X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

แฉ! โรงเรียนบนดอย ครูทำร้ายร่างกายเด็ก แถมเงินบริจาคถูกเบิกไปเที่ยวส่วนตัว

22 May, 2023
แฉ! โรงเรียนบนดอย ครูทำร้ายร่างกายเด็ก แถมเงินบริจาคถูกเบิกไปเที่ยวส่วนตัว

จะไม่ทนอีกต่อไป ครูสาวเปิดหน้าแฉความเละเทะของโรงเรียนบนดอยที่เชียงใหม่ ครูทำร้ายร่างกายเด็ก ลงโทษด้วยลำแข้งจนต้องหนีออกจากโรงเรียน แถมครูยังได้นำเงินบริจาคช่วยเด็กเบิกไปเที่ยวทะเล ร้องคาราโอเกะ จนเงินกองทุนเกือบหมดอีกด้วย ดับความฝันหลังทิ้งเมืองกรุงเพื่อเข้ามาเป็นครูดอย หวังช่วยเด็กด้อยโอกาส

 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 หลังเปิดเทอมได้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ก็เกิดเรื่องราวที่สร้างความสลดใจในแวดวงการศึกษาไม่น้อย นางสาวเพชรรัตน์ พันธุ์สุจริตไทย ครู คศ.1 ที่รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่แมะ จ.เชียงใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แฉพฤติกรรมของครูและบุคลากรในโรงเรียนบางคน ที่ทำหน้าที่อย่างไร้จิตสำนึกทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กนักเรียนที่ไม่มีทางสู้ เธอมองว่าเข้าข่ายทำร้ายร่างกาย และเป็นการทารุณกรรมเด็ก

 

โดยนางสาวเพชรรัตน์ ได้นำภาพเหตุการณ์ดังกล่าวที่ครูผู้ดูแลหอพักของโรงเรียน กำลังถือไม้เรียวสอบสวนความผิดเด็กนักเรียนชาย 4 คน บนลานข้างหอพัก หลังจากพบว่าขนมในห้องพักครูถูกขโมยไป ในวิดีโอจะเห็นได้ว่าครูกำลังสอบสวนเด็กในลักษณะข่มขู่ ก่อนจะใช้เท้าเหยียบบ่าของเด็กชายคนหนึ่ง และถีบจนเด็กล้ม จากนั้นได้ใช้ไม้ตีเด็กชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ กัน และใช้เท้าเตะจนล้มคว่ำ ขณะเดียวกันเด็กชายทั้งสองร้องไห้และอยู่ในอาการหวาดกลัว หลังจากเกิดเรื่องทำให้เด็กชาย ป.3 อายุ 10 ขวบ หนึ่งในสองเด็กที่ถูกทำร้ายผวาหนัก จนไม่กล้ามาโรงเรียนอีกเลย และได้หนีกลับไปอยู่กับมูลนิธิเอกชนที่อุปการะอยู่ก่อนหน้า

 

ครูทำร้ายร่างกายเด็ก

 

Advertisement

นางสาวเพชรรัตน์ เผยว่า เหตุการณ์ในภาพเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้มีครูบางคนมาเล่าให้ฟัง และบอกว่าอยากดูคลิปหรือไม่ ส่วนตัวเธอเองไม่ชอบความรุนแรงจึงไม่ได้ดู แต่ในใจลึก ๆ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ยอมรับว่าเก็บเงียบไว้นาน และร่วมกันปกปิด เนื่องจากกลัวผลกระทบกับหน้าที่การงาน เพราะเธอทำหน้าที่เป็นรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนในลำดับที่ 2 หากเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา อาจถูกลงโทษไปด้วยในฐานะผู้บังคับบัญชา

และความรุนแรงต่อเด็กไม่ได้มีแค่เหตุการณ์ที่เป็นข่าวเท่านั้น ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ครูผู้ดูแลหอพักคนเดียวกัน ยังได้ลงโทษเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งที่คิดว่าไปพังประตูห้องน้ำอีกด้วย ซึ่งเด็กคนนั้นอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น ทำให้หวาดกลัวจนวิ่งหนีเข้าป่า ก่อนที่ภายหลังจะยอมกลับมาเรียนต่อ

 

ครูทำร้ายร่างกายเด็ก

 

และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ครูฝ่ายการเงินได้นำเอกสารแผ่นหนึ่งมาให้ดู พร้อมขอให้ช่วยเหลือ โดยในเอกสารระบุว่า ผู้บริหารและครูบางคนได้เบิกเงินในกองทุนช่วยเหลือเด็กที่มีผู้บริจาคมาให้ นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ อ้างว่าไปราชการที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งมีทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเหมารถ ค่าน้ำมันรถ รวมเป็นเงิน 37,100 บาท แต่ในความจริงเป็นการเดินทางไปส่งผู้บริหารระดับเขตคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีหนังสือไปราชการตามระเบียบ

 

นอกจากนี้ ยังได้มีการเบิกเงินจากกองทุนเดินทางไปที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อซื้อโซลาร์เซลล์ แต่พบว่าได้นำเงินบางส่วนไปเที่ยวคาราโอเกะ โดยมีครูคนหนึ่งที่เดินทางไปด้วย โดยใช้เงินไป 15,000 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินบริจาค และได้ทราบว่าก่อนเปิดเทอมมีเงินบริจาคในกองทุนประมาณสองแสนบาท แต่ปัจจุบันเหลือเพียงสามหมื่นกว่าบาทเท่านั้น

 

สำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม้จะยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีใด ๆ แต่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.เชียงดาว เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้การช่วยเหลือกับผู้ปกครองเด็ก รวมทั้ง ครูเพชรรัตน์ ตามกรอบของกฎหมายอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง : เด็กโดนทำร้ายร่างกาย สังเกตอย่างไร? ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าลูกโดนทำร้ายร่างกาย

 

ครูทำร้ายร่างกายเด็ก พ่อแม่มีวิธีรับมือยังไงบ้าง ?

เมื่อครูกลายเป็นคนที่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก ๆ ไม่ว่าจะด้วยการทำร้ายทางร่างกาย หรือทำร้ายด้านจิตใจด้วยการใช้คำพูดด่าทอรุนแรง และชอบอ้างว่าเป็นการลงโทษ เพราะเด็กทำผิดหรือเพราะหวังดีก็ตาม แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม การใช้ความรุนแรงกับเด็กก็นับเป็นความทารุณที่ยากจะเข้าใจได้เช่นเดียวกัน เพราะผลกระทบที่เกิดกับเด็กผู้ถูกกระทำนั้น อาจจะร้ายแรงเกินกว่าที่ครูคนหนึ่งจะรับผิดชอบได้ไหว

 

ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกกำลังถูกคุณครูหรือบุคลากรของโรงเรียนทำร้ายให้บาดเจ็บหรือทำให้หวาดกลัว นอกจากรีบดำเนินการให้ถึงที่สุดแล้ว อย่าลืมเยียวยาด้านร่างกายและจิตใจของลูกให้กลับมา เลิกหวาดกลัว และสอนให้เขารู้จักปกป้องตัวเองด้วยการรีบบอกคุณพ่อคุณแม่ทันทีหลังจากถูกทำร้ายร่างกาย โดยสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พอจะช่วยให้ลูกรับมือกับความรู้สึกนี้ได้ มีดังนี้

 

1. เปิดโอกาสให้ลูกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เด็ก ๆ ที่เพิ่งผ่านการโดนทำร้ายมาอาจจะยังรู้สึกหวาดกลัว และไม่กล้าพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าและระบายความในใจออกมา โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยปลอบด้วยความรัก ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเยียวยาจิตใจของลูกเลยก็ว่าได้

 

2. กระตุ้นความเชื่อมั่นในตัวลูก

เด็กที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนใหญ่แล้วมักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่มีความมั่นใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องโดนตำหนิและลงโทษอยู่เสมอ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้มันส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของลูกเป็นอย่างมากเลยค่ะ สิ่งที่คุณพ่อคุณทำได้ก็คือ ทำให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเอง ด้วยการกล่าวชื่นชมว่าลูกทำสิ่งต่าง ๆ รวมถึงให้โอกาสลูกได้ดูแลและช่วยเหลือตัวเองมากขึ้นด้วยค่ะ

 

ครูทำร้ายร่างกายเด็ก

 

บทความจากพันธมิตร
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ

3. สอนให้ลูกรู้จักแสดงความเสียใจออกมา

การสอนให้ลูกยอมรับว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไร ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ เช่น หากถูกคุณครูที่โรงเรียนใช้ความรุนแรง ลูกรู้สึกเจ็บทั้งทางร่างกายหรือรู้สึกเสียใจที่ครูมีพฤติกรรมอย่างนั้น ก็สามารถแสดงออกหรือบอกให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจได้เลย จะทำให้เขากล้าคุยทุกอย่างกับพ่อแม่มากขึ้น

 

4. สอนให้ลูกรู้ว่าความเจ็บปวดมันจะค่อย ๆ หายไป

การทำร้ายร่างกายเด็ก ถือเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาก ๆ จนกลายเป็นความทรงจำที่ไม่ดีในวัยเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยเยียวยาจิตใจของลูกด้วยการสอนให้ลูกเข้าใจว่าความเจ็บปวดหรือสิ่งไม่ดีที่ลูกเจอ มันจะเกิดขึ้นแค่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อโตขึ้นเดี๋ยวมันจะค่อย ๆ หายไปเอง

 

เมื่อไรก็ตามที่คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าลูกถูกทำร้ายร่างกาย สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการทำความเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของลูก เพื่อไม่ให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว เพราะมันอาจจะนำไปสู่แผลในใจของเขาได้เมื่อโตขึ้นค่ะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการของลูกได้ เมื่อเขารู้สึกต่อต้านการไปโรงเรียน

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

พี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย เด็ก 1 ขวบ จับหัวกระแทกพื้นปูนจนสมองบวม

ความรุนแรงในครอบครัว เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง

พ่อแม่ที่ตีลูก ดุด่าลูก ใส่อารมณ์กับลูก ระวังลูกโตไปเป็นเด็กเสียคน ไร้วินัย

ที่มา :

thairath.co.th

aboutmom.co

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

supasini hangnak

  • หน้าแรก
  • /
  • ข่าว
  • /
  • แฉ! โรงเรียนบนดอย ครูทำร้ายร่างกายเด็ก แถมเงินบริจาคถูกเบิกไปเที่ยวส่วนตัว
แชร์ :
  • คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

    คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

  • สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

    สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

  • เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

    เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

  • คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

    คนไทยไม่ปั๊มลูกแล้วจ้า! ไทยติดโผประเทศที่มี อัตราการเกิดลดลง อันดับ 3 ของโลก ในรอบ 74 ปี

  • สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

    สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

  • เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

    เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว