คนท้อง ท้องผูก เบ่งได้ไหม? ตั้งครรภ์ เบ่งอุจจาระอันตรายไหม ส่งผลเสียต่อลูกในท้องหรือเปล่า?

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและสรีระขณะตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้คุณแม่หลายท่านประสบกับปัญหาท้องผูก ซึ่งอาจนำไปสู่การเบ่งอุจจาระที่อาจสร้างความกังวลใจกับคุณแม่ว่าจะเป็นอันตรายกับลูกลูกน้อยในครรภ์หรือไม่อย่างไร?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ไขข้อสงสัย? คนท้อง ท้องผูก เบ่งได้ไหม? ตั้งครรภ์ เบ่งอุจจาระอันตรายไหม!! อาการท้องผูกเป็นเรื่องปกติที่คนท้องต้องเผชิญ เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและร่างกายที่ต้องรองรับการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ เมื่อเกิดอาการท้องผูก แม่ท้องอาจกังวลว่าการเบ่งอุจจาระจะส่งผลเสียต่อลูกในท้องหรือไม่ theAsianparent จะช่วยคลายความกังวลของคุณแม่ พร้อมคำแนะนำในการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดอาการท้องผูกมากันฝากค่ะ

 

ทำไมคนท้องถึงท้องผูก? ปัญหาอึดอัดที่พบบ่อยของคุณแม่ตั้งครรภ์

อาการท้องผูกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการนี้อาจสร้างความรู้สึกไม่สบายตัวและอึดอัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งโรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ และ โรงพยาบาลพญาไท ได้ให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่สอดคล้องกันถึงสาเหตุหลักของอาการท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งนำไปสู่การเบ่งอุจจาระ

  • มดลูกขยายตัว เมื่อมดลูกขยายใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์ จะไปเพิ่มแรงกดทับต่อลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้การขับถ่ายทำได้ลำบากขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบทั่วร่างกายคลายตัว ซึ่งรวมถึงกล้ามเนื้อของลำไส้ด้วย ส่งผลให้การบีบตัวของลำไส้เพื่อขับเคลื่อนกากอาหารช้าลง อุจจาระจึงเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ใหญ่ได้ช้าลงและมีการดูดน้ำกลับมากขึ้น ทำให้อุจจาระแข็งและแห้ง
  • การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย กากใยอาหารเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ หากรับประทานอาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอ จะทำให้อุจจาระแข็งและขับถ่ายยาก
  • การขาดการออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ การขาดการออกกำลังกายอาจทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง
  • นิสัยการขับถ่ายที่ไม่ถูกต้อง การอั้นอุจจาระเป็นเวลานานจะทำให้อุจจาระแข็งและขับถ่ายยาก
  • การรับประทานวิตามินบางชนิด วิตามินบำรุงครรภ์ส่วนใหญ่มักมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบในปริมาณสูง ซึ่งจำเป็นต่อการป้องกันภาวะโลหิตจาง แต่ธาตุเหล็กก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ค่ะ

 

คนท้องท้องผูก ตอนกี่เดือน

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลไว้ว่า อาการท้องผูกอาจเกิดได้ ตั้งแต่ไตรมาสแรก เพราะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นทำให้การบีบตัวของลำไส้ช้าลง แต่จะพบบ่อยขึ้นในไตรมาส 2–3 เพราะมดลูกที่ขยายตัวไปกดทับลำไส้ และคุณแม่อาจได้รับธาตุเหล็กเสริมซึ่งทำให้ท้องผูกมากขึ้นค่ะ

ตั้งครรภ์ เบ่งอุจจาระอันตรายไหม

เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารของคุณแม่ตั้งครรภ์ ทำให้การขับถ่ายยากลำบากขึ้น คุณแม่จึงต้องออกแรงเบ่งขณะขับถ่าย ทำให้เกิดความกังวลว่า ตั้งครรภ์ เบ่งอุจจาระอันตรายไหม คนท้อง ท้องผูก เบ่งได้ไหม

โดยทั่วไปแล้ว การเบ่งอุจจาระปกติไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากทารกได้รับการปกป้องอย่างดีเยี่ยมจากถุงน้ำคร่ำ, กล้ามเนื้อมดลูกที่แข็งแรง และผนังหน้าท้องของคุณแม่ อย่างไรก็ตาม การเบ่งอย่างรุนแรงและเรื้อรังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่ได้ อาทิเช่น

  • ริดสีดวงทวาร การเบ่งอุจจาระแรงๆ เพิ่มแรงดันในช่องท้องและบริเวณทวารหนัก ทำให้เส้นเลือดบริเวณทวารหนักโป่งพองและกลายเป็นริดสีดวงทวาร ซึ่งสร้างความเจ็บปวดและไม่สบายตัว
  • แผลปริขอบทวารหนัก อุจจาระที่แข็งอาจทำให้เกิดแผลปริบริเวณขอบทวารหนัก ทำให้เจ็บปวดขณะขับถ่ายและอาจมีเลือดออก
  • ความดันโลหิตสูง การเบ่งอุจจาระแรงๆ อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วขณะ ซึ่งอาจเป็นอันตรายสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ประสบการณ์จริงของคุณแม่

“ตอนท้องลูกคนแรก ท้องผูกหนักมากค่ะ บางที 3-4 วันถึงจะถ่าย ต้องใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานและเบ่งจนหน้าแดงเลย” คุณปริม, คุณแม่ลูกสองเล่าประสบการณ์ผ่านเว็บบอร์ดสำหรับครอบครัว “ใจหนึ่งก็กลัวว่าการเบ่งจะไปกระทบกระเทือนลูก แต่อีกใจก็อึดอัดมากจริงๆ ค่ะ สุดท้ายเลยต้องปรับเรื่องการกินทั้งหมด ถึงจะดีขึ้น”

ประสบการณ์จากคุณแม่ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลร่วมกันของคุณแม่ท้องหลายๆ ท่าน ซึ่งการได้เข้าใจว่าปัญหานี้เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปและมีทางแก้ไข จะช่วยลดความเครียดและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการดูแลตัวเองค่ะ

คนท้องท้องผูก แก้ยังไง

การเบ่งอุจจาระขณะตั้งครรภ์เป็นผลมาจากอาการท้องผูกนั่นเองค่ะ ดังนั้น เพื่อป้องกันอาการท้องผูกและหลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระแรงๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับคุณแม่และทารกในครรภ์ คำแนะนำต่อไปนี้รวบรวมจากข้อมูลของสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์ เพื่อให้คุณแม่นำไปปรับใช้ได้อย่างมั่นใจ

  • ฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา: พยายามเข้าห้องน้ำในเวลาเดิมๆ ทุกวัน เพื่อสร้างกิจวัตรให้ร่างกาย
  • ปรับท่านั่งในการขับถ่าย: การใช้เก้าอี้เล็กๆ วางเท้าระหว่างการขับถ่าย จะช่วยให้ลำไส้ใหญ่อยู่ในมุมที่เหมาะสม ทำให้อุจจาระเคลื่อนตัวออกมาได้ง่ายขึ้น ลดความจำเป็นในการเบ่ง
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช เพื่อช่วยเพิ่มกากใยในระบบขับถ่าย ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้นและขับถ่ายง่ายขึ้น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ช่วยให้อุจจาระไม่แข็งและขับถ่ายง่าย
  • ทานอาหารที่มีโปรไบโอติก โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต จะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้และส่งเสริมการขับถ่าย
  • ออกกำลังกายเบาๆ การเคลื่อนไหวร่างกายเบาๆ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เช่น การเดิน โยคะคนท้อง ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และระบบขับถ่าย
  • ปรึกษาแพทย์ หากมีอาการท้องผูกเรื้อรัง หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์คุณแม่ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมค่ะ ห้ามซื้อยาระบายหรือยาถ่ายมารับประทานเองเด็ดขาด

คนท้องท้องผูก กินยาอะไร

โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ ม.มหิดล เตือนว่า คุณแม่ไม่ควรซื้อยาระบายกินเอง เพราะบางชนิดอาจกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก เสี่ยงแท้งหรือคลอดก่อนกำหนด หากคุณแม่ควรไปปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาระบายอ่อน ๆ หรือยาที่เพิ่มกากใย ซึ่งปลอดภัยกว่า และในบางรายอาจใช้ยาระบายประเภททำให้อุจจาระอ่อนตัว  แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้นนะคะ

สัญญาณเตือนที่ต้องพบแพทย์

แม้ท้องผูกจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากคุณแม่มีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ท้องผูกรุนแรงและอาการไม่ดีขึ้นหลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • มีอาการปวดท้องรุนแรงร่วมด้วย
  • ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
  • มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย

การเบ่งอุจจาระอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่คุณแม่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ริดสีดวงทวาร ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพองจากการเบ่ง ดังนั้น การป้องกันและจัดการกับอาการท้องผูกตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่ตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ

 

คนท้องท้องผูก กินอะไรดี

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำแนวทางโภชนาการหญิงตั้งครรภ์ ไว้ว่า คุณแม่ควรเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว (คะน้า ตำลึง บร็อกโคลี) ผลไม้สด (ฝรั่ง ส้ม มะละกอ กล้วยน้ำว้า) ธัญพืชไม่ขัดสี (ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต) และควรดื่มน้ำสะอาด 8–10 แก้ว/วัน พร้อมกับการขยับร่างกาย เช่น เดินเบา ๆ หรือโยคะคนท้อง จะช่วยให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น

ผลไม้ไฟเบอร์สูง ช่วยแม่ท้องให้ขับถ่ายง่าย สบายท้อง

คนท้องท้องผูก ทางที่ดีควรแก้ที่ต้นเหตุ เช่น ปรับอาหาร ดื่มน้ำมากขึ้น และออกกำลังกายเบา ๆ แทน สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องระบบขับถ่ายที่มักมีปัญหาท้องผูก การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นตัวช่วยที่ดี หนึ่งในนั้นคือผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่ายให้ง่ายขึ้น  สำหรับไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหาร มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มปริมาณและความนุ่มของอุจจาระ ทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น ลดอาการท้องผูก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ไฟเบอร์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคบางชนิดอีกด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ผลไม้ไฟเบอร์สูงที่แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

ผลไม้ต่อไปนี้เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ มาดูกันว่ามีผลไม้อะไรบ้างที่แนะนำให้รับประทานระหว่างตั้งครรภ์กันค่ะ

  • มะเฟือง ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน มีไฟเบอร์สูง วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากมีกรดออกซาลิก ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต
  • กีวี อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซี วิตามินเค และโพแทสเซียม ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • เสาวรส มีไฟเบอร์สูง วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการขับถ่ายและบำรุงผิวพรรณ
  • แอปเปิ้ล เป็นแหล่งของไฟเบอร์เพคติน ซึ่งช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหารและช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • มะขาม มีไฟเบอร์สูงและมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • แก้วมังกร มีไฟเบอร์สูงและมีแคลอรี่ต่ำ ช่วยในการขับถ่ายและควบคุมน้ำหนัก
  • มะละกอสุก มีไฟเบอร์สูงและเอนไซม์ปาเปน ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องผูก
  • สับปะรด มีไฟเบอร์สูงและเอนไซม์โบรมีเลน ซึ่งช่วยในการย่อยโปรตีนและลดอาการอักเสบ

การรับประทานผลไม้ไฟเบอร์สูงเป็นวิธีธรรมชาติในการดูแลสุขภาพระบบขับถ่ายของคุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วยให้สบายท้องและมีสุขภาพที่ดีตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ

คำถามที่พบบ่อยอื่น ๆ เกี่ยวกับคนท้องท้องผูก

  • คนท้องท้องผูก อันตรายไหม

โดยทั่วไปท้องผูกไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ค่ะ แต่ถ้า เบ่งแรงบ่อย ๆ หรือมีอาการเลือดออก ปวดท้องมาก ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคริดสีดวงทวารหรือความผิดปกติอื่น ๆ

  • ธาตุเหล็กทำให้คนท้องท้องผูกจริงไหม

ใช่ค่ะ ยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กมีผลทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวน้อยลง จึงทำให้ท้องผูกมากขึ้น คุณแม่ควรกินพร้อมผักผลไม้หรืออาหารที่มีวิตามินซีสูง (เช่น ส้ม ฝรั่ง) จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและลดปัญหาท้องผูกได้

  • น้ำลูกพรุนช่วยแก้ท้องผูกคนท้องได้ไหม

สามารถช่วยได้ค่ะ น้ำลูกพรุนมีไฟเบอร์และสารซอร์บิทอล (Sorbitol) ที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย แต่ควรดื่มในปริมาณพอเหมาะนะคะ เพราะหากกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียได้

ในคนท้องการเบ่งอุจจาระในระดับปกติโดยทั่วไปแล้วไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการหลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรง เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ริดสีดวงทวาร หรืออาการไม่สบายอื่นๆ หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการผิดปกติใดๆ เช่น เลือดออก ปวดท้องรุนแรง หรืออาการท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์ทันที เพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรงอยู่เสมอตลอดทั้งไตรมาสการตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

น้ำคร่ำเยอะ มีผลต่อลูกน้อยในท้องยังไง

รวมแพ็กเกจคลอด ปี 2568 ค่าคลอดเหมาจ่าย รพ.เอกชน ในกรุงเทพฯ

ลูกในครรภ์ตัวเล็ก กินอะไรดี? บำรุงยังไงให้ลูกแข็งแรง?

 

อ้างอิง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ท้องผูก เรื่องอึดอัดของว่าที่คุณแม่ โรงพยาบาลพญาไท https://www.phyathai.com/th/article/pregnant-mother-with-a-stomachache-ptp

วิธีรับมืออาการท้องผูก ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ โรงพยาบาลบางปะกอก https://www.bpksamutprakan.com/care_blog/view/181

8 ผลไม้ต้องลอง สำหรับคนท้องผูกบ่อย!, โรงพยาบาลรามคำแหง https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/2620

บทความโดย

อภิญญา คำเอก