เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา มีสื่อท้องถิ่นจากประเทศฟิลิปปินส์รายงานว่า นายแซม เวอร์โซซา ซึ่งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฟิลิปปินส์ ได้เสนอร่างกฎหมายให้โรงเรียนทั่วประเทศยกเลิก การบ้านเด็กนักเรียน ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะเล็งเห็นว่าในปัจจุบันนักเรียน เรียนหนักเกินไป ซึ่งมันไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ที่ดีขึ้น โดยยืนยันจากการวัดผลการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับนานาชาติ หรือ PISA ที่จัดอันดับให้นักเรียนฟิลิปปินส์มีคะแนนการอ่านเป็นอันดับโหล่ และคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เป็นอันดับรองที่โหล่ จากทั้งหมด 79 ประเทศ
ในส่วนของข้อมูลของสมาคมครูในฟิลิปปินส์ระบุว่า เด็กนักเรียนในต่างจังหวัดใช้เวลาในห้องเรียนทั้งหมด 10 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่นักเรียนในเมืองใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงต่อวัน และในปัจจุบันก็มีปัญหาจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น แต่บุคลากรการสอนกลับไม่เพียงพอ จึงทำให้ครูชดเชยด้วยการให้การบ้านเด็กเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งกรณีนี้ นายเวอร์โซซา ระบุว่า การร่างกฎหมายจะกำหนดให้ทางโรงเรียนประถม และโรงเรียนมัธยมงดให้การบ้านเด็กนักเรียนในช่วงสุดสัปดาห์ และการบ้านควรมีในวันปกติเท่านั้น และควรเป็นการบ้านที่ใช้เวลาทำไม่เกิน 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีเวลาพักผ่อน แล้วอีกอย่างเด็กนักเรียนบางคนที่ฐานะยากจนก็ไม่ได้มีอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้ทำการบ้าน ไหนจะต้องทำงานพาร์ตไทม์อีก ซึ่งต่างจากเด็กที่มีฐานะเพราะเขามีเวลาทำการบ้านได้เต็มที่
บทความที่เกี่ยวข้อง : การบ้านจำเป็นต่อเด็กไหม ทำไมเด็กต้องมีการบ้าน ลูกทำการบ้านให้อะไรบ้าง
การบ้านเด็กนักเรียน มีประโยชน์จริงไหม ?
การบ้านกับเด็กนักเรียนถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาตลอดอยู่แล้ว และมีการตื่นตัวเรื่องการบ้านกันมากขึ้นในยุคที่เด็ก ๆ เรียนออนไลน์ เนื่องจากโรงเรียนไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติจากวิกฤตโรคระบาด ซึ่งก็มีเสียงสะท้อนจากเด็ก ๆ หลายคนว่า การบ้านกำลังบั่นทอนชีวิตของพวกเขา เพราะต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากจนเกินไป จึงทำให้ผู้ใหญ่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า แท้จริงแล้วการบ้านอาจไม่ได้ให้ผลดีอย่างที่คิด แต่ถามว่ามันมีประโยชน์ไหม ความจริงก็มีประโยชน์กับเด็ก ๆ แค่บางช่วงเท่านั้น และไม่ใช่เด็กทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการทำการบ้านเยอะ
เด็กประถมฯ ได้ประโยชน์เล็กน้อยจากการทำการบ้าน
เคยมีวิจัยว่าการบ้านถือเป็นอันตรายต่อทัศนคติของเด็กที่มีต่อโรงเรียน เกรด และความมั่นใจในตนเอง เพราะทักษะทางสังคมและผลการเรียนของเด็ก ๆ ยังไม่ได้มีทักษะมากเท่าไร จึงมองว่ายังไม่ได้ประโยชน์เต็มที่จากการทำการบ้าน เพราะกิจกรรมที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพ สำหรับเด็กวัยนี้ก็คือ การให้เด็กได้อ่านหนังสือทุกคืน และคุณพ่อคุณแม่ก็ควรมีส่วนร่วมด้วยค่ะ
ม.ต้น ได้ประโยชน์จากการบ้านปานกลาง
ในงานวิจัยพบว่า การบ้านมีประโยชน์กับเด็ก ม.ต้น เพียงปานกลางเท่านั้น แต่ถ้าการบ้านมากเกินไปก็ไม่ได้ให้ประโยชน์กับเด็ก ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งการศึกษาในปี 2015 พบว่าเมื่อนักเรียน ม.ต้น หลายคน ได้ใช้เวลาในการทำการบ้านนานมากถึง 90-100 นาทีต่อวัน และผลคะแนนสอบคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ของนักเรียนก็เริ่มลดลงตามไปด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : ช่วยลูกเรื่องการบ้าน ไม่ใช่ทำการบ้านให้ลูก
ม.ปลาย ได้ประโยชน์จากการบ้านมากที่สุด
สำหรับนักเรียนในวัยนี้ แน่นอนว่าพวกเขาโตพอที่จะเรียนรู้ได้อย่างอิสระแล้ว การบ้านจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดี ตราบใดก็ตามที่ยังไม่มากจนเกินไป แต่ถ้าเกิดให้นักเรียนใช้เวลาทำการบ้านนานเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะทำให้พวกเขาสูญเสียเวลาในการพักผ่อนได้เช่นเดียวกันค่ะ ดังนั้น คุณครูจึงควรให้แบบพอดี และเนื้อหาของการบ้านก็ต้องช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของนักเรียนด้วย การงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในปี 2013 ที่ได้สำรวจนักเรียนมากกว่า 4,300 คน สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า หากนักเรียนใช้เวลาทำการบ้านเกิน 3 ชั่วโมง มักจะทำให้เครียดและกดดันค่ะ
การบ้านเด็กนักเรียน มีบทบาทสำคัญกับพ่อแม่หรือไม่ ?
หากมองเพียงผิวเผิน คงคิดว่าการบ้านเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ใช่ไหมคะ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปอีก จริง ๆ แล้วการบ้านก็คือ อีกหนึ่งตัวช่วยให้พ่อแม่มีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ของลูกมากขึ้น เพราะการบ้านจะทำหน้าที่คอยบอกเองว่า ลูกของเรามีจุดแข็งเรื่องอะไรบ้าง พวกเขาสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ แถมยังช่วยกระตุ้นให้เกิดบทสนทนาใหม่ ๆ อีกด้วย ยิ่งถ้าเกิดว่าคุณพ่อคุณแม่มีทัศนคติที่ดีต่อการทำการบ้านด้วย ลูกก็มีแนวโน้มที่จะมีทัศนคติที่ดีเช่นเดียวกันค่ะ
การบ้านทำให้เด็กฉลาดขึ้นไหม ?
นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลาย ๆ คนอยากรู้คำตอบว่า การบ้านมีผลช่วยให้เด็กฉลาดขึ้นหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็อย่างที่ได้กล่าวไปเมื่อข้างต้นแล้วนะคะว่า มันมีผลดีต่อนักเรียนบางกลุ่มเท่านั้น และอาจจะช่วยเสริมเรื่องวินัยได้บ้าง แต่หากเยอะเกินไปก็อาจจะทำให้เด็ก ๆ เกิดความเครียด ความกดดัน และไม่อยากเรียนแทน คุณครูต้องมีวิธีการรับมือกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น เน้นเรียนให้เข้าใจภายในห้อง และให้ทำแบบทดสอบแทนการให้การบ้านเด็ก ๆ เพราะมันทำให้พวกเขาสูญเสียเวลาที่จะไปแสวงหาความรู้ด้านอื่น ๆ ด้วยค่ะ เพราะจากการสำรวจ ประเทศที่ให้การบ้านน้อยอย่าง ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเช็ก และเดนมาร์ก ทำให้เด็ก ๆ มีผลการสอบที่ดีกว่าประเทศที่ให้การบ้านเด็กเยอะ ๆ อย่าง ไทย กรีซ และอิหร่าน เป็นอย่างมากเลยค่ะ
การให้การบ้านที่เยอะเกินไปสำหรับเด็กนักเรียน บางครั้งมันอาจจะทำให้พวกเขาหมดแรงจูงใจในการเรียนได้ นักวิจัยจึงได้ให้คำแนะนำว่าการบ้านที่ดีควรมีความท้าทายอยู่ด้วย แต่ต้องไม่มากจนนักเรียนรู้สึกท้อถอย ต้องมีเป้าหมายเพื่อปลูกฝังนิสัยการทำงาน และช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเป็นอิสระ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการบ้านแบบซ้ำ ๆ ค่ะ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!