การทำหมันหลังคลอดเป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดถาวรที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการมีลูกตามจำนวนที่ตั้งใจไว้แล้ว การตัดสินใจทำหมันเป็นเรื่องสำคัญและควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นการทำหมันจะส่งผลต่อการมีลูกอีกในอนาคต ทำหมันหลังคลอดเลยดีไหม ทำหมันหลังคลอดธรรมชาติ กับ ทำหมันหลังผ่าคลอดแตกต่างกันไหม และ ทำหมันหลังคลอด จะเพิ่มความเจ็บปวดมากน้อยแค่ไหน เรามาหาคำตอบกันค่ะ
คลอดเอง กับ ผ่าคลอด แบบไหนดีกว่ากัน ?
การเลือกวิธีคลอด ทั้งการคลอดเองหรือการผ่าคลอด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพร่างกายของคุณแม่และลูกน้อยอย่างละเอียด ซึ่งแพทย์จะช่วยวางแผนการคลอดที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละคนให้มากที่สุด
-
การคลอดเอง/คลอดธรรมชาติ
การคลอดธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ การคลอดแบบธรรมชาติจะทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดคลอด แผลจากการคลอดธรรมชาติจะมีขนาดเล็กกว่าและหายเร็วกว่า จึงทำให้คุณแม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว หลังคลอดคุณแม่อาจรู้สึกเจ็บปวดบริเวณช่องคลอดเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วจะสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องตัว เช่น การเดิน การนั่ง หรือการให้นมลูก
-
การผ่าคลอด
การผ่าตัดคลอด เป็นการคลอดบุตรโดยการผ่าตัดผ่านทางหน้าท้อง เพื่อนำทารกออกมาจากครรภ์ วิธีนี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะเสี่ยงต่างๆ เช่น สายสะดือพันคอ รกเกาะต่ำ หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และลูก ซึ่งการผ่าตัดคลอดจะใช้ระยะเวลาในการคลอดสั้นกว่าการคลอดธรรมชาติ และมีขนาดแผลหรือรอยแผลเป็นที่ต่างกับการคลอดธรรมชาติ ซึ่งคุณแม่ที่ใช้วิธีผ่าตัดคลอด หลังจากที่คลอดแล้วจะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้แผลหลังผ่าตัดคลอดเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้
ทำหมันหลังคลอด คืออะไร ?
การทำหมันหลังคลอดเป็นทางเลือกสำหรับคุณแม่ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยการทำหมันในช่วงหลังคลอดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดซ้ำได้ ดังนั้นการ ทำหมันหลังคลอด คือ การผ่าตัดเล็กๆ เพื่อทำหมันหญิง โดยจะทำในขณะที่คุณแม่ยังอยู่ในห้องคลอดหรือหลังจากคลอดแล้วไม่กี่วัน วิธีการทำหมันมีหลายวิธี แต่โดยทั่วไปจะทำการตัดท่อนำไข่หรือมัดท่อนำไข่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่และอสุจิมาพบกัน ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก
การทำหมันในผู้หญิงมีกี่แบบ ?
การทำหมันหญิงเป็นวิธีคุมกำเนิดถาวรที่นิยม โดยมีหลากหลายวิธีให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักตามระยะเวลาในการทำหมัน ดังนี้
-
การทำหมันหลังคลอด หรือ การทำหมันเปียก (Postpartum Sterilization)
ทำหมันหลังคลอด หรือที่เรียกว่าการทำหมันเปียก เป็นวิธีการคุมกำเนิดถาวรที่นิยมทำในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังคลอดบุตร ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากร่างกายของผู้หญิงยังอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการผ่าตัด และมดลูกยังมีขนาดใหญ่ ทำให้แพทย์สามารถเข้าถึงท่อนำไข่ได้ง่ายขึ้น
-
การทำหมันปกติ หรือ การทำหมันแห้ง (Interval Sterilization)
การทำหมันแห้ง คือการทำหมันที่ทำในช่วงเวลาปกติ ที่ไม่ใช่ช่วงระยะเวลา 7 วันหลังการคลอดลูก ซึ่งการทำหมันปกตินี้ มดลูกจะมีขนาดปกติและอยู่ในอุ้งเชิงกราน การผ่าตัดจึงมีความยากในการหาท่อนำไข่มากกว่าการทำหมันหลังคลอด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ต้องทำในห้องผ่าตัด และใช้วิธีการดมยาสลบ ซึ่งแตกต่างจากการทำหมันเปียกที่ทำทันทีหลังคลอด
ทั้งนี้การทำหมันแห้งมักจะทำหลังจากมีประจำเดือนแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ ก่อนตัดสินใจทำหมันแห้งจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อน จากนั้นแพทย์จะนัดผ่าตัดทำหมันอีกครั้งหากร่างกายมีความพร้อม
ทำหมันหลังคลอด ธรรมชาติ vs ทำหมันหลังผ่าคลอด
การตัดสินใจทำหมันหลังคลอดเป็นวิธีคุมกำเนิดถาวรที่คุณแม่จะไม่สามารถมีลูกได้อีกในอนาคต การเลือกทำหมันหลังคลอด แบบคลอดธรรมชาติคลอดเองหรือหลังผ่าคลอดนั้น จะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
- การทำหมันหลังคลอดธรรมชาติ/คลอดเอง หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้ว แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณที่จะทำการผ่าตัด จากนั้นจึงทำการผ่าตัดเล็กๆ เพื่อตัดหรือมัดท่อนำไข่ ซึ่งความเจ็บปวดจะน้อยมาก เนื่องจากร่างกายยังคงได้รับยาชาอยู่ และคุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าอาการเจ็บท้องคลอดเสียอีกค่ะ
- การทำหมันหลังผ่าคลอด หากคุณแม่ผ่าคลอดอยู่แล้ว การทำหมันก็สามารถทำได้พร้อมๆ กันในระหว่างการผ่าคลอดเลยค่ะ แพทย์จะทำการผ่าตัดเล็กๆ เพิ่มเติมเพื่อเข้าไปยังช่องท้องและทำการผูกหรือตัดท่อนำไข่ ซึ่งจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเพิ่มขึ้นไปจากการผ่าคลอดเดิม เนื่องจากร่างกายได้รับการดมยาสลบอยู่แล้ว
ดังนั้นไม่ว่าคุณแม่จะเลือกทำหมันหลังคลอดแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการคลอดที่คุณแม่เลือกด้วยเช่นกัน การทำหมันหลังคลอดธรรมชาติ สามารถทำได้ทันทีหลังคลอด เพราะร่างกายยังคงมีฮอร์โมนที่ช่วยให้การผ่าตัดง่ายขึ้น แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก และฟื้นตัวได้เร็ว ส่วนทำหมันหลังผ่าคลอด สามารถทำได้พร้อมกับการผ่าคลอด ซึ่งคุณหมอไม่ต้องมีการผ่าตัดเพิ่ม แต่ก็อาจมีระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่า
ทำหมันเจ็บไหม ผู้หญิง ?
การทำหมันในผู้หญิง เป็นการผ่าตัดเพื่อตัดหรืออุดท่อนำไข่ ทำให้ไข่และอสุจิไม่สามารถพบกันได้ จึงป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายคนอาจกังวลว่าการทำหมันจะเจ็บปวดหรือไม่ ? คำตอบคือ การทำหมันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด เนื่องจากแพทย์จะให้ยาชาหรือยาสลบตามความเหมาะสม
คุณแม่เจ็บแผลทำหมันกี่วัน ?
การทำหมัน แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็กๆ แต่ก็ทำให้เกิดบาดแผลที่ต้องใช้เวลาในการรักษา ดังนั้นอาการเจ็บแผลหลังทำหมันจึงเป็นเรื่องปกติ อาการหลังจากที่ทำหมันแล้วมักจะมีอาการปวดตุบๆ บริเวณแผลผ่าตัด และอาจมีอาการปวดร้าวไปถึงบริเวณใกล้เคียง เช่น ท้องน้อย หรือหลัง ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว อาการเจ็บแผลหลังทำหมันจะค่อยๆ ทุเลาลงภายใน 7 วัน แต่ระยะเวลาในการหายของแผลแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น วิธีการทำหมัน สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล การดูแลแผลค่ะ
ผลข้างเคียงหลังจากทำหมันหญิง
หลังการทำหมันหญิง ผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้ เหนื่อยล้าจากการใช้ยาชาในขั้นตอนการผ่าตัด และอาจรู้สึกเจ็บแผลบริเวณท้อง รวมถึงอาจมีอาการปวดท้องน้อยได้ เนื่องจากการผ่าตัดอาจกระทบต่ออวัยวะใกล้เคียง เช่น มดลูก กระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายใน 7 วัน
อย่างไรก็ตาม อาการปวดท้องน้อยบางครั้งอาจเกิดจากการมีพังผืดบริเวณที่ผูกท่อนำไข่ แต่ก็พบได้น้อยมาก สำหรับความเสี่ยงจากการผ่าตัดทำหมันนั้นถือว่าน้อยมาก เนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าและปลอดภัยสูง ทำให้การทำหมันเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยสูง
ภาวะแทรกซ้อนจากการทำหมัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การทำหมันก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน
- การติดเชื้อ แผลผ่าตัดอาจติดเชื้อได้ ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวด บวม แดง และมีหนอง
- การตกเลือด หลังการผ่าตัด อาจมีเลือดออกเล็กน้อยได้ แต่หากมีเลือดออกมากเกินไป อาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม
- การบาดเจ็บต่ออวัยวะใกล้เคียง ในบางกรณี อาจเกิดความเสียหายต่ออวัยวะใกล้เคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้
- การอุดตันของท่อนำปัสสาวะ อาจเกิดขึ้นได้หากมีการบาดเจ็บต่อท่อนำปัสสาวะระหว่างการผ่าตัด
- การปวดเรื้อรัง บางคนอาจมีอาการปวดเรื้อรังบริเวณแผลผ่าตัด
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก แม้ว่าจะเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้หากมีการเชื่อมต่อของท่อนำไข่บางส่วนหลังการผ่าตัด
- ภาวะซึมเศร้า การตัดสินใจทำหมันอาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจ ทำให้เกิดความรู้สึกเสียใจหรือผิดหวังได้
วิธีดูแลตัวเองหลังทำหมัน
การทำหมันเป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่ง ดังนั้นการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แผลหายเร็วและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยทั่วไป แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด แต่เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม คุณแม่สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายต้องการเวลาในการพักฟื้น ควรหลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากเกินไปในช่วงแรก
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม เพื่อช่วยในการสมานแผล และรับประทานผักผลไม้เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การยกของหนักอาจทำให้แผลฉีกออกได้
- ดูแลแผลให้สะอาด ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ และสังเกตอาการติดเชื้อ เช่น แผลแดง บวม มีหนอง หรือมีไข้
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปจะแนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาหนึ่ง ประมาณ 6-8 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายสนิท
- กินยาตามที่แพทย์สั่ง ควรกินยาแก้ปวด ยาลดไข้ หรือยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- กลับไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามอาการและตรวจสอบความคืบหน้าของแผล
ทั้งนี้หากหลังการทำหมันมีอาการปวดท้องมากกว่าปกติ อาการปวดไม่หายไปหลังกินยาแก้ปวดไปแล้ว หรือ มีน้ำหรือเลือดออกจากแผลผ่าตัด ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจทำหมันหญิง
การทำหมันหญิงเป็นการตัดสินใจที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อชีวิตในระยะยาว ก่อนตัดสินใจ คุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ความแน่ใจในการมีบุตร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพ่อและคุณแม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าไม่ต้องการมีลูกเพิ่มอีกในอนาคต การทำหมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถาวร การกลับมาให้มีลูกได้อีกเป็นเรื่องยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และอาจไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป
- สุขภาพโดยรวม ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเบาหวาน เนื่องจากการทำหมันต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ที่มีโรคประจำตัวได้
- ผลกระทบทางอารมณ์ การตัดสินใจทำหมันอาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหากมีความกังวลในเรื่องนี้
- วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ พิจารณาทางเลือกอื่นๆ ในการคุมกำเนิดชั่วคราวก่อนตัดสินใจทำหมันถาวร เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด การใส่ห่วงอนามัย หรือการใช้ถุงยางอนามัย
- ค่าใช้จ่าย การทำหมันมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และหากต้องการทำการแก้หมันในอนาคตก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก
การตัดสินใจ ทำหมันหลังคลอด เป็นเรื่องสำคัญ การปรึกษาแพทย์และการทำความเข้าใจข้อมูลอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ การทำหมันเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลนครธน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สังเกตอาการ ! เรื่องฉี่แม่ท้อง ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม ?
ท่าเซ็กส์คุณแม่ท้อง 7 ท่าปลอดภัย ไม่อันตรายต่อลูกในท้อง
ลูกดิ้นบ่อย ลูกดิ้นกระตุก แบบนี้อันตรายไหม แม่ท้องทำไงดี ?