ตู้เย็นไม่เย็น ปัญหาที่สร้างความกวนใจให้กับหลายๆ บ้านมานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อถึงเวลาจะใช้งานทีไรก็ต้องพบว่าผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรือเครื่องดื่มนั้นไม่มีความสดใหม่และไม่มีความเย็นเท่าที่ควร ปัญหาเหล่านี้สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพอนามัยในการรับประทานอาหารของทุกคนได้ การหมั่นสังเกตและตรวจเช็กสภาพการใช้งานของตู้เย็นจึงเป็นสิ่งที่ทุกบ้านควรใส่ใจ เพราะตู้เย็นนับว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหนึ่งชิ้นที่มีความสำคัญกับทุกบ้านเป็นอย่างมาก วันนี้เราจึงได้รวบรวมเคล็ดลับและเทคนิคดีๆ มาไว้ให้ทุกคน เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ตู้เย็นไม่เย็น ที่ทุกคนก็สามารถทำเองได้
ความสำคัญของ ตู้เย็น ที่ไม่ควรมองข้าม
ตู้เย็น นับว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหนึ่งชิ้นที่มีความสำคัญต่อทุกครัวเรือน เรียกได้ว่าจะต้องมีตั้งไว้อยู่ในครัวทุกบ้านแน่นอน ซึ่งประโยชน์ของตู้เย็นนั้นมีเอาไว้เพื่อเก็บอาหาร และคงคุณภาพความสดของอาหารได้นานขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ และอาหารสำเร็จรูปที่รับประทานยังไม่หมดก็สามารถนำมาเก็บไว้เพื่อยืดระยะเวลาการบูดเน่าได้เช่นกัน
แต่การแช่สิ่งของเหล่านี้ไว้เป็นเวลานานมากจนเกินไป ส่งผลเสียให้เกิดเชื้อรา อาหารเน่าเสีย ซึ่งจะส่งผลเสียและเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้เกิดแบคทีเรียร้าย หรือแบคทีเรียลิสเทอเรีย (Listeria) ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิที่มีความเย็น และถ้าหากว่าเก็บอาหารไม่ถูกวิธีก็จะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโต สิ่งที่อันตรายที่สุดเมื่อแบคทีเรียเหล่านี้ได้เข้าสู่ร่างกาย จะส่งผลเสียที่มีอัตราการเสียชีวิตมากถึง 30% เลยทีเดียว
ทั้งนี้ หากไม่อยากให้เกิดแบคทีเรียปนเปื้อนในอาหาร ควรระมัดระวังเรื่องการเก็บเนื้อสัตว์ไม่เกิน 5 วัน เก็บผักสดไม่เกิน 3-4 วัน และเมื่อถึงเวลาที่จะนำวัตถุดิบเหล่านี้มาประกอบอาหาร ควรนำมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าก่อนเป็นอันดับแรก และที่สำคัญควรล้างทำความสะอาดตู้เย็นบ่อย ๆ อย่างให้มีของเหลือภายในตู้เย็น เพื่อเป็นการสร้างสุขอนามัยที่ดีต่อการบริโภคและส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย
1. เซนเซอร์เกิดความเสียหาย
เซนเซอร์ตรวจจับน้ำแข็ง หรือระบบละลายน้ำแข็งภายในตู้เย็น เมื่อระบบเกิดความเสียหายจะส่งผลให้ช่องฟรีซเย็น แต่ตู้เย็นไม่เย็น และอาจส่งผลไปถึงการทำงานผิดปกติของคอมเพรสเซอร์แอร์ หากเกิดปัญหาเหล่านี้ให้รีบซ่อมระบบละลายน้ำแข็งในทันที เนื่องจากอาจส่งผลให้ตู้เย็นมีความเย็นจัดและทำให้เกิดน้ำแข็งในปริมาณมาก
2. กระแสไฟไม่สม่ำเสมอ
หากภายในบ้านมีการใช้ปลั๊กไฟของตู้เย็นพ่วงร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น นับว่าเป็นปัจจัยที่สามารถส่งผลทำให้ตู้เย็นไม่เย็นได้ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ใช้กับตู้เย็นไม่มีความสม่ำเสมอ อาจส่งผลทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักและทำให้ตู้เย็นไฟไม่เข้า ดังนั้นควรตรวจสอบและคำนวณกระแสไฟฟ้าที่ใช้งานภายในบ้านให้ดี
3. ของในตู้เย็นเยอะมากเกินไป
อีกหนึ่งปัญหาที่ก่อให้เกิดสาเหตุตู้เย็นไม่เย็น เพราะว่าการเก็บผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ของแห้งไว้เต็มตู้เย็นโดยที่ไม่มีการจัดระเบียบจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากเกินไป ส่งผลให้ระบบความเย็นไม่สามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง วิธีแก้ปัญหาคือการจัดระเบียบตู้เย็นใหม่ให้ดูโล่งและสะอาดตา โดยการนำกล่องมาใส่อาหารและจัดแยกประเภทการจัดเก็บไว้อย่างชัดเจน ที่นอกจากจะช่วยทำให้เป็นระเบียบแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขอนามัยในการบริโภคได้อีกด้วย
4. พัดลมระบายอากาศชำรุด
ภายในตู้เย็นมีพัดลมระบายอากาศเพื่อคอยทำหน้าที่ระบายความร้อนออกไปและส่งความเย็นให้กระจายสู่ภายในอย่างทั่วถึง หากเกิดปัญหาตู้เย็นไม่เย็นแต่ช่องฟรีซเย็น หรือตู้เย็นไม่เย็นแต่ไฟติด ลองสังเกตดูในบริเวณพัดลมระบายอากาศ เนื่องจากในตู้เย็นรุ่นเก่าอาจต้องทำการละลายน้ำแข็งออกให้หมดก่อน เพื่อดูว่าพัดลมระบายอากาศยังทำงานอยู่หรือเปล่า หากว่าพัดลมระบายอากาศไม่ทำงานแล้วก็สามารถเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ทันที
5. แช่ของร้อนในตู้เย็น
การนำของร้อนโดยที่ไม่รอให้อุ่นหรือเย็นเสียก่อนแล้วนำเข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็นทันที จะส่งผลให้เกิดปัญหาตู้เย็นไม่เย็น เนื่องจากระบบการทำงานของตู้เย็นจะลดลง และอาจตามมาด้วยปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นอีกได้ ดังนั้นก่อนที่จะนำอาหารเข้าไปแช่ตู้เย็นควรรอให้อุ่นและเย็นลงก่อนแล้วค่อยนำไปแช่จะไว้ดีที่สุด
6. คอมเพรสเซอร์ชำรุด
หากคอมเพรสเซอร์เกิดชำรุดจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลโดยตรงทำให้ตู้เย็นไม่เย็น โดยมีวิธีการสังเกตง่ายๆ คือระหว่างที่ตู้เย็นกำลังทำงานแล้วไม่มีเสียงคอมเพรสเซอร์ด้านหลังตู้เย็นกำลังทำงาน สามารถสันนิษฐานได้ว่าคอมเพรสเซอร์อาจเสียไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องทำการซ่อมและเปลี่ยนทันที แต่ในกรณีนี้ควรจะให้ช่างผู้มีความเชี่ยวชาญเป็นคนจัดการ
7. ขอบยางเสื่อมสภาพ
วัสดุและอะไหล่ของตู้เย็นเมื่อใช้งานไปได้สักพันหนึ่งแล้วก็จะมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา โดยเฉพาะยางบริเวณขอบตู้เย็น หากเมื่อสังเกตดูแล้วพบว่าขอบยางมีการแข็งตัวหรือว่าปิดแล้วไม่สนิท สิ่งนี้บ่งบอกได้เลยว่าขอบยางตู้เย็นเสื่อมสภาพเป็นที่เรียบร้อยและส่งผลให้ตู้เย็นปิดแล้วไม่สนิทอันเป็นสาเหตุของอาการตู้เย็นไม่เย็น โดยวิธีแก้ไขที่ทุกคนสามารถทำเองได้คือ นำน้ำอุ่นราดแล้วใช้มือบีบที่ขอบยางเพื่อให้ขอบยางนิ่มและกลับมาใช้ได้ปกติ แต่ถ้าหากบีบแล้วขอบยางแข็งตัวนั้นแสดงว่าเสื่อมสภาพเป็นที่เรียบร้อยและแนะนำเปลี่ยนขอบยางได้ทันที
8. ไม่ทำความสะอาดช่องฟรีซ
หากช่องฟรีซภายในตู้เย็นมีน้ำแข็งเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก ควรจะต้องหาเวลาทำความสะอาดและละลายน้ำแข็งอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อปี เพราะหากปล่อยให้น้ำแข็งอัดแน่นภายในช่องฟรีซเป็นเวลานานจะทำให้ระบบการทำงานหมุนเวียนภายในลดลง สำหรับตู้เย็นรุ่นเก่าก่อนที่จะล้างทำความสะอาดควรดึงปลั๊กไฟออกให้เรียบร้อย เคลียร์ของภายในตู้เย็นออกให้หมดแล้วปล่อยให้น้ำแข็งละลายตัวเอง
9. ใช้อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม
การปรับอุณหภูมิของตู้เย็นให้เหมาะสมนั้นมีผลต่อความเย็นของตู้เย็นได้เช่นเดียวกัน หากเป็นตู้เย็นรุ่นเก่าส่วนใหญ่แล้วจะหมุนปรับปุ่มให้อยู่ระดับอุณหภูมิเลข 3 สำหรับตู้เย็นในรุ่นใหม่สามารถปรับได้ง่ายบนหน้าจอดิจิทัลได้เลย
10. ขนย้ายอย่างไม่ระมัดระวัง
การเคลื่อนย้ายตู้เย็นควรทำอย่างระมัดระวังและไม่ควรยกตู้เย็นเป็นแนวนอน เนื่องจากจะทำให้น้ำยาคอมเพรสเซอร์ไหลออกมาได้ ควรยกที่ความเอียงไม่เกิน 40 องศา และเมื่อทำการขนย้ายเสร็จเรียบร้อยแล้วยังไม่ควรเปิดใช้งานทันที ควรปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง แล้วค่อยเสียบปลั๊กเปิดใช้งานตามปกติ ถึงแม้ว่าตู้เย็นจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดูแข็งแรง แต่การดูแลและเคลื่อนย้ายนั้นต้องใช้ความละเอียดอ่อนมากพอสมควรเลยทีเดียว
7 วิธีช่วยแก้ปัญหาตู้เย็นไม่เย็น
หลังจากที่ได้ทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ตู้เย็นไม่เย็น กันไปแล้ว ต่อมาเรามาดูเทคนิคและวิธีที่จะช่วยให้ตู้เย็นทำงานได้ปกติ มอบความสดชื่นและถนอมอาหารให้กับผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และเครื่องดื่มต่างๆ รวมทั้งยังเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็นได้นานขึ้นอีกด้วย
- ละลายน้ำแข็ง การปล่อยให้น้ำแข็งภายในช่องฟรีซเกาะกันเป็นก้อนในปริมาณที่มากจนเกินไปทำให้ตู้เย็นไม่เย็น การปล่อยให้น้ำแข็งละลายจะช่วยให้ตู้เย็นกลับมาทำงานได้ปกติและยังเป็นการประหยัดไฟได้อีกด้วย
- เปลี่ยนขอบยาง หากสังเกตว่าขอบยางตู้เย็นเสื่อมแล้ว ควรรีบเปลี่ยนในทันทีเพราะถ้าปล่อยไว้แบบเดิมจะส่งผลให้ตู้เย็นไม่เย็นและเป็นการเปลืองไฟ
- ตั้งตู้เย็นบนพื้นเรียบ การวางตู้เย็นบนพื้นที่ไม่เรียบจะทำให้โอกาสที่ประตูตู้เย็นปิดไม่สนิทนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ส่งผลให้ความเย็นระเหยออกมาแล้วตู้เย็นไม่เย็น การตั้งตู้เย็นบนพื้นเรียบเสมอกันและในพื้นที่ที่เหมาะสมจะทำให้ประตูปิดสนิทและตู้เย็นทำงานได้ปกติ
- จัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบ อีกหนึ่งวิธีที่ทำแล้วสามารถเห็นผลได้ชัดเจน คือการเคลียร์ข้าวของภายในตู้เย็นที่อัดแน่นนั้นส่งผลให้ตู้เย็นไม่เย็นได้ ควรจัดแยกประเภทใส่กล่องและวางอย่างเป็นระเบียบเพื่อง่ายต่อการค้นหาในเวลาที่ต้องการ
- ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม หลังจากที่ได้ทำการละลายน้ำแข็งและเคลียร์ของในตู้เย็นให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมการปรับอุณหภูมิภายในตู้เย็นให้เหมาะสมเพื่อทำให้ระบบการทำงานมีประสิทธิภาพ
- เปลี่ยนพัดลมระบายอากาศ อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็นก็คือ พัดลมระบายอากาศ ที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนและกระจายความเย็นไปทั่วตู้เย็น หากพัดลมเกิดขัดข้องหรือชำรุดก็จะทำให้ตู้เย็นไม่เย็นได้
- เรียกทีมงานผู้เชี่ยวชาญ หากไม่สามารถหาสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาตู้เย็นไม่เย็นได้ ควรสอบถามช่างผู้มีความเชี่ยวชาญให้มาดูอาการและทำการซ่อมแซม เนื่องจากบางปัญหาอาจเกิดจากกลไกของเครื่องยนต์ภายในตู้เย็นที่ต้องได้รับการแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
บทความที่น่าสนใจ : ล้างตู้เย็น ยังไงให้เหมือนใหม่ เปลี่ยนโฉมตู้เย็นให้ใหม่เอี่ยม ใช้เวลาเพียง 10 นาที!!
สำหรับบ้านไหนที่กำลังประสบกับปัญหา ตู้เย็นไม่เย็น อยู่ในตอนนี้แล้วยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร อย่างไรแล้วลองสังเกตอาการที่เราได้แนะนำไปข้างต้น อาจจะทำให้พบสาเหตุของปัญหาก่อนที่จะทำการเรียกช่างได้ และในแต่ละปัญหาที่พบเจอก็อาจจะสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้าหากว่าพบปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นยากเกินกว่าจะแก้ไขด้วยตัวเอง เราขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อการแก้ไขปัญหาให้หายขาดได้อย่างตรงจุด เพื่อที่จะได้ใช้งานตู้เย็นได้อย่างราบรื่นและไม่พบกับปัญหา ตู้เย็นไม่เย็น อีกต่อไป
บทความที่น่าสนใจ :
7 ยี่ห้อ ตู้เย็นเล็ก ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์สวย ยี่ห้อไหนดีที่สุด
ดับกลิ่นตู้เย็น หมดกังวลเรื่องกลิ่นเหม็น! 10 วิธีกำจัดกลิ่นเหม็นในตู้เย็น
ล้างตู้เย็น ยังไงให้เหมือนใหม่ เปลี่ยนโฉมตู้เย็นให้ใหม่เอี่ยม ใช้เวลาเพียง 10 นาที!!
ที่มา : homepro, kapook, banidea
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!