เชื่อว่าหลาย ๆ บ้านคงเคยเจอกับปัญหา ลูกเป็นหวัดบ่อย มีน้ำมูก ไอเรื้อรัง บางครั้งก็มีไข้ร่วมด้วย ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกังวล แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร เหมือนกับเหตุการณ์นี้ที่คุณแม่ท่านหนึ่งที่ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ลงในเฟซบุ๊ค เกี่ยวกับลูกชายที่ป่วยเป็นหวัดบ่อย มีน้ำมูก ไอเป็นบางครั้ง แต่ไม่มีไข้ ไม่เคยพาลูกไปดูคอ สุดท้ายมาตรวจพบว่าลูกเป็นต่อมทอนซิลโต
ลูกเป็นหวัดบ่อย สุดท้ายพาไปส่องคอ แม่แทบช็อค!
เมื่อคืนวันที่ 28 ก.พ. 2567 คุณแม่ท่านหนึ่งใช้นามว่า ปลายทาง ปลายสายรุ้ง ได้ออกมาโพสต์อุทาหรณ์เตือนในเฟสบุ๊ก โดยระบุว่า ลูกชายมีอาการเหล่านี้มาเป็นเวลานาน แต่แม่ก็ไม่ได้เอะใจ นึกแค่ว่า ลูกเป็นหวัดบ่อย จึงไม่เคยพาลูกไปดูคอ สุดท้ายเมื่อพาไปตรวจพบว่าลูกเป็น ต่อมทอนซิลโต ทำให้คนเป็นแม่แทบใจสลายที่ไม่สังเกตุอาการลูกให้ดีกว่านี้ โดยระบุดังนี้
“ภัยเงียบที่มากับ โรคหวัด
น้อง 6 ขวบ หนัก 30 กิโล
ลูกเป็นหวัดบ่อย มีน้ำมูก ไอเป็นบางครั้ง ไม่มีไข้ อาการนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม่พลาดเองที่ไม่เคยส่องดูคอลูกเลย จนเป็นหนัก จุดเริ่มต้น ช่วงเปิดเรียน พย ลูกเป็นหวัดบ่อยมาก เดือนละ 1-3 ครั้ง อาการคือ ช่วงเช้าๆ ลูกมักจะมีน้ำมูก (น้ำมูกไสๆ) มีเสมหะ บ้าง จะเป็นแบบนี้ประจำ ไม่มีไข้ อากาศร้อนก็เป็น ฝนตกก็เป็น หนาวก็เป็น เดี๋ยวหาย เดี๋ยวเป็น (ไม่เคยมีอาการเจ็บคอ) แม่ก็ซื้อยาทานเอง ยาลดน้ำมูก ไม่ได้ไปหาหมอ
ช่วงปลาย พย ไข้สูง ไอ น้ำมูก เสมหะเยอะ พาไปหาหมอจนต้องพ่นยา หมอบอกเป็น RSV รักษาอยู่ประมาน 2-3 อาทิตย์ หลังจาก RSV หาย ได้ประมาน 1 เดือน ทุกอย่างปกติ ครั้งไหนน้องมีไข้สูง น้ำมูกเยอะจะไปหาหมอ แต่หมอก็ไม่เคยทักเรื่องต่อมทอมซิน
จากนั้นประมาน 2 อาทิตย์ เริ่มมีอาการนอนกรนแบบผิดปกติ (ปกติก็กรนอยู่แล้ว) เวลานอน แม่สังเกตเห็นว่า ลูกหายใจทางจมูกไม่ได้ จะนอนอ้าปาก หายใจทางปาก กรนเสียงดังแปลก ๆ เหมือนมีเสมหะในคอ บางจังหวะ ก็ดิ้นทุรนทุราย ร้องไห้ เหมือนหายใจไม่ออก ดิ้นจนตัวเองตื่น ลุกขึ้นนั่ง สักพักก็นอนใหม่ คล้ายนอนละเมอ และเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ประมาน 1 อาทิตย์
ด้วยอาการนี้ เลยพาไปปรึกษาหมอ ตอนนั้นยังแอบคิดว่าลูกปกติ เพราะลูกไม่มีอาการอะไร ไม่มีไข้ ไม่เป็นหวัด ไม่เจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก มีแค่นอนกรน คนอื่นก็มองว่าปกติ เด็กอ้วน ก็กรนเป็นปกติ หมอบอกว่า น้องต่อมทอมซิลโต ระยะที่ 3 เข้าระยะที่ 4 ต้องผ่าตัดอย่างเดียวถึงหายขาด มันเกิดจากน้องเป็นหวัดบ่อย จนกลายเป็น ภูมิแพ้เรื้อรัง ทำให้ต่อมทอมซินทำงานผิดปกติและโตกว่าปกติไม่ยุบ เวลาที่เป็นหวัดก็จะขยายขึ้นอีก หากปล่อยไว้ น้องอาจจะเกิดภาวะหยุดหายใจ ขณะหลับ
หมอให้ยาไปทาน และสังเกตอาการ 2 อาทิตย์ ผ่านไป 2 อาทิตย์ต่อมนี้ไม่ยุบเลย อาการนอนกรนก็ไม่ดีขึ้น แม่เลยตัดสินใจ ผ่า หมอก็สั่งให้แอดมิดเตรียมผ่าตัดทันที ฝากถึงแม่ ๆ หากลูกเป็นหวัดบ่อย ๆ ให้สังเกตที่คอลูกด้วยว่า ปกติไหม จะได้รักษาทันไม่ต้องผ่า เหมือนบ้านนี้ สงสารลูกมาก หลังผ่าเป็นอย่างไร จะมาเล่าให้ฟังใหม่คะ”
![ต่อมทอนซิลลโต](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/02/tonsillitis-1.jpg?width=700&quality=10)
![ต่อมทอนซิลโต](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/02/tonsillitis-2-1.jpg?width=700&quality=10)
![ต่อมทอนซิลโต](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/02/tonsillitis-3-1.jpg?width=700&quality=10)
รูปภาพจาก ปลายทาง ปลายสายรุ้ง
ซึ่งล่าสุด คุณแม่ได้โพสต์อัพเดตอาการลูกชายหลังผ่าตัดเสร็จ ในคืนเดียวกัน ดังนี้ค่ะ
“ออกจากห้องผ่าตัดแล้วครับ ใช้เวลา 30 นาที ฟื้นจากฤทธิ์ยา ก็ร้องไห้จนหลับ แม่ก็ร้องตามลูก อดทนนะลูก เดี๋ยวก็หายแล้ว สงสารที่สุด”
![ลูกเป็นหวัดบ่อย](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/02/tonsillitis-4-1.jpg?width=700&quality=10)
รูปภาพจาก ปลายทาง ปลายสายรุ้ง
และยังได้โพสต์รีวิว หลังลูกผ่าตัด ดังนี้ค่ะ
“รีวิว การผ่าต่อมทอมซิน น้อง 6 ขวบ (โรงพยาบาลรัฐ ใช้สิทธิบัตรทอง ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย) หมอจะนัดแอดมินก่อนผ่า 1 วัน นอน งดข้าว งดน้ำ งด 06.00 น ผ่า 13.40 น ด้วยวิธีดมยาสลบ (ที่ห้องพัก พยาบาลจะให้เตรียม กระติกน้ำแข็งใส่น้ำแข็ง แช่น้ำ นม ไอติม ให้เย็นจัด เตรียมไว้) คุณหมอจะให้ผู้ปกครองเข้าไปในห้องผ่าตัด ได้ 1 คน ก่อนผ่าหมอจะอธิบายขั้นตอนในการผ่าให้เราทราบ และเริ่มดมยาสลบ จนแน่ใจว่าลูกสลบแล้ว หมอก็จะให้เราก็ออกมารอด้านนอก ใช้เวลาผ่าประมาน 40 นาที จากนั้นประมาน 10 นาที น้องก็ตื่น พยาบาลจะเรียกเราเข้าไปดูลูก นอนพักดูอาการในห้องพักฟื้น ประมาน 20 นาที ร้องไห้ลั่นห้องค่ะ มีอาการเวียนหัว ปวดหัว และเจ็บ จากนั้นก็กลับตึกพัก ห้ามลุกจากเตียงเพราะน้องยังเวียนหัวอยู่ เขาจะให้อมน้ำแข็ง ทานน้ำเย็นจัด ๆ ไอติม พยาบาลจะให้ยาแก้ปวด และวัดไข้ ทุก 4 ชั่วโมง และให้ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก (น้องไม่มีไข้ แค่เวียนหัวและเจ็บแผล) น้องอาเจียน 1 ครั้ง เป็นเลือดสีคล้ำ ๆ ออกมาเยอะมาก (พยาบาลห้ามไม่ให้อาเจียนแต่ลูกเราไม่ไหวจริง ๆ อาเจียนออกหมด)
ทั้งคืนไม่ได้นอนเพราะเจ็บแผล แม่ใช้เจลเย็นประคบไว้ตลอดคืน น้องก็ร้องไห้จนเพลีย หลับบ้าง รู้สึกตัวทีไรก็ร้องไห้ ลูกเราคือกินอะไรไม่ได้เลย น้ำก็ไม่กิน บ้วนน้ำลายทั้งคืน (เด็กบางคนก็กินได้เลยหลังผ่าแล้วแต่บุคคล) เช้าวันที่ 1 หลังผ่า อาการเจ็บเริ่มดีขึ้น ไม่ร้องไห้แล้ว แค่ไม่ยอมกินอะไรเลย ต้องบังคับกินน้ำ มีอาการเหนียวคอ น้ำลายเหนียว นอนซมทั้งวันเพราะยังเวียนหัวอยู่ *เวลานอนไม่กรนแล้วค่ะ ช่วงเย็นหมอมาตรวจแผล แผลปกติไม่มีการอักเสบ พรุ่งนี้เช้าหมอให้กลับบ้านได้ ( หลังผ่า 2 วัน จะทานได้เฉพาะของเย็นจัด ๆ น้ำเย็นจัด น้ำแข็ง นม ไอติม ห้ามไอติม นม ที่สีแดง สีดำ เพราะจะดูแผลยาก) เช้าวันที่ 2 เตรียมตัวกลับบ้าน เช้านี้หมอให้ทานโจ๊กได้ แต่ต้องเย็นก่อนค่อยทาน ห้ามทานร้อน ทานยาเสร็จ รับยาก็กลับบ้านค่ะ วิธีปฏิบัติตอนอยู่บ้าน หลังจากกลับบ้าน 2 สัปดาห์ หมอให้ทานอาหารอ่อน รสจืด โจ๊ก ข้าวต้ม นม อย่างอื่นงดก่อนค่ะ
ให้สังเกตแผล ถ้ามีเลือดออกให้กลับมา โรงพยาบาลทันทีมีข้อห้าม ห้ามว่ายน้ำ 3 สัปดาห์ (อันนี้ถามเจาะจงเพราะน้องเรียนว่ายน้ำทุกสัปดาห์) ปล.การผ่าทอมซินเด็กไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เหนื่อยหน่อยแค่วันแรกที่ผ่าเสร็จ จากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ 2 วันหลังผ่า น้องไม่กรน นอนปกติค่ะ รีวิว เพื่อประกอบการตัดสินใจของแม่ ๆ ทุกท่าน”
หากบ้านไหนที่ ลูกเป็นหวัดบ่อย คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมสังเกตอาการลูกอย่างใกล้ชิด ว่าลูกมีความผิดปกติอะไรบ้าง เช่น หายใจลำบาก หรือลูกนอนกรน ในคอมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ทาง theAsianparent Thailand ขอขอบคุณ คุณแม่เจ้าของเฟซบุ๊ก ปลายทาง ปลายสายรุ้ง ที่อนุญาตให้ทางเรานำเรื่องราวมาแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่คุณแม่ท่านอื่นกันค่ะ
Facebook: ปลายทาง ปลายสายรุ้ง
ต่อมทอนซิลโต เกิดจากอะไร
สาเหตุหลัก ๆ เมื่อ ลูกเป็นหวัดบ่อย มาจากระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรง ทำให้ติดเชื้อไวรัสได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อยู่ในวัยเรียน มักเล่นร่วมกับผู้อื่น และสัมผัสสิ่งของร่วมกัน เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ต่อมทอนซิล ซึ่งทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคเป็นด่านแรก จะถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ต่อมทอนซิลโตขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดอาการ ต่อมทอนซิลโต นั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ต่อมทอนซิลโต เป็นเพราะอะไร? มีสาเหตุมาจากอะไร? รักษาได้ไหม
อาการของ ต่อมทอนซิลโต
- เจ็บคอ
- มีไข้สูง
- กลืนลำบาก
- อาเจียนหลังทานอาหาร
- หายใจลำบาก
- นอนกรน
![ลูกเป็นหวัดบ่อย](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/02/shutterstock_621789902-1.jpg?width=700&quality=10)
ต่อมทอนซิลโต อันตรายไหม?
โรคต่อมทอนซิลโตสามารถพบได้บ่อยในเด็กอายุก่อน 10 ปี โดยส่วนมากมักเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ต่อมทอนซิลโตขึ้นชั่วคราว และจะค่อยๆ ยุบลงเองเมื่อร่างกายกำจัดเชื้อโรคได้ อย่างไรก็ตาม บางรายอาจเกิดภาวะต่อมทอนซิลโตแบบเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้ต่อมทอนซิลโตขึ้นไม่ยุบ และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น หายใจลำบาก นอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ ติดเชื้อในหูชั้นกลาง ภาวะไตวายเฉียบพลัน หรือแม้กระทั่งเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมทอนซิล ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตุอาการของลูกน้อย อย่างใกล้ชิด หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุทันที หรือควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
ต่อมทอนซิลโต รักษาอย่างไร
การรักษาต่อมทอนซิลโตต้องรักษาที่ต้นเหตุเป็นหลัก หากเป็นจากการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียต้องให้ยาปฏิชีวนะ แต่หากเป็นภูมิแพ้ต้องใช้ยารักษาภูมิแพ้ จัดสิ่งแวดล้อมในบ้าน ในห้องนอนให้สะอาดปราศจากฝุ่น ที่อาจทำให้จมูกระคายเคืองได้ง่าย ๆ ในบางกรณีอาจต้องได้รับการผ่าตัดต่อมทอนซิลออก เช่น ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบติดเชื้อของต่อมทอนซิลบ่อยมาก มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ หรือมะเร็งในต่อมทอนซิล โดยเฉพาะทุกครั้งที่อักเสบแล้วเป็นหนองหรือเป็นมากจนร่างกายทรุดโทรม
![ลูกเป็นหวัดบ่อย](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/02/shutterstock_272136371-1.jpg?width=700&quality=10)
โดยสรุปแล้ว แม้โรคหวัดจะเป็นเรื่องปกติในเด็ก แต่การที่ ลูกเป็นหวัดบ่อย อาจเป็นสัญญาณเตือนของต่อมทอนซิลโต ซึ่งโพสต์เฟซบุ๊กนี้จึงเป็นอุทาหรณ์เตือนใจคุณพ่อคุณแม่ ให้สังเกตุอาการของลูก ๆ และหากพบว่าบุตรหลานมีอาการที่ได้กล่าว ควรรีบพาไปปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
ที่มา : paolohospital.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อะดีโนไวรัส (Adenovirus) ทำลูกไข้สูง เป็นหวัด ตาแดง พ่อแม่ต้องระวัง!
ช็อก! เด็ก ป.1 ชักเกร็งเสียชีวิต! โรคหัวใจ ภัยร้ายที่พ่อแม่คาดไม่ถึง
“สุขภาพจิตเด็ก” เรื่องใกล้ตัวที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!