“แค่มีพ่อ” อาจไม่เพียงพอต่อการเติบโตและพัฒนาการของลูกๆ เด็กประถมในสหรัฐอเมริกาถูกถามให้อธิบายว่าอะไรที่ทำให้เป็นพ่อที่ดี เด็กๆ ให้คำตอบว่า “พ่อที่ดีทำให้รู้สึกปลอดภัย” “พ่อที่ดีสามารถปกป้องลูกๆ จากการบาดเจ็บได้” “พ่อที่ดีรู้วิธีกำจัดคนไม่ดี” “พ่อที่ดีจะฟังแม่เสมอ” เราจึงชวนคุณมาเช็ก 10 หน้าที่ของพ่อที่ดี ที่จะชี้ให้เห็นว่าบทบาทของพ่อนั้นสำคัญ และส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยมากกว่าที่คิด
10 หน้าที่ของพ่อที่ดี พ่อที่ดีเป็นแบบไหน?
1. เป็นแบบอย่างที่ดี
การเป็นแบบอย่างที่ดีคือการทำสิ่งที่เราอยากให้ลูกเป็น สิ่งที่พ่อทำ ลูกจะจำและทำตาม เพราะทุกการกระทำของเรา ลูกมองอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น
- การเคารพและให้เกียรติ เวลาพ่อคุยกับแม่ หรือกับญาติผู้ใหญ่ พ่อพูดจาสุภาพ ให้เกียรติ ลูกก็จะซึมซับและทำตาม เวลาลูกคุยกับเพื่อน หรือกับคนอื่นๆ เขาก็จะพูดจาดีเหมือนที่พ่อทำ
- ความเมตตา เวลาเห็นคนอื่นเดือดร้อน พ่อไม่นิ่งเฉย อาจจะช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ หรือแสดงความเห็นใจ ลูกก็จะเรียนรู้ที่จะเป็นคนใจดี มีน้ำใจต่อผู้อื่น
- ความรับผิดชอบ เวลาพ่อได้รับมอบหมายงานอะไรมา ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่บ้าน พ่อก็ทำให้เสร็จตรงเวลา ไม่บ่น ลูกก็จะเห็นว่าการมีความรับผิดชอบเป็นเรื่องสำคัญ และจะนำไปใช้กับเรื่องเรียนหรือหน้าที่ของตัวเอง
- สมดุลชีวิต เวลาพ่อทำงานก็ตั้งใจทำเต็มที่ แต่พอถึงเวลากลับบ้านก็ให้เวลากับครอบครัว เล่นกับลูก คุยกับแม่ ลูกก็จะเห็นว่าการแบ่งเวลาให้เหมาะสมเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ทำงานอย่างเดียว หรือเล่นอย่างเดียว
- ความสัมพันธ์ที่ดี พ่อกับแม่รักและเข้าใจกัน พูดคุยกันดีๆ ช่วยเหลือกัน ลูกก็จะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย และยังได้เรียนรู้วิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ ในอนาคตด้วย

2. ดูแลเงินทองของครอบครัว
หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของพ่อคือการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว ไม่ใช่แค่หาเงินมาให้ แต่ยังรวมถึงการจัดการเงินอย่างฉลาดและการวางแผนอนาคต เพื่อให้ลูกๆ รู้สึกมั่นคงและมีสภาพแวดล้อมที่ดีในการเติบโต ยกตัวอย่างเช่น
- หาเงินมาเลี้ยงดู พ่อทำงานหาเงิน เพื่อให้มีค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเรียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับลูกและครอบครัว เหมือนเวลาเราปลูกต้นไม้ ก็ต้องรดน้ำใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้เติบโตแข็งแรง
- สอนเรื่องการใช้เงิน พ่ออาจจะสอนลูกเรื่องการเก็บเงิน การใช้เงินอย่างประหยัด หรือการแยกแยะระหว่างสิ่งที่อยากได้กับสิ่งที่จำเป็น เหมือนเวลาเราสอนลูกว่าของเล่นบางชิ้นเล่นได้นาน คุ้มค่ากว่าซื้อของเล่นที่ไม่ทนทาน
- วางแผนสำหรับอนาคต พ่ออาจจะเก็บเงินไว้สำหรับค่าเล่าเรียนของลูกในอนาคต หรือวางแผนเรื่องอื่นๆ ที่จะทำให้ครอบครัวมั่นคงในระยะยาว เหมือนเวลาเราเตรียมเสบียงไว้สำหรับเดินทางไกล
- เป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องการเงิน ถ้าพ่อใช้เงินอย่างมีเหตุผล ไม่ฟุ่มเฟือย ลูกก็จะซึมซับและเรียนรู้ที่จะใช้เงินอย่างเหมาะสมตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละครอบครัวที่ตกลงเรื่องการแบ่งหน้าที่กัน บางครอบครัวคุณพ่ออาจเลี้ยงลูกอยู่บ้าน คุณแม่ทำงานนอกบ้าน และดูแลเรื่องการเงินแทนก็ได้เช่นกัน
3. ปกป้องลูกให้รู้สึกปลอดภัย
การที่พ่อปกป้องดูแลครอบครัวอย่างดี ไม่ใช่แค่ทำให้ลูกปลอดภัยจากอันตรายภายนอกเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น มั่นคงทางจิตใจ และส่งเสริมให้ลูกเติบโตเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและมีคุณภาพ ยกตัวอย่างเช่น
- ดูแลความปลอดภัย เวลาพ่อจูงมือลูกข้ามถนน สอนลูกไม่ให้เล่นในที่อันตราย หรือดูแลบ้านให้ปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่คาดคิด
- ดูแลจิตใจลูก เวลาลูกเสียใจ ผิดหวัง หรือกลัว พ่อจะอยู่ข้างๆ รับฟัง ให้กำลังใจ และช่วยให้ลูกรู้สึกดีขึ้น คอยเป็นเกราะกำบังทางใจให้ลูก
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว พ่อช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเข้าใจกันในบ้าน เป็นกาวใจให้ทุกคนรักใคร่กัน ให้บ้านเป็นที่ที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัยและมีความสุข
- สอนระเบียบวินัยและขอบเขต พ่อช่วยสอนลูกว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ มีกฎกติกาในบ้านเพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข สอนลูกให้รู้จักกติกาของสังคมเมื่อเขาเติบโตขึ้น
4. รักและให้เกียรติแม่
เมื่อลูกเห็นพ่อรักและให้เกียรติแม่ พวกเขาจะซึมซับและเรียนรู้ที่จะให้ความสำคัญกับความรักและการให้เกียรติในความสัมพันธ์ของตัวเองในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น
- แสดงความรักอย่างสม่ำเสมอ เหมือนเวลาพ่อกอดแม่ บอกรัก หรือทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจ ลูกจะรู้สึกถึงความอบอุ่นและความรักในครอบครัว
- ให้เกียรติและรับฟังความคิดเห็น เวลาพ่อกับแม่คุยกัน พ่อรับฟังความคิดเห็นของแม่ด้วยความเคารพ ไม่พูดจาดูถูก หรือตัดสิน ลูกจะเรียนรู้ที่จะให้เกียรติผู้อื่นและเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
- ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ การที่พ่อกับแม่ใช้เวลาร่วมกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน หรือพูดคุยกันอย่างตั้งใจ เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นถึงความสำคัญของการมีเวลาที่ดีร่วมกับคนที่เรารัก
- อยู่เคียงข้างและสนับสนุน เวลาแม่มีความสุขหรือทุกข์ใจ พ่ออยู่เคียงข้างและให้กำลังใจ เหมือนเป็นเพื่อนคู่คิดที่คอยสนับสนุนกันเสมอ ลูกจะเรียนรู้ถึงความสำคัญของการเป็นกำลังใจให้คนที่เรารัก

5. ซื่อสัตย์ต่อแม่เสมอ
เมื่อลูกเห็นพ่อซื่อสัตย์ต่อแม่ พวกเขาจะเรียนรู้ถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ และจะนำไปใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น
- พูดความจริงเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ พ่อควรพูดความจริงกับแม่ ไม่ปิดบังหรือโกหก เพราะความไว้วางใจเป็นสิ่งที่สร้างยากแต่ทำลายได้ง่าย เหมือนแก้วที่เมื่อแตกแล้วยากที่จะประสานให้เหมือนเดิม
- รักษาสัญญา ถ้าพ่อรับปากอะไรกับแม่ไว้ ควรทำให้ได้ตามนั้น การรักษาสัญญาแสดงถึงความรับผิดชอบและความใส่ใจที่มีต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย เหมือนการสร้างเครดิตที่ดีที่จะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่น
- เปิดเผยและจริงใจ พ่อควรเปิดใจพูดคุยกับแม่ในทุกเรื่อง ทั้งความรู้สึก ความคิดเห็น หรือปัญหาต่างๆ การเปิดเผยและความจริงใจจะช่วยให้เข้าใจกันมากขึ้นและแก้ปัญหาร่วมกันได้ เหมือนการเปิดไฟให้เห็นทางเดินที่ชัดเจน
- ให้เกียรติและเคารพ พ่อควรให้เกียรติแม่ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่พูดถึงในทางที่ไม่ดี หรือทำสิ่งที่ทำให้แม่อับอาย การให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นการแสดงความรักและความเคารพในความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่าย
- ซื่อสัตย์ทางใจและกาย พ่อควรซื่อสัตย์ต่อแม่ทั้งในความคิดและการกระทำ ไม่นอกใจ หรือมีความลับที่ไม่สมควรมี เพราะความซื่อสัตย์ทางใจและกายเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนความสัมพันธ์ให้มั่นคง
6. สอนระเบียบวินัยและการควบคุมตัวเอง
การสอนระเบียบวินัยไม่ใช่แค่การทำให้ลูกเชื่อฟัง แต่เป็นการสร้างวินัยจากภายใน สอนให้ลูกรู้จักคิดไตร่ตรองก่อนทำ เข้าใจความรับผิดชอบ และสามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต ยกตัวอย่างเช่น
- วางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เหมือนเวลาเราบอกลูกว่าต้องเก็บของเล่นให้เข้าที่หลังเล่นเสร็จ หรือต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนดูทีวี ลูกจะได้รู้ว่ามีขอบเขตอะไรบ้างที่ต้องปฏิบัติตาม
- สอนให้เข้าใจผลของการกระทำ ถ้าลูกทำผิดกฎ พ่ออาจจะอธิบายให้ลูกฟังว่าทำไมถึงไม่ควรทำ และผลที่ตามมาคืออะไร เหมือนเวลาลูกวิ่งซนจนหกล้ม พ่ออาจจะบอกว่าเพราะวิ่งไม่ระวังครั้งหน้าต้องระวังมากขึ้น
- สอนด้วยความรักและความเข้าใจ เวลาลูกทำผิดพลาด พ่อไม่ได้ดุด่าอย่างเดียว แต่อธิบายด้วยเหตุผลและให้กำลังใจ เพื่อให้ลูกเรียนรู้และปรับปรุงตัวเอง เหมือนเวลาลูกสอบตก พ่ออาจจะให้กำลังใจและช่วยลูกวางแผนการเรียนใหม่
- ร่วมมือกับแม่ในการสอน พ่อกับแม่คุยกันเรื่องกฎระเบียบและการสอนลูก เพื่อให้การสอนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่คนหนึ่งว่าอีกคนตามใจ ลูกจะได้ไม่สับสน
- เป็นตัวอย่างในการควบคุมตัวเอง ถ้าพ่อเองก็เป็นคนมีระเบียบวินัย ทำตามกฎ และควบคุมอารมณ์ได้ดี ลูกก็จะซึมซับและเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้น
7. รักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข
ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากพ่อนั้นสำคัญมากๆ ตั้งแต่ลูกเกิดมาเลยค่ะ สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าที่จะเผชิญกับโลก และรู้ว่าเขามีค่าและเป็นที่รักเสมอในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ยกตัวอย่างเช่น
- รักเสมอไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าลูกจะทำผิดพลาด สอบตก หรือมีข้อบกพร่องอะไร พ่อก็ยังคงรักและพร้อมให้อภัยเสมอ
- รับฟังและเข้าใจ เวลาลูกมีเรื่องไม่สบายใจ หรืออยากเล่าอะไรให้ฟัง พ่อตั้งใจฟังและพยายามเข้าใจความรู้สึกของลูก เหมือนเป็นเพื่อนคู่คิดที่พร้อมรับฟังทุกเรื่อง
- ให้กำลังใจและสนับสนุน ไม่ว่าลูกจะมีความฝันหรืออยากทำอะไร พ่อพร้อมที่จะให้กำลังใจและสนับสนุนอย่างเต็มที่ เหมือนเป็นแรงผลักดันให้ลูกกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า
- แสดงความรักด้วยการกระทำ นอกจากการพูดแล้ว พ่อยังแสดงความรักผ่านการกอด การสัมผัส การใช้เวลาร่วมกัน หรือการทำสิ่งต่างๆ ให้ลูกด้วยความตั้งใจ เป็นการเติมพลังใจให้ลูกรู้สึกว่าเขามีค่าและเป็นที่รัก
- สร้างความรู้สึกปลอดภัย การที่พ่อแสดงความรักอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และรู้ว่ามีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ เหมือนเป็นบ้านที่อบอุ่นและปลอดภัยให้ลูกได้พักพิง
8. สอนความรับผิดชอบและความเป็นตัวของตัวเอง
สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ สามารถดูแลตัวเองได้ และเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมครับ เหมือนกับการที่เราค่อยๆ สอนให้ลูกเดินได้ด้วยตัวเอง แทนที่จะอุ้มเขาไปตลอดเวลายกตัวอย่างเช่น
- มอบหมายงานบ้านง่ายๆ เช่น ให้เด็กเล็กเก็บของเล่นเอง หรือช่วยจัดโต๊ะอาหาร ส่วนเด็กโตอาจจะช่วยล้างจาน กวาดบ้าน หรือดูแลสัตว์เลี้ยง เป็นการสอนให้ลูกรู้ว่าทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวม
- ให้ลูกตัดสินใจในเรื่องเล็กๆ เช่น ให้ลูกเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่เอง หรือเลือกกิจกรรมที่จะทำในวันหยุด เป็นการส่งเสริมให้ลูกมีความคิดเป็นของตัวเองและกล้าตัดสินใจ
- สอนให้ยอมรับผลของการกระทำ เมื่อลูกทำผิดพลาด พ่อช่วยให้ลูกเข้าใจว่าการกระทำนั้นมีผลอย่างไร และสอนให้ลูกยอมรับผิดและแก้ไข เหมือนเวลาลูกทำของเล่นพัง ก็สอนให้ลูกรู้จักดูแลของให้ดีขึ้นในครั้งหน้า
- สนับสนุนให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง แทนที่จะทำให้ลูกทุกอย่าง พ่อคอยให้คำแนะนำและกำลังใจ แต่ปล่อยให้ลูกได้ลองทำด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง
- เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องความรับผิดชอบ ถ้าพ่อเป็นคนตรงต่อเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จเรียบร้อย และดูแลสิ่งของส่วนตัวได้ดี ลูกก็จะซึมซับและเรียนรู้ที่จะเป็นคนมีความรับผิดชอบตามไปด้วย

9. เป็นแรงบันดาลใจให้ลูก
การที่พ่อช่วยเหลือและเป็นแรงบันดาลใจให้ลูก จะช่วยให้ลูกมีความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าที่จะไล่ตามความฝัน และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง ยกตัวอย่างเช่น
- สนับสนุนความฝันของลูก ไม่ว่าลูกจะอยากเป็นนักกีฬา นักดนตรี หรืออะไรก็ตาม พ่อควรให้กำลังใจและสนับสนุนให้ลูกได้ลองทำตามความฝันนั้นอย่างเต็มที่ เหมือนเป็นกองเชียร์เบอร์หนึ่งของลูก
- ให้คำแนะนำและมุมมอง เมื่อลูกมีเรื่องสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา พ่อสามารถใช้ประสบการณ์ของตัวเองช่วยให้ลูกมองเห็นทางออกหรือมีมุมมองที่กว้างขึ้น เหมือนเป็นเข็มทิศนำทางให้ลูก
- รับฟังและเข้าใจความกังวล เวลาลูกมีปัญหาหรือเรื่องที่ไม่สบายใจ พ่อควรตั้งใจรับฟังและพยายามเข้าใจความรู้สึกของลูก เหมือนเป็นเพื่อนที่พร้อมจะรับฟังทุกเรื่อง
- กระตุ้นให้ลูกกล้าที่จะลอง พ่อสามารถสนับสนุนให้ลูกได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเขา เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง เหมือนเป็นการผลักดันให้ลูกก้าวออกจาก Comfort Zone
- ร่วมยินดีในความสำเร็จ เมื่อลูกทำอะไรได้ดีหรือประสบความสำเร็จ พ่อควรร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมในความพยายามของลูก เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง
- เป็นกำลังใจเมื่อลูกล้มเหลว เวลาลูกไม่สมหวังหรือทำพลาด พ่อควรให้กำลังใจและสอนให้ลูกเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น เพื่อให้ลูกลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ เหมือนเป็นผ้าซับน้ำตาและเป็นครูที่สอนบทเรียนอันมีค่า
10. สอนให้ลูกรู้จักแยกแยะถูก-ผิด
การสอนเรื่องถูกผิดไม่ใช่แค่การบอกว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ แต่เป็นการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้ลูกเติบโตเป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น
- อธิบายว่าอะไรคือความดีความชั่ว เหมือนเวลาลูกแย่งของเล่นเพื่อน พ่อจะอธิบายว่าการแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดี และการเอาของคนอื่นมาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
- สอนเรื่องความซื่อสัตย์ ถ้าลูกเผลอทำผิดแล้วโกหก พ่อจะสอนว่าการพูดความจริงถึงแม้จะน่ากลัว แต่เป็นสิ่งที่ควรทำ และจะได้รับการให้อภัยมากกว่า
- สอนเรื่องความเห็นอกเห็นใจ เมื่อลูกเห็นคนอื่นเดือดร้อน พ่อจะชวนให้ลูกลองคิดว่าถ้าเราเป็นเขาจะรู้สึกอย่างไร เพื่อให้ลูกเข้าใจและเห็นใจผู้อื่น
- สอนเรื่องความยุติธรรม ถ้าลูกเห็นใครถูกรังแก พ่อจะสอนให้ลูกกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้องและช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า
- เป็นตัวอย่างในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าพ่อปฏิบัติตามกฎหมาย มีความซื่อสัตย์ และช่วยเหลือผู้อื่น ลูกก็จะซึมซับและเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้น
- ให้รางวัลเมื่อลูกทำดี เมื่อลูกแสดงพฤติกรรมที่ถูกต้อง พ่ออาจจะชมเชยหรือให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นการเสริมแรงให้ลูกทำดีต่อไป
หน้าที่ของพ่อ มีความสำคัญต่อการหล่อหลอมชีวิตของเด็กตั้งแต่แรกเกิด หน้าที่ของพ่อที่ดี จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดูแลเรื่องปัจจัยภายนอกเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการเลี้ยงดูและเอาใจใส่ลูกอย่างใกล้ชิด เมื่อพ่อเข้ามามีส่วนร่วม ลูกๆ จะได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตที่สำคัญและได้สัมผัสถึงอิทธิพลของพ่อที่มีต่อลูกอย่างแท้จริง
ที่มา: lifetreeplanner , pbcexpo
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
พ่อแม่ที่มีลูกดี เป็นแบบไหน? 10 ลักษณะสำคัญของพ่อแม่ยุคใหม่
10 สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรปฏิบัติต่อกัน พ่อแม่แบบไหนที่ลูกไม่ชอบ
9 วิธีสร้างสายสัมพันธ์พ่อลูก เคล็ดลับง่ายๆ ทำได้ทุกวันตั้งแต่ในท้อง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!