ความเชื่อเรื่อง “อาถรรพ์ 7 ปี” ที่ว่าคู่รักมักจะถึงจุดแตกหัก หรือเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงปีที่ 7 ของความสัมพันธ์ ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันอยู่เรื่อย ๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเพียงความบังเอิญ หรือมีกลไกทางจิตวิทยา และปัจจัยแวดล้อมที่ซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้คู่รักจำนวนไม่น้อยต้องตัดสินใจ เลิกกัน ในช่วง 7 ปี นี้กันแน่?
บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงรากเหง้าของความเชื่อ สำรวจหลากหลายสาเหตุที่เป็นไปได้ ที่ทำให้ความสัมพันธ์สั่นคลอนในช่วงเวลา 7 ปี แล้วมาดูกันค่ะว่า อาถรรพ์ 7 ปีนี้เป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงภาพสะท้อนของความสัมพันธ์ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

อาถรรพ์ 7 ปี คืออะไร
อาถรรพ์ 7 ปี หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Seven-Year Itch คือความเชื่อที่แพร่หลายเกี่ยวกับวงจรชีวิตคู่ โดยเชื่อกันว่าเมื่อความสัมพันธ์ของคู่รัก ดำเนินมาถึงช่วงประมาณ 7 ปี มักจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ท้าทายและเปราะบางเป็นพิเศษ คู่รักหลายคู่ต้องเผชิญกับปัญหา ความเบื่อหน่าย หรือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจนำไปสู่การแยกทางกันได้ ปรากฏการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ความสัมพันธ์ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างมาก เพื่อก้าวข้ามไปได้อย่างมั่นคง
ความเชื่อเรื่องอาถรรพ์รัก 7 ปี ตามมุมมองทางวัฒนธรรม และจิตวิทยา
1. มุมมองวัฒนธรรม
ในบางวัฒนธรรม เลข 7 จะมีความหมายแฝงอยู่ เช่น ทางโหราศาสตร์ไทยและจีน เลข 7 ถือเป็นเลขแห่งความสมบูรณ์ หรือการเปลี่ยนแปลง บางครั้งเลข 7 ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับความท้าทายหรืออุปสรรค ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่ยาวนานถึงจุดนี้
2. มุมมองจิตวิทยา
โรเบิร์ต สเติร์นเบิร์ก นักจิตวิทยา ผู้ศึกษาทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก (Triangular Theory of Love) ได้อธิบายไว้ว่า ความรักประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักค่ะ คือ ความใกล้ชิด (Intimacy) ความเสน่หา (Passion) และความผูกพัน (Commitment) และเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะช่วง 7 ปี ความเสน่หาในช่วงแรกอาจลดลง เหลือเพียงความผูกพัน หรือความเคยชิน ซึ่งถ้าหากคู่รัก ไม่พยายามเติมเต็มความรักในด้านอื่น ก็มีส่วนนำไปสู่ทางตันได้
3. การเปลี่ยนแปลงในชีวิต
ระยะเวลา 7 ปี มักเป็นช่วงที่คู่รักเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น การเปลี่ยนงาน การมีลูก การย้ายที่อยู่อาศัย โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ก็อาจนำมาซึ่งความเครียด หรือความขัดแย้ง ที่สะสมกันมาเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว รวมไปถึงการอยู่ด้วยกันนานถึง 7 ปี ก็อาจทำให้เห็นนิสัยส่วนตัว ข้อบกพร่องของกันและกัน ชัดเจนกว่าช่วงปีแรก ๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เริ่มมีปัญหาในความสัมพันธ์ได้ค่ะ

วงจรความสัมพันธ์: จากความตื่นเต้นสู่ความคุ้นเคย และความท้าทายที่ตามมา
ในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ทุกอย่างดูสดใสและน่าตื่นเต้น คู่รัก มักจะอยู่ในช่วง “honeymoon phase” ที่เต็มไปด้วยความรัก ความเสน่หา และความปรารถนาที่จะใช้เวลาร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์จะค่อย ๆ เข้าสู่ช่วงที่มั่นคงและคุ้นเคยมากขึ้น ความตื่นเต้นในช่วงแรกอาจลดน้อยลง กลายเป็นกิจวัตรประจำวันและความเคยชิน ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ความรู้สึกเบื่อหน่ายและจืดชืดอาจเริ่มเข้ามาแทนที่ นอกจากนี้ ในช่วง 7 ปีนี้ คู่รักหลายคู่มักจะเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ในชีวิต เช่น การสร้างครอบครัว การเลี้ยงดูบุตร การเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน หรือปัญหาทางการเงิน ซึ่งความเครียดและแรงกดดันจากปัจจัยเหล่านี้ สามารถส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้เช่นเดียวกันค่ะ
1. การเปลี่ยนแปลงของปัจเจกบุคคล: เติบโต หรือห่างเหิน?
เมื่อเวลาผ่านไป แต่ละบุคคลในความสัมพันธ์ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านความคิด ทัศนคติ เป้าหมายในชีวิต และความต้องการส่วนตัว หากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน และทั้งสองฝ่ายยังคงเปิดใจเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน ความสัมพันธ์ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หากการเปลี่ยนแปลงของแต่ละคน เป็นไปในทิศทางที่แตกต่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้รู้สึกว่าไม่ได้มีความสนใจร่วมกันเหมือนเดิม ช่องว่างระหว่างกันก็จะค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนนำไปสู่ความรู้สึกเหินห่าง และในที่สุดก็อาจตัดสินใจเลิกรากัน
2. ปัญหาที่ถูกละเลย: ดินพอกหางหมูที่รอวันปะทุ
ไม่มีความสัมพันธ์ใดที่ปราศจากปัญหา แต่สิ่งที่สำคัญคือการเผชิญหน้า และแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างสร้างสรรค์ หากปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ถูกปล่อยปละละเลยและสะสมมาเป็นเวลานาน เมื่อถึงจุดหนึ่งมันอาจกลายเป็นชนวนที่ทำให้ความสัมพันธ์ล่มสลายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีที่ 7 ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่ความอดทนของทั้งสองฝ่ายเริ่มหมดลง หรือเมื่อมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังสักที
3. แรงกดดันภายนอก: คลื่นลมที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตคู่
นอกเหนือจากปัจจัยภายในความสัมพันธ์แล้ว แรงกดดันจากภายนอก ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คู่รัก ต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วง 7 ปี นี้ ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังจากครอบครัวและเพื่อนฝูง ภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุตร หรือความเครียดจากหน้าที่การงาน ปัจจัยเหล่านี้สามารถสร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ และบั่นทอนความสุขของชีวิตคู่ได้ หากคู่รักไม่สามารถร่วมมือกันเผชิญหน้า และจัดการกับแรงกดดันเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจนำไปสู่จุดจบในที่สุด
4. การสื่อสารที่ล้มเหลว: รากฐานที่ผุกร่อนของความสัมพันธ์
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เป็นหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ที่แข็งแรง หากคู่รักไม่สามารถเปิดใจพูดคุยกันได้อย่างตรงไปตรงมา รับฟังและเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย หรือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหา ความสัมพันธ์ก็จะค่อย ๆ เสื่อมถอยลง การขาดการสื่อสารที่ดี จะนำไปสู่ความเข้าใจผิด ความไม่พอใจที่สะสม และความรู้สึกโดดเดี่ยว

ความจริงเบื้องหลังตัวเลข: 7 ปี หรือแค่ 5 ปี?
จากความเชื่อที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับ “อาถรรพ์ 7 ปี” ข้อมูลทางสถิติในอดีต กลับชี้ให้เห็นภาพที่แตกต่างออกไป งานวิจัยของ เฮเลน ฟิชเชอร์ (Helen Fisher) นักมานุษยวิทยาเชิงชีววิทยา พบว่า อัตราการหย่าร้างเคยสูงที่สุด ในช่วงประมาณ 4 ปีแรกของการแต่งงาน ซึ่งเธอมองว่าเป็นผลมาจาก สัญชาตญาณทางวิวัฒนาการของมนุษย์ในอดีต ที่อาจต้องการเปลี่ยนแปลงคู่ครอง เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมให้กับลูกหลาน แรงขับเคลื่อนนี้อาจยังคงส่งผลต่อรูปแบบการหย่าร้างในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน งานวิจัยที่ใหม่กว่าของคูลู (Kulu, 2014) ก็ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ โดยระบุว่า อัตราการหย่าร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากแต่งงาน และไปถึงจุดสูงสุดในช่วงประมาณ 5 ปี จากนั้นก็จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อคู่รักอยู่ด้วยกันนานขึ้น รูปแบบนี้คล้ายคลึงกับแนวคิดเรื่องอาถรรพ์ 7 ปี แต่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายคนเข้าใจเล็กน้อย ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น อาถรรพ์ 5 ปี แทน
ดังนั้น แม้ว่า “อาถรรพ์ 7 ปี” จะเป็นวลีที่ติดหู แต่ข้อมูลทางสถิติกลับชี้ว่า ช่วง 4-5 ปีแรกของการแต่งงาน อาจเป็นช่วงเวลาที่คู่รักต้องเผชิญกับความท้าทายมากที่สุด และมีโอกาสที่จะแยกทางกันสูงกว่า ซึ่งอาจมีรากฐานมาจากทั้งปัจจัยทางจิตวิทยาของความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อพ้นช่วงฮันนีมูน และอาจมีอิทธิพลจากสัญชาตญาณทางชีววิทยา ที่ฝังอยู่ในตัวมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณก็เป็นได้ การทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเหล่านี้ จึงอาจเป็นกุญแจสำคัญในการประคับประคองชีวิตคู่ให้ยืนยาวและมีความสุข

แนวทางประคับประคองชีวิตคู่: ก้าวข้ามอาถรรพ์ สู่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินมาถึงปีที่ 7 หรือแม้แต่ในช่วง 4-5 ปีแรกที่สถิติชี้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คู่รักหลายคู่ย่อมเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่ความสั่นคลอนในความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และการมีแนวทางในการรับมืออย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณและคนรักสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ค่ะ
1. เปิดใจสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอ
การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความรู้สึก ความต้องการ และความกังวล เป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ที่แข็งแรง ควรเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้ระบายความรู้สึก และทำความเข้าใจกัน
2. เติมความหวานและสร้างความแปลกใหม่
ความเบื่อหน่าย และความจำเจ เป็นศัตรูตัวฉกาจของความสัมพันธ์ระยะยาว พยายามหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำร่วมกัน วางแผนการออกเดท หรือสร้างเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเติมความสดชื่น และความตื่นเต้นให้กับชีวิตคู่
3. ให้ความสำคัญกับความต้องการของอีกฝ่าย
เรียนรู้และใส่ใจในสิ่งที่คู่รักของคุณชอบ พยายามเติมเต็มความต้องการของเขา ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงแสดงความรักอย่างสม่ำเสมอ
4. ร่วมกันแก้ไขปัญหา
เมื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง แทนที่จะหลีกเลี่ยง หรือกล่าวโทษกัน ให้ร่วมกันหาทางออกอย่างมีเหตุผล โดยมุ่งเน้นที่การประนีประนอม และการหาจุดร่วมที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ
5. รักษาพื้นที่ส่วนตัวและเคารพซึ่งกันและกัน
แม้ว่าการใช้เวลาร่วมกันจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การมีพื้นที่ส่วนตัวให้แต่ละคนได้ทำสิ่งที่ชอบ หรือมีเวลาอยู่กับตัวเอง ก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกัน และให้เกียรติในทุกการตัดสินใจด้วยนะคะ
6. แสดงความขอบคุณและชื่นชมกัน
อย่ามองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คู่ของคุณทำให้ แสดงความขอบคุณ และความชื่นชมในความดีและความพยายามของเขาอย่างสม่ำเสมอ การกระทำเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้สึกดี ๆ และความผูกพันในความสัมพันธ์ได้
7. เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
สนับสนุนซึ่งกันและกันในการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน การศึกษา หรือความสนใจส่วนตัว การเติบโตไปพร้อมกัน จะช่วยให้คุณและคู่รักมีเป้าหมายร่วมกัน และมีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
8. ให้อภัยและปล่อยวาง
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนย่อมทำผิดพลาด การเรียนรู้ที่จะให้อภัย และปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต จะช่วยป้องกันไม่ให้ความขุ่นเคืองกัดกร่อนความสัมพันธ์
10. ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
หากความสัมพันธ์ของคุณกำลังเผชิญกับปัญหาที่ยากจะแก้ไขด้วยตัวเอง การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักบำบัดคู่รัก ก็เป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม การได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้คุณเห็นมุมมองใหม่ ๆ และมีเครื่องมือในการจัดการกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าความเชื่อเรื่อง อาถรรพ์รัก 7 ปี จะยังคงอยู่ แต่แท้จริงแล้วไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ว่าทุกคู่รักจะต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยน ที่นำไปสู่การเลิกกันในช่วงเวลานี้ ปัจจัยที่กล่าวมาเป็นเพียงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นได้ ในทุกช่วงเวลาของความสัมพันธ์ การตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ การให้ความสำคัญกับการสื่อสาร การดูแลเอาใจใส่กันอย่างสม่ำเสมอ การร่วมกันแก้ไขปัญหา และการปรับตัวเข้าหากัน เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คู่รัก สามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปได้อย่างมั่นคงได้ค่ะ
ที่มา: psychologytoday , verywellmind , thaipbs
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เป็นเหมือนกันมั้ย สามีเปลี่ยนไปหลังมีลูก เที่ยวเก่ง ไม่หวานเหมือนแต่ก่อน ทำยังไงดี
วิธีควบคุมอารมณ์ตอนทะเลาะ ฉบับง่ายเพื่อคู่รักทุกคู่
ปัญหาคู่รักต่างวัย แม่ๆหลายคนมีปัญหาเมื่อต้องคุยกับคนรักต่างวัย
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!