หลายคนอาจจะเคยเผชิญกับปัญหา แพ้ยาสระผม มาบ้าง ทั้งที่เมื่อก่อนก็ใช้อยู่เป็นประจำ อาการแพ้เหล่านี้เกิดจากอะไร วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแพ้แชมพู หรือแพ้ยาสระผมไปพร้อม ๆ กัน
แพ้แชมพูสระผมคืออะไร
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ถึงแม้จะเรียกว่าอาการแพ้แชมพูสระผม แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับเส้นผม หรือบริเวณหนังศีรษะเท่านั้น แต่ผดผื่น สิวอุดตันที่ขึ้นตามใบหน้า แผ่นหลัง ก็อาจมีสาเหตุที่มาจากการ แพ้ยาสระผม ได้เหมือนกัน โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการแพ้ คือ สารเคมีที่อยู่ในยาสระผม ซึ่งในปัจจุบันแชมพูสำหรับสระผม มักจะมีส่วนผสมของน้ำหอม และสารเคมีชนิดต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว และหนังศีรษะได้ โดยจะทำให้เกิดอาหารอักเสบบริเวณผิวหนัง เป็นผื่นแดง สิวอุดตันตามใบหน้า สิวตามแผ่นหลัง หนังศีรษะแห้ง และอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้มีการอักเสบที่รุนแรง และทำให้ผมร่วงได้
บทความที่น่าสนใจ : อาการแพ้แค่เล็กน้อย ไม่เห็นจะเป็นไร อย่าให้ความไม่ใส่ใจ เป็นต้นเหตุให้ ลูกเป็นภูมิแพ้
อาการแพ้ยาสระผม มีสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการแพ้ คือ สารเคมี และน้ำหอมที่อยู่ในยาสระผม ( ภาพจาก shutterstock.com )
อาการแพ้แชมพูเป็นอย่างไร
สำหรับอาการแพ้แชมพูนั้น จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วอาการแพ้ จะมีอาการดังต่อไปนี้
- แสบบริเวณหนังศีรษะและมีรอยแดง ซึ่งอาจเกิดจากสารเคมีบางชนิดที่ทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนอักเสบ
- มีผดผื่นขึ้น และมีอาการคัน เพราะแชมพูบางชนิดมีสาร SLS (สารลดแรงตึงผิว) และพาราเบน ซึ่งเป็นสารกันเสียในเครื่องสำอาง โดยสารเหล่านี้ อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้
- มีสิวอุดตันและสิวผดบนใบหน้า รวมไปถึงแผ่นหลัง เพราะสารซิลิโคนในแชมพูอาจสะสมและตกค้างตามรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันได้
- หนังศีรษะแห้งตกสะเก็ด มีรังแค
- มีอาการผมร่วง ที่เกิดจากซิลิโคนที่ตกค้างบริเวณโคนผม ที่จะอุดตันและทำให้ผมร่วง
- บางรายมีอาการบวมที่บริเวณดวงตาหรืออวัยวะต่าง ๆ บนใบหน้า หรืออาจมีอาการลมพิษ
ทั้งนี้ อาการแพ้แชมพูสระผม อาจมีอาการอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวในข้างต้น หากมีอาการผิดปกติจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อแพ้แชมพูสระผม ทำอย่างไรดี ?
หากพบว่าตนเองมีอาการแพ้ยาสระผม หรือมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของหนังศีรษะ เบื้องต้นขอแนะนำให้หยุดใช้แชมพูที่กำลังใช้อยู่ แล้วรอดูอาการ และควรปฏิบัติดังนี้
1. เมื่อสระผมแล้วมีอาการคัน หรือมีอาการแสบร้อนในทันที ให้รีบล้างแชมพูออกจากศีรษะและเส้นผมด้วยน้ำสะอาด
2. หากมีอาการแพ้ที่รุนแรง ควรหยุดใช้แชมพู และรีบไปพบแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา
3. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม เพื่อหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ
4. ระหว่างที่สระผม ควรนวดศีรษะ เพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณรอบหนังศีรษะ
5. หลีกเลี่ยงแชมพูที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และควรเลือกใช้แชมพูที่มีค่า pH เหมาะสม
6. ปรับอาหารที่ทาน เพื่อช่วยในการฟื้นฟูหนังศีรษะจากอาการแพ้ โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน โอเมก้า 3 และควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย วันละ 8 แก้ว รวมถึงควรหลีกเลี่ยงชา กาแฟ และแอลกอฮอล์
7. เลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะ
บทความที่น่าสนใจ : อาหารป้องกันผมหงอก อาหารช่วยลดผมขาว ทำยังไงให้ผมสวย ป้องกันผมหงอกดูแก่ก่อนวัย
เมื่อพบว่าตนเองแพ้ยาสระผม สิ่งที่ควรทำคือ หยุดใช้แชมพูที่กำลังใช้อยู่ แล้วรอดูอาการราว ๆ 1 – 2 สัปดาห์ ( ภาพจาก shutterstock.com )
วิธีเลือกแชมพูให้เหมาะกับสภาพหนังศีรษะ
สำหรับการเลือกแชมพูนั้น เพื่อป้องกันอาการแพ้ ควรเลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ ดังนี้
1. แชมพูสำหรับคนหนังศีรษะมัน
สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน ควรเลือกใช้แชมพูที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะยิ่งทำให้ซีบัม (Sebum) ผลิตน้ำมันออกมา ทำให้หนังศีรษะมันกว่าเดิม
2. แชมพูสำหรับคนหนังศีรษะแห้ง
สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้ง ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของไดเมธิโคน (Dimethicone) และไซโคลเมธิโคน (Cyclomethicone) ที่มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะ ป้องกันปัญหาหนังศีรษะแห้ง
3. แชมพูสำหรับคนหนังศีรษะปกติ
หากสุขภาพหนังศีรษะปกติ สามารถเลือกใช้แชมพูแบบใดก็ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมอันตราย หรือถ้าหากมีอาการแพ้ต่อสารใด ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่อาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคือง
การเลือกแชมพู ที่เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น ผู้ที่มีหนังศีรษะมัน ควรเลือกใช้แชมพูที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ( ภาพจาก shutterstock.com )
บทความที่เกี่ยวข้อง :
รวมเคล็ดลับ วิธีบำรุงผมเสีย แก้ปัญหาผมเสียยังไงดี ให้ผมกลับมานุ่มสลวย
ทำไมร้านเสริมสวยต้องสระผม 2 ครั้ง พร้อมเคล็ดลับการสระผมให้ถูกวิธี
สิวที่หนังศีรษะ สิวที่หัว เกิดจากอะไร รักษายังไงให้หายขาด
ที่มา : 1, 2, 3
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!