กลายเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจในครอบครัวทันทีค่ะ ปัญหาระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้แบบนี้ โดยเฉพาะล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ สะใภ้ชาวไต้หวันรายหนึ่ง ที่ได้โพสต์ระบายความอึดอัดถึงเรื่องที่ สาวท้องโกรธแม่สามี เพราะขโมยแมวไปให้คนอื่นเลี้ยง โดยแม่สามีให้เหตุผลว่า “ถ้าเลี้ยงแมวจะคลอดลูกพิการ”
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศค่ะ โดยสาวชาวเน็ตรายหนึ่ง ได้โพสต์ระบายลงใน Dcard ฟอรัมยอดนิยมของไต้หวัน ซึ่งเธอบอกว่า แม่สามีของเธอบุกเข้าไปในบ้าน และแอบขโมยแมวที่เธอเลี้ยงมา 9 ปี ไปมอบให้กับญาติโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้นเหตุทำให้ สาวท้องโกรธแม่สามี
โดยเล่ารายละเอียดว่า “ฉันเลี้ยงแมวมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน และจนตอนนี้ก็ 9 ปีแล้ว มันเป็นนางฟ้า เชื่อฟังมาก ไม่ส่งเสียงดัง และไม่เคยกัดหรือข่วน อย่างไรก็ดี หลังจากแต่งงานและซื้อบ้านอยู่กับสามี เวลาแม่สามีมาเยี่ยมก็มักบ่นบ่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องแมวว่าสกปรก มีหมัด ขนร่วงตลอด อุจจาระก็เหม็นมาก ทั้งที่เธอเลี้ยงแมวระบบปิด อีกทั้งมันยังขนสั้นด้วย”
เธอยังได้เล่าเพิ่มเติมด้วยว่า เรื่องที่ทำเอาเธอสุดทนเกิดขึ้น หลังจากที่เธอรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แม่สามีดูดีใจมาก ๆ และบอกว่าเธอจะมาเยี่ยมที่บ้านให้บ่อยขึ้น เพื่อช่วยดูแลเรื่องต่าง ๆ และจู่ ๆ วันหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า ได้ยินมาจากคนอื่นว่า คนตั้งท้องเลี้ยงแมวไม่ได้ เพราะจะทำให้เด็กที่คลอดออกมาพิการ
เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็เข้าใจเจตนาของแม่สามี จึงอธิบายว่า แมวมีโอกาสติดเชื้อ Toxoplasma gondii และเชื้อ Toxoplasma gondii ในคนได้ แต่โอกาสน้อยมาก เพราะแมวของเธอกินแต่อาหารกระป๋อง และกินอาหารทะเลต้มที่บ้านบ้างบางครั้ง ซึ่งอาหารต้มที่ว่านั้นไม่ได้ปรุงรส อีกทั้งปกติมันก็ไม่เคยออกไปไหน ดังนั้นมันจะไม่มีโอกาสกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ทั้งนี้เธอยังหมั่นดูแลมันอย่างดี ถ่ายพยาธิ และทำความสะอาดทรายแมวที่บ้านทุกวัน ส่วนตัวเธอเองเมื่อทำความสะอาดเสร็จ ก็ล้างมือด้วยสบู่เหมือนกัน
หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น สาวคนนี้ได้พยายามเกลี้ยกล่อมแม่สามี ด้วยการโต้เถียง พร้อมกับเอาข้อมูลที่สอบถามจากเพื่อนสัตวแพทย์มาบอก แต่แม่สามีก็ยังไม่เชื่อ และเรียกร้องให้กำจัดแมวทันที ซึ่งนั้นทำให้เธอโกรธมากและบอกไปว่า “ฉันทิ้งเขาไม่ได้ เขาคือครอบครัวของฉัน”
เรื่องราวเหมือนจะจบแค่นั้น แต่จู่ ๆ วันหนึ่งสามีของเธอก็โทรมาหาบอกว่า แม่ของเขามาที่บ้านและต้องการเอาแมวไปมอบให้กับลูกของญาติ คำบอกกล่าวนั้นทำให้เธอโมโหสุดทน ทำให้เธอต้องรีบลางานครึ่งวันเพื่อไปบ้านญาติ โดยที่เธอยังกินข้าวเที่ยงไม่เสร็จ
เมื่อเข้าไปเห็นแมวของเธอในกรง เธอเพียงแค่เข้าไปเอาแมวออกมา โดยไม่สนแม่ยาย ลูกพี่ลูกน้องของสามี หรือญาติคนอื่น ๆ และไม่พูดกับใครเลย หลังจากนั้นเธอจึงบอกสามีอย่างจริงจังว่า ให้เอากุญแจคืนมาหรือไม่ก็เปลี่ยนแม่กุญแจใหม่ แต่เธอกลับต้องอารมณ์เสียกว่าเดิม เพราะสามีเธอดันไม่เข้าข้าง ทำเพียงแปลกใจกับปฏิกิริยาที่เธอโมโหขนาดนี้
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอครั้งนี้ เธอเลือกที่จะปล่อยผ่าน เพราะถือว่าแมวยังอยู่ ถ้าแมวไม่อยู่แล้ว ก็คงต้องตบสั่งสอนสักทีสองที เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ชาวเน็ตก็แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด โดยคนส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า “เปลี่ยนแม่กุญแจอาจไม่พอ บางทีเลยต้องเปลี่ยนสามี!” และ “จับสามีใส่กรง แล้วส่งไปบ้านลูกพี่ลูกน้อง แล้วเปลี่ยนกุญแจ”
บทความที่เกี่ยวข้อง : แมว อันตรายต่อเด็กไหม อยากเลี้ยงแมวในบ้าน เลี้ยงได้หรือเปล่า
ภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในแมวที่น่ารัก
การเลี้ยงแมวขณะที่ท้อง มีส่วนช่วยให้คุณแม่มีอารมณ์ดี ลดความกังวลต่าง ๆ ได้ แต่อาจมีบางเรื่องที่ต้องรู้และระวังไว้คือ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจจะมีอันตรายที่คาดไม่ถึงตามมาได้ เพราะในลำไส้ของแมว จะมีเชื้อโรคหรือพยาธิที่เป็นตัวการให้เกิดโรค ท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) หรือ โรคขี้แมว
โรคนี้อาจจะเข้าสู่ร่างกายของแม่ท้องได้ หากไปโดนหรือสัมผัสกับขี้แมวและไม่ทำความสะอาดให้ดี เชื้ออาจจะเข้าสู่ร่างกายของแม่และส่งผ่านทางรกไปสู่ลูกน้อยในครรภ์ ช่วงที่อันตรายที่สุดคือช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้ลูกเสียชีวิต ตั้งแต่อยู่ในท้อง หรืออาจส่งผลต่อลูกน้อยหลังคลอดออกมาแล้ว 6-7 เดือน
เด็กที่ติดเชื้ออาจจะตาบอด ปัญญาอ่อน มีปัญหาด้านการเรียนรู้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ติดเชื้อนี้จะต้องมีอาการรุนแรง แม้ทารกบางคนที่ติดเชื้อ อาจจะไม่พบอาการผิดปกติก็ได้ แต่ก็คงไม่มีคุณแม่คนไหนอยากจะเสี่ยง ดังนั้นการป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นการดีที่สุด
อัตราการติดเชื้อโรคขี้แมว
อย่างที่บอกว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้แม่ท้องมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดโรคนี้ได้ โดยแบ่งเป็นอัตราส่วนดังนี้
- 60% ของทารกที่ติดเชื้อจะไม่พบอาการผิดปกติ
- 30% ของทารกที่ติดเชื้อจะมีอาการรุนแรง หรือพิการแต่กำเนิด เช่น สมองบวมน้ำ, มีการสะสมของแคลเซียมในสมอง, การอักเสบของจอตาและประสาทตา, อารมณ์ผิดปกติ
- 10% ของทารกที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต
นอกจากนี้ยังพบว่า ทารกที่ติดเชื้อ หลังคลอดแล้ว 6-7 เดือน อาจจะตาบอด มีปัญหาด้านการเรียนรู้ แต่ในบางเคสก็ไม่พบอาการรุนแรง หรือทารกบางคนแม้ได้รับเชื้อ ก็ไม่มีอาการผิดปกติ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 สิงหาคม วันแมวโลก (World Cat Day) เพื่อช่วยเหลือน้องเหมียวที่ถูกทำร้าย
วิธีป้องกันไม่ให้ติดโรคขี้แมว
- แม่ท้องควรกินอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ถ้าเป็นผลไม้ก็ควรล้างให้สะอาด และปอกเปลือกก่อนรับประทาน
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนที่จะหยิบอาหารเข้าปาก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสดิน ทราย โดยเฉพาะกระบะทรายของแมว หากจำเป็นต้องสวมถุงมือ และล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
- ควรให้แมวที่เลี้ยงกินอาหารที่สุก เพราะแมวได้รับเชื้อมาจากอาหารที่ดิบ และไม่สะอาด
- ไม่ควรให้แมวขึ้นมานอนร่วมเตียงด้วย เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ติดพยาธิ เสี่ยงกับการแพ้ขนแมว จนทำให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ
- ไม่เล่น หรือสัมผัสแมวจรจัด ไม่ให้แมวของบ้านอื่นเข้ามาในเขตบ้าน
- พาแมวและสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนตามกำหนด
- ฝากญาติพี่น้อง เพื่อน หรือ โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงแมวไปจนกว่าจะคลอดลูกแล้ว
หากคุณแม่มีร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคอยู่ อาการก็จะคล้ายกับการเป็นหวัดธรรมดา แล้วก็หายไป นอกจากเชื้อโรคจากขี้แมว คุณแม่ท้องต้องระวังไม่ให้เจ้าเหมียวกระโดดมาทับตัว หรือขึ้นมานอนบนท้องด้วย เพราะอาจทำให้กระทบกระเทือนถึงลูกในครรภ์ได้ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สลดใจ เด็ก 9 ขวบ หนีออกจากบ้าน พร้อมแมวส้ม โชคดีกู้ภัยเจอเร่งส่งคืนยาย
ป้ายยา 10 เป้ใส่แมว สายสะพายนุ่ม พกพาง่าย สะดวกต่อการใช้งาน
75 แคปชั่นแมว แคปชั่นน้องหมา แคปชั่นรักสัตว์ คำคมทาสรักแมว รักน้องหมาดี ๆ
ที่มา : sanook, samitivejhospitals
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!