วันแรกที่ลูก 2 ขวบจะก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียน น่าจะเป็นวันสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่และลูกต่างต้องเตรียมตัวกันอย่างดี เพื่อขจัดความกังวลใจเมื่อลูกต้องออกไปใช้เวลานอกบ้านตามลำพัง และเพื่อให้การเริ่มต้นการเรียนรู้ชีวิตในโรงเรียนเป็นไปอย่างราบรื่นลูกน้อยได้รับประสบการณ์ที่ดี ปรับตัวได้ และเรียนอย่างมีความสุข บทความวันนี้จะชวนมาเตรียมตัว ลูก 2 ขวบไปโรงเรียนวันแรก ให้พร้อมสำหรับการเปิดโลกใบใหม่ในโรงเรียนอนุบาลอย่างมีความสุขกันค่ะ
ลูก 2 ขวบ พร้อมหรือยังสำหรับการไปโรงเรียน?
ตามพัฒนาการแล้ว ลูกน้อยวัย 2 ขวบนั้น เริ่มมีความพร้อมในการเข้าสังคมมากขึ้นแล้วค่ะ สามารถสื่อสารและเล่นกับเด็กคนอื่นได้ นอกเหนือจากการมีปฏิสัมพันธ์คุณพ่อคุณแม่เท่านั้น รวมถึงจะเริ่มมีความสนใจสิ่งรอบตัว และต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โรงเรียนจึงเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ลูกน้อยได้เรียนรู้ พัฒนาตนเอง สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ ได้ ทำให้ได้รับประสบการณ์การในวงกว้าง และมีการเรียนรู้ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งทั่วไปเด็กเล็กสามารถเข้าโรงเรียนได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบขึ้นไปในระดับเตรียมอนุบาล
เตรียมตัวให้พร้อม “ก่อน” ลูก 2 ขวบไปโรงเรียนวันแรก
การเตรียมตัวทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยให้พร้อมก่อน การเข้าเรียนในวัยเตรียมอนุบาลนั้นสำคัญมากนะคะ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของพัฒนาการในการที่ลูกจะต้องแยกจากพ่อแม่ เพื่อเรียนรู้การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมใหม่ที่โรงเรียน ซึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจคือ
- เลือกโรงเรียนที่เหมาะสม มีกิจกรรมที่หลากหลาย สภาพแวดล้อมปลอดภัย
- พาลูกไปดูโรงเรียนล่วงหน้า เพื่อให้ลูกน้อยได้ทำความรู้จักกับโรงเรียน สร้างความคุ้นเคยกับบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน
- สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วม โดยอธิบายให้ลูกน้อยฟังอย่างง่าย ๆ ว่าโรงเรียนเป็นสถานที่สำหรับเล่นและเรียนรู้ สร้างความรู้สึกตื่นเต้น และมีส่วนร่วมในการอยากไปโรงเรียน
- เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น อาทิ กระเป๋าเป้ ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และของเล่นชิ้นโปรดของลูกน้อยไปด้วย
- ฝึกการทำกิจวัตรประจำวัน โดยคุณแม่ควรฝึกให้ลูกน้อยทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง เช่น การแปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว การกินข้าว การเข้าห้องน้ำ เพื่อให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพที่โรงเรียน
- ฝึกภาษาและการสื่อสาร เพื่อให้ลูก 2 ขวบ สามารถสื่อสารบอกความต้องการของตัวเองกับผู้อื่น รวมถึงโต้ตอบได้ อาทิ หนูอยากได้อะไร เพราะอะไร หรือ หนูรู้สึกอย่างไร เป็นต้น
- เตรียมใจรับมือกับความรู้สึกต่าง ๆ ของลูก เช่น การร้องไห้งอแงเมื่อต้องจากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอาจเกิดขึ้นได้เมื่อลูกรู้สึกกลัวและไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำเมื่อ ลูก 2 ขวบไปโรงเรียนวันแรก
เมื่อวันแรกของการไปโรงเรียนมาถึง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำเพื่อสร้างประสบการณ์การไปโรงเรียนวันแรกของลูกน้อยวัย 2 ขวบ ก็คือ
- ไปส่งลูกน้อยด้วยตัวเอง หากเป็นไปได้ควรไปส่งทุกวัน หรือพยายามไปส่งด้วยตัวเองในช่วงแรก ๆ เพื่อสร้างความรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยให้ลูก
- กล่าวลาอย่างอบอุ่นและสร้างความมั่นใจ เมื่อส่งลูกที่โรงเรียนแล้ว ก่อนจะกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ควรบอกลาลูกอย่างอ่อนโยนด้วยความรัก กอด หอม และบอกรัก พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้ลูกว่าหลังเลิกเรียนจะมารับเขากลับบ้านแน่นอน
- ติดตามสถานการณ์อยู่เสมอ โดยอาจติดต่อครูประจำชั้น เพื่อสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกน้อยในระหว่างวันเป็นระยะตามความเหมาะสม
- รับฟังความรู้สึกของลูก เมื่อรับลูกกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามลูกน้อยว่ารู้สึกอย่างไรบ้างสำหรับการไปโรงเรียนวันแรก อาจให้ลูกเล่าความสนุกที่เกิดขึ้น คุณแม่เล่าถึงช่วงเวลารอคอยลูกกลับบ้าน เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้สึกร่วมกัน ลูกจะได้รู้สึกว่าการไปโรงเรียนเป็นภารกิจที่ทั้งครอบครัวต้องพิชิตร่วมกัน
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อลูก 2 ขวบไปโรงเรียน
น่าจะเป็นปัญหายอดฮิตของแทบทุกบ้านเลยค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ หากคุณพ่อคุณแม่เตรียมตัวมาอย่างดีตามวิธีข้างต้น รวมถึงให้เวลาลูกน้อยได้ปรับตัว ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง โดยในระยะเริ่มแรก อาจแก้ปัญหานี้ด้วยการพยายามหาสิ่งของที่คุ้นเคยอย่างของเล่นชิ้นโปรด ให้ลูกนำไปที่โรงเรียนเพื่อสร้างความอุ่นใจได้ค่ะ
บางครั้งลูกน้อยอาจไม่ยอมกินอาหารที่โรงเรียนเตรียมไว้ คุณแม่จึงควรปรึกษาครูประจำชั้นเพื่อบอกถึงอาหารที่ลูกชอบ และอาจใช้เวลาเตรียมอาหารกลางวันให้ลูกน้อยเอง นอกจากลูกจะกินได้ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างความอบอุ่นทางใจให้ลูกเพิ่มได้อีกด้วย
เด็กช่วงวัย 2-5 ขวบแหละค่ะ ที่มีสถิติป่วย จนต้องหยุดเรียน และหาหมอบ่อย เนื่องจากเป็นวัยที่ภูมิต้านทานยังที่ไม่แข็งแรงพอ เมื่อต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่มจึงเกิดการแพร่เชื้อต่างๆ ได้ตลอดเวลา และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากมาก โดย 5 โรคที่คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมรับมือเมื่อลูก 2 ขวบไปโรงเรียน คือ
- ท้องร่วง ท้องเสีย พบบ่อยที่สุดในบรรดาโรคติดเชื้อทั้งหมดของเด็กเล็ก เนื่องจากกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน ทำให้ลูกน้อยถ่ายเหลว ซึ่งปกติอาการจะไม่รุนแรง แต่หากรุนแรงลูกจะมีอาการขาดน้ำและจำเป็นต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน
- ไข้หวัดใหญ่ โรคที่สามารถเป็นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีร่างกายไม่แข็งแรง ซึ่งลูกน้อยอาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งส่วนใหญ่สามารถหายได้ภายใน 5-7 วัน อย่างไรก็ตาม ไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น ปอดบวม สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตับอักเสบ ดังนั้น ก็เป็นโรคที่ประมาทไม่ได้เช่นกันค่ะ หากลูกมีอาการ พบแพทย์ไว้ปลอดภัยกว่า
- อีสุกอีใส โรคติดเชื้อจากไวรัสที่ติดกันผ่านการไอ จาม หายใจรดกัน หรือเมื่อลูกน้อยสัมผัสหรือใช้ของร่วมกับเด็กอื่น ๆ ที่เป็นโรคนี้ เป็นเชื้อที่มีระยะการฟักตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงเริ่มแสดงอาการต่าง ๆ เช่น มีผื่นขึ้นที่ตัวและหน้า มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หลังจากนั้นผื่นจะกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใส ๆ และมีอาการคันร่วมด้วย หากลูกป่วยด้วยโรคนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลรักษาอย่างถูกต้องนะคะ
- โรคมือเท้าปาก แม้อาการจะคล้ายกับอีสุกอีใส แต่ความแตกต่างที่สังเกตได้ชัดคือ มีผื่นหรือจุดแดงเฉพาะบริเวณมือ เท้า และในปากของลูก และจากจุดแดง ๆ อาจจะกลายเป็นตุ่มน้ำได้แต่จะไม่คัน ซึ่งตุ่มน้ำและผื่นแดงจะหายไปเองภายใน 10 วัน และไข้ก็จะหายภายใน 3-4 วัน อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีเช่นกันที่อาจเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปวดหัวมาก ชัก แขนขาอ่อนแรง หรือหายใจหอบ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เช่นกันค่ะ
- โรคตาแดง เป็นโรคติดเชื้อที่ติดกันได้ง่ายมาก เพียงแค่คลุกคลี ใช้ของร่วมกัน สัมผัสกับผู้ป่วย หรือปล่อยให้แมลงหวี่แมลงวันตอมตาก็มีโอกาสเป็นได้ หลายคนอาจคิดว่าโรคนี้ไม่รุนแรง แต่ความจริงแล้ว หากไม่รีบรักษาอาจอันตรายถึงขั้นทำให้ตาบอดได้
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังลูกน้อยให้ระมัดระวังตัวเอง เรียนรู้และรู้จักวิธีรักษาสุขอนามัยของตนเอง ทั้งเพื่อป้องกันโรคติดต่อที่อาจติดมาจากโรงเรียน และป้องกันลูกที่ป่วยนำเชื้อโรคไปติดเพื่อนที่โรงเรียนเช่นกัน
การส่งลูก 2 ขวบไปโรงเรียนนั้นเป็นก้าวสำคัญในชีวิตของทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยนะคะ การติดตาม สอบถาม ชวนคุย ชวนเล่น จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของจิตใจลูก ปูพื้นฐานการเข้าสังคมและสร้างปฏิสัมพันธ์ ที่สำคัญคืออย่าลืมว่า คุณพ่อคุณแม่นั้นเป็นกำแพงอันแกร่งกล้าที่จะซัพพอร์ตลูกน้อยให้มีความรู้สึกอบอุ่นมั่นคง มีความมั่นใจในตัวเอง ในการใช้ชีวิตและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากโรงเรียนได้อย่างมีความสุขนะคะ
ที่มา : www.bangkokhospital.com , www.phyathai.com , www.bangkokhealth.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ลูกฉี่รดที่นอน เรื่องปกติไหม บ่อยแค่ไหนน่ากังวล
ลูกสมาธิสั้น แก้ไขอย่างไร ไม่ให้กระทบพัฒนาการและการเรียนรู้
ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนของเด็กอนุบาล ที่พ่อแม่ควรรู้และร่วมแก้ไข
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!