เมื่อวันอังคารที่ 30 เมษายน ผู้ใช้งานเฟสบุ๊คท่านหนึ่งที่ชื่อว่า กินเที่ยว สุโขทัย ได้โพสข้อความเกี่ยวกับกรณี พระลองของ “ ราดน้ำกรดใส่เด็ก ” จนได้รับบาดเจ็บ จนเป็นกระแสทำให้ชาวเน็ตแห่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันไม่หยุดเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมกับการกระทำของพระรูปนี้ มีการถกเถียงกันในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ บางคนมองว่าเป็นการลองของขลังที่อันตรายและไม่เหมาะสม
สยอง! พระจ้างเด็ก “ลองของ” ราดน้ำกรดใส่เด็ก ตำรวจเร่งสอบสวน
เรื่องเริ่มต้นที่พระรูปหนึ่งในวัดเขาแร่ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ใช้น้ำกรดลองของขลังกับเด็ก 5 คน อ้างว่าเพื่อทดสอบพุทธคุณ โดยพระรูปดังกล่าวราดน้ำกรดใส่เด็ก จนได้รับบาดเจ็บที่หลังมือ เด็กที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่าตนกับเพื่อนเข้าไปเล่นในวัดและถูกชักชวนให้ลองของขลังโดยจะได้รับเงิน 200 บาท รู้สึกเจ็บปวดหลังจากถูกน้ำกรดราด
ขอบคุณภาพจาก: กินเที่ยว สุโขทัย
พระรูปดังกล่าวเคยทำของขลังและลองกับตัวเองแล้วไม่เป็นไร ของขลังที่ใช้เป็นพระผงรูปคล้ายพระสมเด็จและสมเด็จโต ใส่กรอบพลาสติก รวมถึงทางลูกศิษย์ของพระอ้างว่าเคยลองของด้วยวิธีนี้มาหลายปีแล้วไม่เป็นอะไร และเด็ก ๆ สมัครใจเข้ามารับการทดสอบ
ขอบคุณภาพจาก: sanook.com
ผู้ปกครองของเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพระรูปดังกล่าว และลูกศิษย์ที่ร่วมก่อเหตุ โดยย่าของเด็กผู้เสียหาย ระบุว่าการราดน้ำกรดใส่เด็กกระทำแบบนี้ไม่เหมาะสม และเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าน้ำกรดอันตราย เบื้องต้นมีการตั้งข้อสงสัยถึงพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าว และความเหมาะสมในการลองของขลังกับเด็ก และตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กแก่พระและลูกศิษย์
ที่มา: sanook.com, facebook: กินเที่ยว สุโขทัย
พระลองของ ราดน้ำกรดใส่เด็ก อันตรายอย่างไร
จากข่าวดังกว่า ได้มีการโพสภาพของน้ำกรดขวดดังกล่าวที่ใช้ในการราดที่หลังมือของเด็กจนได้รับบาดเจ็บ เป็นน้ำกรดกำมะถัน หรือ กรดซัลฟิวริก (H2SO4) เป็นสารกัดกร่อน ทำลายผิวหนัง ตา ฟัน และปอด ทั้งนี้หากการสัมผัสในปริมาณรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิต โดยส่วนมากแล้วกรดซัลฟิวริก หรือน้ำกรดกำมะถัน มักถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรม ใช้ในการผลิตสารเคมีอื่น ๆ เช่น วัตถุระเบิด และกาว รวมถึงในการกลั่นน้ำมัน การชุบโลหะ และในแบตเตอรี่รถยนต์แบบตะกั่ว
น้ำกรดกำมะถัน อันตรายต่อเด็กอย่างไร
น้ำกรดกำมะถันเป็นสารเคมีอันตรายที่สามารถส่งผลร้ายแรงต่อเด็กได้หลายประการ เด็กๆ อาจเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านี้:
1. การสัมผัสผิวหนัง
หากน้ำกรดกำมะถันสัมผัสผิวหนังของเด็ก เช่น รั่วไหลจากขวดหรือหยดลงบนผิวหนัง เด็กอาจเสี่ยงต่อการไหม้ผิวหนังหรือระคายเคืองผิวหนังได้ เนื่องจากกรดสามารถกัดกร่อนผิวหนังและทำให้เกิดแผลและอาการระคายเคืองได้
2. การหายใจ
หากมีละอองน้ำกรดกำมะถันอยู่ในอากาศ เด็กอาจสูดดมละอองเหล่านี้เข้าสู่ปอด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจในระยะยาว
3. การกลืน
หากเด็กเผลอสัมผัสน้ำกรดกำมะถันแล้วกลืนเข้าไปในกระเพาะอาหาร เด็กอาจเสี่ยงต่อการไหม้ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดแสบร้อนในช่องคอและกระเพาะอาหาร อาเจียน และท้องเสียรุนแรง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกโดน น้ำร้อนลวก ปวดแสบปวดร้อน วิธีปฐมพยาบาล ใช้ยาสีฟันหรือแช่น้ำเย็น
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อราดน้ำกรดใส่เด็ก
สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “ตั้งสติ” การตื่นตระหนกจะทำให้การช่วยเหลือล่าช้า และควรรีบประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบว่าเด็กได้รับบาดเจ็บจากกรดประเภทไหน ปริมาณมากน้อยแค่ไหน และมีส่วนใดของร่างกายที่ถูกสัมผัส หลังจากนั้นควรโทรเรียกรถพยาบาลทันที แม้ว่าบาดเจ็บดูไม่รุนแรง แต่กรดบางชนิดอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ ระหว่างรอรถพยาบาล สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ดังต่อไปนี้
- ล้างผิวที่สัมผัสกรดด้วยน้ำสะอาด อย่างน้อย 15-20 นาที ใช้น้ำไหล อย่าใช้น้ำแข็ง อย่าถูหรือขัดผิว หากสัมผัสโดนเสื้อผ้า ให้รีบถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนกรดออก ทำอย่างระมัดระวัง อย่าให้เสื้อผ้าสัมผัสผิวหนังอีก
- ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ อย่าใช้ผ้าฝ้าย อย่าทาครีมหรือขี้ผึ้ง รักษาอุณหภูมิร่างกายของเด็กให้ปกติ ห่มผ้าให้เด็ก อย่าให้อาหารหรือน้ำแก่เด็ก รอจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง
- หากโดนที่ตาเช็ดตาด้วยน้ำสะอาด หากกรดเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 15-20 นาที ห้ามถูตา
- ติดตามอาการของเด็ก สังเกตว่าเด็กมีอาการหายใจลำบาก เจ็บปวด อาเจียน หรือมีอาการอื่น ๆ ที่ผิดปกติหรือไม่
ป้องกันลูกจากอันตรายจากคนแปลกหน้าอย่างไร
แม้ลูกน้อยของคุณเริ่มถึงวัยที่ต้องการความเป็นอิสระมากขึ้นแล้ว แต่พ่อแม่อย่างเราก็ยังคงต้องดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็อยากสอนลูก ๆ ของเราเกี่ยวกับการรับมือกับคนแปลกหน้า การสอนให้เด็กระวังคนแปลกหน้าสามารถช่วยให้พวกเขาปลอดภัยและลดความวิตกกังวลของพ่อแม่ได้ เราจะสอนลูกให้ระวังคนแปลกหน้าโดยไม่กลัวจนเกินไปได้อย่างไร?
1. อธิบายความหมายของ “คนแปลกหน้า”
เด็ก ๆ อาจไม่เข้าใจว่าใครคือคนแปลกหน้า อธิบายให้พวกเขาฟังว่าคนแปลกหน้าคือคนที่พวกเขาไม่รู้จัก อธิบายว่าแม้แต่คนที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ใช่คนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือครู ก็ยังถือว่าเป็นคนแปลกหน้า
2. สอนให้ลูกบอกปฏิเสธ
สอนให้ลูกกล้าปฏิเสธ ฝึกให้พวกเขาพูดว่า “ไม่” เสียงดัง ชัดเจน และมั่นใจ อธิบายว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าทำไมถึงปฏิเสธ เพียงแค่บอกว่า “ไม่” ก็เพียงพอ
3. สอนให้ลูกขอความช่วยเหลือ
สอนให้ลูกขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่พวกเขารู้จักและไว้ใจได้ เช่น พ่อแม่ ครู ตำรวจ หรือพนักงานในร้านค้า อธิบายว่าพวกเขาสามารถขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ที่สวมเครื่องแบบ เช่น ตำรวจ รปภ. หรือพนักงานขายของ
4. สอนให้ลูกบอกเล่าเหตุการณ์
สอนให้ลูกบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนแปลกหน้าให้พ่อแม่ฟัง อธิบายว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะบอก พ่อแม่จะรับฟังและช่วยเหลือพวกเขา
5. เน้นย้ำข้อควรระวัง
เน้นย้ำข้อควรระวังอยู่เสมอ เช่น ห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้า ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า ห้ามบอกข้อมูลส่วนตัวให้คนแปลกหน้าทราบ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็น ระวังตัวเมื่ออยู่กับคนแปลกหน้า ไม่คุยหรือรับของจากคนแปลกหน้า และขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เมื่อจำเป็น
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือต้องปรับวิธีสอนให้เหมาะสมกับลูกของคุณ หมั่นพูดคุยกับลูกของคุณเกี่ยวกับความปลอดภัยอยู่เสมอ และสร้างบรรยากาศที่พวกเขาสามารถพูดคุยกับคุณได้อย่างเปิดกว้าง
ที่มา: www.cdc.gov, illinoisearlylearning.org
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
สอนลูก ให้มีไหวพริบ และ ปลอดภัยจากคนแปลกหน้า
สอนให้ลูกรู้จักปฏิเสธ ด้วยคำว่า “ไม่” ทำไมถึงต้องสอน?
เคล็ด(ไม่)ลับ! จัดบ้านให้ปลอดภัยสำหรับเด็ก ป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!