คุณแม่คงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า คนท้องกินอย่างไร ลูกในท้องได้อย่างนั้นใช่ไหมคะ เพราะไม่ว่าคุณแม่กินอะไรเข้าไป ลูกน้อยในครรภ์ก็จะได้รับสารอาหารที่แม่รับประทานเข้าไปผ่านทางรก และยังได้รับอิทธิพลของอาหารที่คุณแม่รับประทานในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการและสุขภาพของทารกในครรภ์อีกด้วย มาดูกันค่ะว่า อยากให้ลูกกินง่าย ? ควรเริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่! เพราะอะไร?
- การรับสารอาหารผ่านรก รกทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างแม่และทารก สารอาหารที่แม่ย่อยและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจะถูกส่งผ่านรกไปยังทารก เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต
- การรับรู้รสชาติและกลิ่นผ่านน้ำคร่ำ เมื่อคุณแม่ทานอาหาร รสชาติและกลิ่นของอาหารจะซึมผ่านเข้าไปในน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นของเหลวที่ล้อมรอบทารก ทารกจะกลืนกินและสูดดมน้ำคร่ำเหล่านี้ ทำให้ได้สัมผัสกับรสชาติและกลิ่นต่างๆ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
- การพัฒนาประสาทสัมผัส การได้รับรสชาติและกลิ่นต่างๆ อย่างสม่ำเสมอในระหว่างตั้งครรภ์ อาจมีส่วนช่วยในการพัฒนาประสาทสัมผัสการรับรสและกลิ่นของทารก
- การสร้างความคุ้นเคย การสัมผัสกับรสชาติบางชนิดซ้ำๆ ในครรภ์อาจทำให้ทารกเกิดความคุ้นเคยกับรสชาติเหล่านั้น และมีแนวโน้มที่จะยอมรับอาหารที่มีรสชาติคล้ายคลึงกันได้ง่ายขึ้นเมื่อเริ่มรับประทานอาหารหลังคลอด
คนท้องกินอย่างไร ลูกในท้องได้อย่างนั้น
- หากคุณแม่ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน ลูกน้อยก็จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาอย่างสมบูรณ์
- หากคุณแม่ทานอาหารที่มีรสหวานบ่อยๆ ลูกน้อยอาจคุ้นเคยกับรสหวานและมีแนวโน้มที่จะชอบอาหารรสหวานมากขึ้น
- หากคุณแม่ทานผักหลากหลายชนิด ลูกน้อยอาจได้สัมผัสรสชาติของผักต่างๆ ผ่านน้ำคร่ำ และอาจเปิดใจลองทานผักได้ง่ายขึ้นเมื่อถึงวัยที่เริ่มอาหารตามวัย
บทความที่เกี่ยวข้อง คนท้องชอบกินของหวาน เสี่ยงลูกพิการจริงไหม?

ทารกในครรภ์สามารถรับรู้และตอบสนองต่อรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันได้
งานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science ได้แสดงให้เห็นว่า ทารกในครรภ์ที่มีอายุครรภ์ระหว่าง 32 ถึง 36 สัปดาห์ แสดงออกทางสีหน้า ไม่ว่าจะเป็นการยิ้มหรือขมวดคิ้ว เมื่อคุณแม่รับประทานอาหารที่มีรสชาติต่างกัน นับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบอย่างชัดเจนว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์สามารถรับรู้และตอบสนองต่อรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันได้
ข้อค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า รูปแบบการบริโภคอาหารของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อเนื่องไปถึงความพึงพอใจในอาหารของลูกในระยะยาวได้
ทารกยิ้มเมื่อแม่กินแครอท แต่ขมวดคิ้วเมื่อแม่กินคะน้า
คณะนักวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด มหาวิทยาลัยเดอแรม ได้ทำการศึกษาปฏิกิริยาของทารกในครรภ์ต่อรสชาติอาหารที่คุณแม่รับประทาน โดยใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ 4 มิติ ซึ่งสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวสามมิติของทารกในครรภ์ได้
ในการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยได้ติดตามคุณแม่ตั้งครรภ์จำนวน 100 คน โดยคุณแม่แต่ละท่านจะได้รับแคปซูลบรรจุผงแครอทหรือผงคะน้า 20 นาทีก่อนเข้ารับการตรวจอัลตราซาวนด์ เหตุผลที่เลือกใช้แคปซูลแทนผักสดนั้น เพื่อควบคุมปัจจัยเรื่องความชอบส่วนบุคคลของคุณแม่ เนื่องจากแคปซูลแทบจะไม่มีกลิ่นหรือรสชาติ และจะเริ่มปล่อยรสชาติเมื่อละลายในลำไส้เล็กเท่านั้น
ผลการสังเกตการณ์พบว่า ทารกในครรภ์ที่คุณแม่ได้รับประทานแครอท (รสหวาน) มีแนวโน้มที่จะแสดงสีหน้ายิ้มแย้มและริมฝีปากเชิดขึ้น คล้ายกับการหัวเราะ ในทางตรงกันข้าม ทารกในครรภ์ที่คุณแม่ได้รับประทานคะน้า (รสขม) มักจะแสดงสีหน้าบึ้งตึง คล้ายกับการร้องไห้
บทความที่เกี่ยวข้อง อาหารคนท้อง 3 ไตรมาส ควรกินอะไรดี เพื่อพัฒนาการร่างกายและสมองสมบูรณ์ของลูกน้อยในครรภ์
ประสาทสัมผัสและการแสดงออกทางสีหน้าพัฒนาขึ้นตลอดการตั้งครรภ์
พัฒนาการของประสาทสัมผัสและการแสดงออกทางสีหน้าของทารกในครรภ์เป็นกระบวนการต่อเนื่องตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์
โดยเริ่มจาก การรับรส ซึ่งต่อมรับรสจะเริ่มก่อตัวเมื่อทารกในครรภ์มีอายุได้ 8 สัปดาห์ และเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 14 สัปดาห์ ทารกจะสามารถรับรู้โมเลกุลรสชาติต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในน้ำคร่ำได้แล้ว ต่อมาใน ด้านการรับกลิ่น เมื่อทารกมีอายุครรภ์ 24 สัปดาห์ จะสามารถรับรู้โมเลกุลของกลิ่นที่อยู่ในของเหลวผ่านทางช่องจมูกที่เพิ่งเปิดออก
ในขณะเดียวกัน กล้ามเนื้อใบหน้า ของทารกในครรภ์ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแสดงออกทางสีหน้ามีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป ทารกจะเริ่มแสดงสีหน้าที่คล้ายคลึงกับรอยยิ้มและหน้าบึ้งตึง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ทารกจะแสดงออกภายหลังคลอด

อาหารที่แม่กินตอนท้อง อาจส่งผลต่อความชอบในอนาคตของทารก
อาหารที่คุณแม่รับประทานระหว่างตั้งครรภ์ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความชอบในรสชาติของลูกน้อยในอนาคต อยากให้ลูกกินง่าย แม่ลองทำตามนี้!
งานวิจัยนี้ถือเป็น ครั้งแรกที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทารกในครรภ์สามารถตอบสนองต่อรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันได้
ผลลัพธ์จากการศึกษาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจ ลำดับพัฒนาการของประสาทสัมผัสในทารกขณะอยู่ในครรภ์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นว่า อาหารที่คุณแม่บริโภคในระหว่างตั้งครรภ์เป็นช่องทางสำคัญที่ทารกจะได้สัมผัสกับรสชาติใหม่ๆ ซึ่งอาจส่งผลระยะยาวต่อความชื่นชอบในอาหารของทารกได้ ยกตัวอย่างเช่น ทารกที่ได้รับรสชาติของผักคะน้าซ้ำๆ ในครรภ์ อาจมีแนวโน้มที่จะยอมรับผักชนิดนี้ได้ง่ายขึ้นเมื่อเริ่มให้อาหารหลังคลอด
Beyza Ustun หัวหน้าทีมวิจัยและนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาจากห้องปฏิบัติการวิจัยด้านทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด มหาวิทยาลัยเดอร์แฮม อธิบายว่า “เราเชื่อว่าการได้รับสัมผัสรสชาติซ้ำๆ ก่อนคลอด อาจมีบทบาทในการกำหนดความชอบอาหารหลังคลอด ซึ่งอาจมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการให้ข้อมูลด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพ และการลดความเสี่ยงของปัญหา ‘เด็กเลือกกิน’ ในช่วงหย่านม“
Jacqueline Blissett ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยและศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแอสตัน เสริมว่า “การเปิดโอกาสให้ทารกในครรภ์ได้สัมผัสกับรสชาติที่ ‘ไม่คุ้นเคย’ เช่น ผักคะน้า อาจช่วยให้ทารกคุ้นชินกับรสชาติเหล่านั้นตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ได้”
ขั้นตอนต่อไป ทีมวิจัยจะทำการศึกษาติดตามผลกับทารกกลุ่มเดิมภายหลังคลอด เพื่อตรวจสอบว่าทารกเหล่านี้มีการยอมรับรสชาติของแครอทและคะน้าได้ดีกว่าทารกในวัยเดียวกันหรือไม่
จากงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าทารกในครรภ์สามารถรับรู้รสชาติจากอาหารที่คุณแม่รับประทานทาน และแสดงออกทางสีหน้าตอบสนองต่อรสชาตินั้นได้ การได้รับรสชาติผักซ้ำๆ ผ่านน้ำคร่ำ อาจทำให้ทารกคุ้นเคยกับรสชาติเหล่านั้นตั้งแต่ในครรภ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การยอมรับผักได้ง่ายขึ้นหลังคลอด ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า อยากให้ลูกกินง่าย ควรให้ลูกคุ้นชินกับอาหารเหล่านั้นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ค่ะ
ที่มา : psychologytoday
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แม่กลุ้มใจ! ลูกกินยาก น้ำหนักไม่ขึ้น เพราะอะไร? แก้ไขยังไงดี?
คนท้องกินอะไรลูกฉลาด อาหารที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาสมองของทารก
13 ผลไม้ต้องห้าม! คนท้องห้ามกินผลไม้อะไร ทำไมห้าม? ส่งผลยังไงต่อการตั้งครรภ์
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!