12 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในกลุ่มแอปพลิเคชัน Line ของ จ.อุดรธานี ได้แสดงความยินดี และชื่นชม กับ “น้องพีท” นายภัทรพล ธนพิทักษ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ที่ได้สร้างชื่อเสียงคว้า เหรียญทอง ในการแข่งขันและสร้างความภาคภูมิใจให้กับโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล รวมทั้งชาวจังหวัดอุดรธานี และประเทศไทยด้วย
เด็ก ม.3 ได้ เหรียญทอง คว้ารางวัลโอลิมปิก
ในการคว้ารางวัลชนะเลิศ เหรียญทอง ในการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (International Junior Science Olympiad: IJSO) ประจำปี 2565 ครั้งที่ 19 ที่ประเทศโคลัมเบีย และรางวัลที่ 1 ประเภททฤษฎี และเป็นเหรียญทองเหรียญเดียวของประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีเด็กไทยที่สามารถคว้าเหรียญเงินได้อีก 4 รางวัล ได้แก่
- นายทัดภู อุดมเกียรติ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม นายพีรกร ตรีจักรขจร โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
- นายนภหิรัณย์ สถิรประภากุล โรงเรียนมัธยมปัญญารัตน์
- นายณัฐกร เหมสนิท โรงเรียนแสงทองวิทยา
- นายธนัฐถ์ ลิ่มอภิชาต โรงเรียนแสงทองวิทยา
ในการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ของระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นสาขาหนึ่งในสาขาของโอลิมปิกวิชาการประเภทเดียว ที่ผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เนื่องจากการแข่งขันมีข้อกำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันต้องมีอายุน้อยกว่า 15 ปีในวันแข่งขันนั่นเอง
โดยจัดให้เริ่มแข่งขันครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 ณ เมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งป็นประเทศที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขัน โดยจะผลัดเปลี่ยนกันในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และมีการจัดการแข่งขันทุก ๆ ปี โดยแต่ละประเทศสามารถส่งผู้เข้าร่วมการแข่งขัน แบ่งเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 6 คน และอาจารย์ผู้คุมทีมอีก 3 คนค่ะ
รางวัลในการแข่งขัน
หลังจากได้ทำการตรวจข้อสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้าแข่งขันจะถูกเรียงลำดับตามคะแนน 10% ของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดที่ได้คะแนนสูงสุด จะได้รับเหรียญทอง 20% ถัดมาจะได้รับเหรียญเงิน ส่วน 30% ถัดมาจะได้รับเหรียญทองแดง และยังมีรางวัลสำหรับทีมที่ได้คะแนนในการสอบภาคปฏิบัติการสูงสุด รางวัลสำหรับประเทศที่ได้คะแนนรวมดีที่สุดในการแข่งขัน ทั้งยังมีรางวัลให้แก่ผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนภาคทฤษฎีสูงสุด และคะแนนรวมสูงสุดอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : 4 เด็กไทยผงาด คว้าแชมป์ภาพวาดนกฮูก จากเวทีนานาชาติ 2022
เลี้ยงลูกอย่างไร ให้ฉลาด สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
1. สร้างโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้
สภาพแวดล้อมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านสมองที่ดีขึ้น รวมถึงสภาพแวดล้อมที่บ้านและที่โรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เปิดโลกทัศน์ของลูก ไม่จำกัดหรือปิดกั้นพัฒนาการเด็กด้วยคำว่า “อย่าทำ”
2. ดื่มนมคุณแม่นานขึ้น
จากผลการศึกษาในเรื่องการพัฒนาสมองหลายชิ้น แสดงให้เห็นว่าระยะเวลาที่เด็กได้ดื่มนมแม่เชื่อมโยงกับการที่เด็กจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาด ทั้งยังเผยอีกว่าทารกที่กินนมแม่มีโอกาสพัฒนา IQ ได้ดีกว่าเด็กที่กินนมผสม การได้รับสารอาหารและวิตามินจากน้ำนมแม่จะช่วยเสริมพัฒนาการของสมองเด็ก ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคจิตเวชได้ในอนาคตอีกด้วย
3. เรียนรู้จากการเล่น
ในวัยเด็กการเรียนรู้เกิดจากการเล่น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมหรือศิลปะที่สร้างสรรค์ เช่น เกมกระดาน วาดภาพ เล่นดนตรี ร้องเพลง หรือเกมที่เน้นใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการเคลื่อนไหว การเล่นจะช่วยส่งผลต่อพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ทั้งด้านสังคม อารมณ์ ร่างกาย และสติปัญญา
4. พาลูกไปออกกำลังกาย
การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการพัฒนาเซลล์สมอง ทำให้เลือดเกิดการหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี เมื่อสมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ช่วยให้มีสมาธิ ความเร็วในการคิดวิเคราะห์ และกระบวนคิดอย่างมีเหตุผลของลูกจะได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ให้กับลูกอีกด้วย
5. สอนให้ลูกคิดบวก
การคิดบวกหรือการตอบสนองเชิงบวก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพสมองของลูก การสอนลูกให้คิดบวก ยังช่วยให้ลูกได้ยิ้ม หัวเราะบ่อย ๆ เพราะในตอนที่ลูกยิ้ม หัวเราะ จะมีฮอร์โมนแห่งความสุข (Endophins) หลั่งออกมา ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลในเรื่องระบบความคิดการแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดี ในทางกลับกันการคิดในแง่ลบจะเป็นการบั่นทอน สติปัญญา สมองและจิตใจ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เลี้ยงลูกเชิงบวก วิธีพูดกับลูกเชิงบวก เลี้ยงลูก สอนลูกยังไงให้ลูกคิดบวก
6. สอนให้ลูกรักการอ่าน
การอ่านถือเป็นการสร้างความฉลาดที่ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่ควรหาหนังสือดี ๆ มาอ่านให้ลูกฟังเป็นประจำหรืออ่านเป็นตัวอย่าง นอกจากนี้ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกหนังสือที่ชอบเองด้วย พยายามอย่าบังคับลูกหรือสร้างข้อจำกัดในการอ่านของลูกมากเกินไป
7. ให้ความรักแก่ลูก
การที่ลูกได้รับการเลี้ยงดู จากพ่อแม่ด้วยความรัก นอกจากจะทำให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงทางด้านอารมณ์และมองโลกในแง่ดีแล้ว ยังช่วยพัฒนาการปรับตัวเข้าผู้อื่น อีกทั้งพัฒนาความฉลาดในเรื่องของความจำ การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการได้อีกด้วย
8. อาหารบำรุงสมอง
ลูกควรได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน และไม่ควรข้ามอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งไป รวมถึงลูกควรได้รับสารอาหาร สำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของสมอง เช่น ดีเอชเอ และโอเมก้า เพื่อช่วยให้การทำงานของสมองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
9. เรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ทุกเพศทุกวัย ต่างใช้สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต เพียงคุณพ่อคุณแม่เลือกใช้อย่างชาญฉลาด ด้วยการเลือกแอปพลิเคชัน หรือวิดีโอที่เป็นประโยชน์เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ควรให้คำแนะนำให้ลูกใช้เทคโนโลยีเท่าที่จำเป็นไม่มากจนเกิน และดูแลอย่างใกล้ชิดไป
10. ให้กำลังใจลูกอยู่เสมอ
การกระตุ้นลูกฉลาดไม่ใช่การให้เขาลงมือทำเพียงครั้งเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จ แต่เกิดจากการทำซ้ำบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นทักษะ กระบวนการคิดเกิดเป็นการเรียนรู้ และความฉลาด ดังนั้น เราควรพูดให้กำลังใจลูกอยู่เสมอเพื่อให้ลูกมีกำลังใจและรู้สึกดีที่จะเรียนรู้สิ่งนี้ต่อไป
คุณพ่อคุณแม่ย่อมต้องการที่จะให้ลูกเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความฉลาด ทั้งในด้านสติปัญญาและอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องยาก หากต้องการเลี้ยงลูกให้ฉลาด เพราะเด็ก ๆ สามารถพัฒนาเองได้ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ช่วยลูก ๆ ฝึกทักษะเหล่านี้เพิ่มเติม จะช่วยให้ลูกสามารถพัฒนาทักษะเพิ่มได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถฝึกการเรียนรู้และจดจำได้ดีอีกด้วย
บทความอื่นที่น่าสนใจ :
อยากให้ลูกฉลาดและเก่ง สร้างได้ด้วย กิจกรรมส่งเสริม ทักษะ EF
40 วิธีในการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาด อยากให้ลูกฉลาด หัวไว
การคลอดธรรมชาติทำให้ลูกฉลาด จริงหรือ วิธีสร้างพัฒนาการสมองของลูกน้อย
ที่มา : komchadluek.net
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!