอาหารเข้าซอกฟัน ทำให้อาหารตกค้างยากต่อการทำความสะอาด
โรคอ้วน
น้ำอัดลมมีส่วนทำให้คนอ้วนได้ โดยเฉพาะน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล เพราะน้ำตาลในน้ำอัดลมมีแคลอรีสูง และจากสาเหตุอื่น ๆ ที่นำไปสู่โรคอ้วน ดังต่อไปนี้
- น้ำตาลสูง: น้ำอัดลมทั่วไปมีน้ำตาลสูงมาก ขวดขนาด 350 มล. มีน้ำตาลประมาณ 35 กรัม ซึ่งคิดเป็นแคลอรีประมาณ 140 แคลอรี การดื่มน้ำอัดลมบ่อย ๆ โดยไม่ควบคุมปริมาณแคลอรีที่ได้รับจากอาหารประเภทอื่น ๆ ย่อมส่งผลต่อน้ำหนักตัว
- ไม่มีสารอาหาร: น้ำอัดลมไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีเพียงแคลอรีเปล่า
- กระตุ้นความอยากอาหาร: น้ำตาลในน้ำอัดลมกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลิน อินซูลินจะไปกระตุ้นให้รู้สึกหิว
- น้ำอัดลมสูตรน้ำตาล 0% : แม้จะไม่มีน้ำตาล แต่ยังมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งบางชนิดอาจส่งผลต่อระบบเผาผลาญ กระตุ้นความอยากอาหาร และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน
บทความที่น่าสนใจ: โรคอ้วน คืออะไร ความอ้วนเกิดจากอะไร ? ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคอ้วน
นิ่วในไต
น้ำอัดลมมีส่วนทำให้เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตจริง เนื่องจากมีปัจจัยดังต่อไปนี้
- ฟรุกโตส: น้ำอัดลมส่วนใหญ่มีน้ำตาลฟรุกโตสสูง ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนฟรุกโตสเป็นกรดซิตริก กรดซิตริกนี้จะไปจับกับแคลเซียมในปัสสาวะ กลายเป็นก้อนนิ่ว
- ฟอสฟอรัส: น้ำอัดลมบางชนิดมีฟอสฟอรัสสูง ฟอสฟอรัสไปจับกับแคลเซียม กลายเป็นก้อนนิ่ว
- น้ำตาล: น้ำอัดลมมีน้ำตาลสูง การดื่มน้ำอัดลมมาก ๆ ร่างกายจะขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว
โรคกระดูกพรุน
มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าการดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำอาจส่งผลต่อสุขภาพของกระดูกและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน โดยมีสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- ฟอสฟอรัส: น้ำอัดลมมักมีฟอสฟอรัสสูง ร่างกายต้องการฟอสฟอรัสเพื่อสุขภาพกระดูก แต่หากได้รับมากเกินไป ร่างกายจะดึงแคลเซียมจากกระดูกเพื่อรักษาสมดุลของฟอสฟอรัส ซึ่งอาจนำไปสู่กระดูกพรุนได้
- คาเฟอีน: น้ำอัดลมบางชนิดมีคาเฟอีน คาเฟอีนเป็นสารขับปัสสาวะ หมายความว่าร่างกายจะขับปัสสาวะออกมามากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพกระดูก
- น้ำตาล: น้ำอัดลมมีน้ำตาลสูง น้ำตาลเมื่อถูกย่อยโดยแบคทีเรียในปาก จะสร้างกรดที่กัดกร่อนฟัน ส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย
จากเหตุการณ์สลดใจที่เกิดขึ้น ล้วนตอกย้ำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการชงนมให้ทารกอย่างถูกต้อง เพราะไม่เพียงแต่ส่งผลต่อโภชนาการที่ลูกน้อยอาจได้รับไม่ครบถ้วน แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและพัฒนาการของลูกในระยะยาวอีกด้วย ทั้งนี้ด้วยความใส่ใจ ศึกษาข้อมูล เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก เพียงเท่านี้ ลูกน้อยของคุณก็จะได้รับสารอาหารครบถ้วน สุขภาพแข็งแรง พัฒนาการสมบูรณ์ เติบโตอย่างมีความสุข
ที่มา: www.bpksamutprakan.com, multimedia.anamai.moph.go.th
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
วิธีชงนมให้ลูก ชงนมอย่างไรให้ถูกวิธี
น้ำที่ใช้ชงนมให้ลูก เรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจคุณแม่ควรใช้น้ำแบบไหนเพื่อให้ลูกปลอดภัย ได้ประโยชน์
แกะกล่องนมผงสูตร 3 ที่แม่ผ่าคลอดเลือก มีสารอาหารสมองพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!