ช่วงนี้มีข่าวออกมาบ่อย ๆ เรื่องเด็กแกล้งกันในโรงเรียน จนเกิดเหตุการณ์นักเรียนทำร้ายกันเสียชีวิต ซึ่งปัญหาการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อเด็กทั้งผู้ถูกรังแกและผู้รังแก เด็กที่ถูกรังแกอาจเกิดปัญหา สุขภาพจิต ตามมา เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล กลัวการเข้าสังคม ไปจนถึงคิดฆ่าตัวตาย เด็กที่รังแกผู้อื่นก็อาจมีปัญหาสุขภาพจิตเช่นกัน เช่น ก้าวร้าว ขาดความยั้งคิด ไปจนถึงเป็นโรคทางจิตเวช
โดยสาเหตุหลักของความก้าวร้าวมักเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายใน เช่น ปัญหาการจัดการอารมณ์ ความโกรธ ใจร้อน หรือโรคทางจิตเวช และปัจจัยภายนอก เช่น ครอบครัวที่มีปัญหาความรุนแรง การถูกรังแก การอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ชอบใช้ความรุนแรง การใช้สารเสพติด และสื่อออนไลน์ที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรง หากเราได้เข้าใจสาเหตุของความก้าวร้าว ก็สามารถช่วยให้เราป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นพ่อแม่และผู้ปกครองจึงควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูกน้อยอยู่เสมอ หากพบว่าเด็กมีพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาจบ่งบอกถึงสัญญาณอันตรายของปัญหา สุขภาพจิต บางอย่างได้ ซึ่งหากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพจิตโดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต
3 สัญญาณปัญหา สุขภาพจิตเด็ก ที่ต้องรีบปรึกษาแพทย์
1) สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงปัญหาพฤติกรรม
เด็กเริ่มมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เริ่มทำร้ายตนเอง ทำลายข้าวของ ไม่ไปโรงเรียน ใช้สารเสพติด ขโมยของ โกหก แยกตัว ถูกรังแก และมีอาการนอนไม่หลับ
![สุขภาพจิต](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/01/mental-health-01.jpg?width=700&quality=10)
2) สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงปัญหาด้านอารมณ์
เด็กเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย เศร้า กังวล และ กลัว ซึ่งความรู้สึกนี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาด้านอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคเครียดหลังกระทบกระเทือนจิตใจ เป็นต้น
![สุขภาพจิต](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/01/mental-health-02.jpg?width=700&quality=10)
3) สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงปัญหาด้านความคิด
มีความย้ำคิดย้ำทำ คิดอยากทำร้ายตนเอง หรือสิ่งรอบตัว รวมไปถึงการคิดอยากทำร้ายผู้อื่น และหยุดความคิดที่กังวลไม่ได้
![สุขภาพจิตเด็ก เรื่องใกล้ตัวที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/01/mental-health-03.jpg?width=700&quality=10)
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมปัญหา สุขภาพจิต?
ซึ่งทาง นายแพทย์ พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้เผยว่า สาเหตุของความก้าวร้าว จริง ๆ แล้วไม่ได้เกิดมาจากปัจจัยเดียว แต่เกิดขึ้นจากหลาย ๆ ปัจจัย จึงควรต้องแก้ทุกปัจจัยไปพร้อม ๆ กัน ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มาดูกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำไมลูกก้าวร้าว ต้นตอของปัญหาความก้าวร้าวในตัวเด็ก มีแบบไหนบ้าง
![สุขภาพจิต](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/01/mental-health-04.jpg?width=700&quality=10)
1) ปัจจัยส่วนตัว
เกิดจากปัญหาการจัดการอารมณ์ การจัดการความโกรธ ความใจร้อน หรือเป็นโรคที่ยับยั้งชั่งใจคุมตัวเองยาก
2) ปัจจัยจากครอบครัว
หากเด็กถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่มีความก้าวร้าวทางร่างกาย วาจา อารมณ์ ก็จะทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่หรือสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวได้
3) ปัจจัยทางโรงเรียน
ปัจจัยนี้ขึ้นอยู่กับสังคมที่อยู่รอบตัวของเด็ก หากมีการกลั่นแกล้งรังแก หรืออยู่ในกลุ่มเพื่อนที่นิยมความรุนแรง หรือมีการใช้สารเสพติด ก็เป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้ใช้ความรุนแรงในชีวิตประจำวันได้
4) ปัจจัยด้านสื่อออนไลน์
สื่อในยุคปัจจุบันอาจมีการเผยแพร่คอนเทนต์ เนื้อหาที่รุนแรง ซึ่งอาจกระตุ้นอารมณ์รุนแรงในตัวบุคคลได้ หากเด็กใช้เวลากับสื่อออนไลน์ที่มีเนื้อหารุนแรงเป็นประจำโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำ อาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบความรุนแรงได้ อาจทำให้เด็กเรียนรู้ว่าความรุนแรงเป็นวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งและรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายที่จะลองใช้ความรุนแรงในชีวิตจริง
วิธีการป้องกันปัญหาความรุนแรง และ สอนให้ลูกรู้จักจัดการอารมณ์ของตนเอง
1) คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักควบคุมหยุดความก้าวร้าวด้วยความสงบ เช่น ใช้การกอดหรือการจับมือให้เด็กหยุดการกระทำเหล่านั้น หลังจากที่เด็กอารมณ์สงบแล้ว ควรพูดคุยถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กไม่พอใจถึงแสดงความก้าวร้าวออกมา เพื่อสอนให้ลูกรู้จักระบายออกเป็นคำพูดได้ด้วย
2) ควรเริ่มฝึกฝนลูกน้อยตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ให้รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองเป็น เช่น ฝึกให้แยกตัวออกมาเมื่อตนเองรู้สึกโกรธ ให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลงก่อน
3) ฝึกให้ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจ มีจิตใจโอบอ้อมอารีแก่คน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
![สุขภาพจิตเด็ก เรื่องใกล้ตัวที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/01/mental-health-05.jpg?width=700&quality=10)
พ่อแม่: เซฟโซนด่านแรก ป้องภัยลูกจากปัญหา สุขภาพจิตเด็ก
นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ปกครองและบุคคลใกล้ชิดยังสามารถช่วยป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กได้ โดย พญ. วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้แนะนำวิธีดูแลสุขภาพจิตลูก ดังนี้
มีเวลาใส่ใจรับฟัง
เด็ก ต้องการการเอาใจใส่จากผู้ใหญ่ โดยเฉพาะจากพ่อแม่ ผู้ปกครองจึงควรใช้เวลาพูดคุยกับลูกอย่างจริงใจ ใส่ใจในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเด็ก ด้วยการถามคำถามง่าย ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกเล่าเรื่องของตนเอง เช่น “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” หรือ “วันนี้ไม่ชอบอะไรที่สุด” วิธีนี้ยังสอนให้ลูกรู้จักกับอารมณ์ของตนเองในแต่ละวันอีกด้วย
สร้างบรรยากาศในครอบครัวที่อบอุ่นและปลอดภัย
การสร้างบรรยากาศแบบนี้ จะสอนให้เด็กรู้สึกไว้วางใจที่จะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ โดยไม่กลัวว่าจะถูกบ่นหรือตำหนิ เพียงแค่ผู้ปกครองบอกกับลูกว่า “ถ้ามีใครทำให้ลูกเจ็บหรือเสียใจ บอกพ่อกับแม่ได้นะ” ก็จะสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับลูกและกล้าที่จะเล่าว่าตนเองถูกกระทำความรุนแรงหรือไม่
![สุขภาพจิต](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2024/01/mental-health-06.jpg?width=700&quality=10)
ที่มา : Posttoday, Thaipbs.com
โดยสรุปแล้ว สุขภาพจิต ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในเด็ก การเรียนรู้ที่จะรู้จักอารมณ์ของตนเองและจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม จะช่วยให้เด็กมีทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ ครู และชุมชน มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีของเด็ก ๆ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้ ปลูกฝังค่านิยมแห่งสันติภาพ และส่งเสริมความฉลาดทางอารมณ์ หากเด็ก ๆ มีสุขภาพจิตที่ดี ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข มีความมั่นใจในตนเอง ปรับตัวได้ดี และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โกรธ จะควบคุมอารมณ์โกรธยังไงดี มีวิธีไหนช่วยได้บ้าง ต้องอ่าน!!
นิทานธรรมะ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน : ความโกรธ สอนลูกให้ใจเย็น
ลูกโยน-ขว้างสิ่งของ เมื่อความ “โกรธ” ไม่ใช่เรื่องตลก แต่รับมือได้ใน 4 ขั้นตอน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!