X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ยาคุมกำเนิดแบบฉีด อีกหนึ่งทางเลือกป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้ผลดี!

บทความ 5 นาที
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด อีกหนึ่งทางเลือกป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้ผลดี!

ยาคุมกำเนิดแบบฉีด หรือ ยาฉีดคุมกำเนิด (Injectable contraceptive) เป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับการคุมกำเนิดชนิดชั่วคราวแบบหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อของผู้หญิงในระยะเวลาตามที่แพทย์กำหนด เป็นการคุมกำเนิดในระยะสั้นๆ ที่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพที่สูงถึง 99%

 

ยาคุมกำเนิดแบบฉีด มีหลายประเภท?

ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด มีทั้งชนิดที่มีฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสตินอย่างเดียว อาจเป็นเมดร็อกซีโพรเจสเทอโรน (ในรูปเมดร็อกซีโพรเจสเทอโรนแอซีเทต) หรือนอร์เอทิสเตอโรน (ในรูปนอร์เอทิสเตอโรนอีแนนเทต) และชนิดฮอร์โมนรวมซึ่งมีฮอร์โมนในกลุ่มเอสโตรเจน ได้แก่ เอสตราไดออล (ในรูปเอสตราไดออลไซพิโอเนต หรือเอสตราไดออลวาเลอเรต) ผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสตินชนิดใดชนิดหนึ่ง

ซึ่งวิธีการทำงานของยาคุมแบบนี้คือยาจะเข้าสู่กระแสเลือดทีละเล็กน้อย เพื่อให้มีการออกฤทธิ์ครบตามกำหนดเวลา ซึ่งแต่ละตัวจะได้รับความนิยมต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ โดยส่วนใหญ่แล้วประเทศไทยจะได้รับความนิยมชนิดที่มีฮอร์โมนโพรเจสตินอย่างเดียวและฉีดทุก 3 เดือน ปัจจุบันยาคุมกำเนิดที่นิยมใช้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

 

  • เมดรอกซีโปรเจสเทอโรน (Medroxyprogesterone) เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฉีด ผลิตจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งจะช่วยยับยั้งการตั้งครรภ์ จะช่วยกระตุ้นให้ผนังมดลูกหนาขึ้น ทำให้ไข่ที่ผ่านการปฏิสนธิ จะไม่สามารถเกาะตัวได้
  • เมดรอกซีโปรเจสเตอโรน (Medroxyprogesterone) และเอสทราดิอัล ไซพิโอเนท (Estradiol Cypionate) เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฉีดที่ประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ โปรเจสเตอโรน และเทสโทสเตอโรน โดยยาคุมชนิดนี้จะช่วยให้ไข่ที่อยู่ในรังไข่ไม่เจริญเติบโตมากพอที่จะปฏิสนธิ และยังช่วยให้ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ

 

โดยยาคุมกำเนิดแบบฉีด มีประสิทธิภาพในการช่วยการป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 99% โดยผู้ที่ต้องการฉีดยาคุมจะต้องเข้ารับยาอย่างสม่ำเสมอตรงตามนัดของแพทย์ เพราะเมื่อใดที่มีการฉีดไม่ตรงกำหนด อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้

 

อุปกรณ์คุมกำเนิด

 

ยาคุมกำเนิดแบบฉีด แท้จริงเหมาะกับใคร?

อย่างที่บอกข้างต้นว่า โดยปกติแล้วยาคุมกำเนิดในบ้านเราที่เป็นที่นิยมนั้น มักเป็นยาฉีดแบบ 3 เดือนที่มีฮอร์โมนโพรเจสตินอย่างเดียว ใช้ได้กับผู้หญิงทุกคนที่ต้องการคุมกำเนิดเป็นเวลานาน รวมไปถึงผู้ที่มีน้ำหนักมาก แต่ต้องไม่เข้าข่ายต้องห้าม

ยาคุมแบบฉีด เหมาะกับคนที่เคยมีลูกแล้วมากกว่าคนที่ยังไม่มี เพราะตัวยามีผลข้างเคียงที่ทำให้เยื่อบุมดลูกฝ่อลง อีกทั้งกว่าจะตั้งครรภ์ได้ต้องใช้เวลารออีกนานหลายเดือน หลังจากการฉีดเมื่อครั้งสุดท้าย แนะนำว่าคนที่ยังไม่เคยมีลูก ควรจะใช้อุปกรณ์คุมกำเนิดระยะสั้น จำพวก ยาคุมกำเนิดเม็ดชนิดแผง หรือถุงยางอนามัยมากกว่า อีกทั้งผู้ที่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ก็ควรใช้วิธีคุมกำเนิดชนิดอื่นเช่นเดียวกัน

ในส่วนของผู้ที่ต้องห้ามในการคุมกำเนิดด้วยการฉีดยาคุมชนิดที่มีฮอร์โมนโพรเจสติน ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงตั้งครรภ์ ควรตรวจก่อนเข้ารับการฉีดยาคุม, หญิงที่มีภาวะเลือดออกทางช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ, คนที่เป็นมะเร็งเต้านมในช่วง 5 ปีก่อนนี้, คนที่เป็นโรคตับรุนแรง, คนที่เป็นโรคหลอดเลือดดำอักเสบร่วมกับภาวะลิ่มเลือด, คนที่กำลังหรือเคยเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด และ คนที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง

 

สำหรับกรณีที่ผู้ต้องการฉีดยาคุมนั้น มีโรคที่เกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอด แม้จะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ายาจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหรือไม่ แต่หากมีโรคเหล่านี้เกี่ยวข้องก่อนแล้ว จะห้ามใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดชนิดที่กล่าวถึง

ในส่วนของโรคประจำตัวอื่นนั้น ยังสามารถใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฉีดที่มีฮอร์โมนโพรเจสตินอย่างเดียวได้อยู่ในกรณีที่ไม่มีทางเลือกอื่น แต่ต้องรับการฉีดยาคุมด้วยความระมัดระวัง เช่น โรคเนื้องอกตับ, โรคหัวใจและหลอดเลือด

 

เทียบ “ยาคุมกำเนิดแบบฉีด ชนิด 1 เดือน หรือ 3 เดือน” แบบไหนดีกว่ากัน?

ยาคุมฉีดแบบ 1 เดือน (Cyclofem, 25 mg.)

  • ยาคุมฮอร์โมนชนิดรวม (โมนเอสโตรเจน-โพรเจสติน)
  • ฉีดทุก 1 ครั้ง:เดือน
  • ประจำเดือนมาปกติทุกเดือน
  • ไม่เหมาะกับคนที่ให้นมลูกเพราะจะทำให้น้ำนมแห้ง
  • ฉีดที่บริเวณต้นแขน
  • ราคาเข็มละ 300 บาท

ยาคุมฉีดแบบ 3 เดือน (DMPA, 150 mg.)

  • ยาคุมฮอร์โมนชนิดเดี่ยว (โพรเจสติน)
  • ฉีดทุก 1 ครั้ง: 3 เดือน
  • เหมาะกับคนที่ให้นมลูก
  • ฉีดที่บริเวณสะโพก
  • ราคาเข็มละ 150 บาท

 

ยาคุมกำเนิดแบบฉีด สามารถเริ่มได้เมื่อไร

ยาคุมกำเนิด เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดระยะสั้น แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ช่วงเวลาใดบ้างที่เหมาะสมกับตนเอง ในการเดินทางไปฉีดยาคุม โดยแบ่งเป็นรายละเอียดที่ต่างกันดังนี้

  1. ในวันที่ต้องการฉีดต้องผ่านการตรวจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ และหลังจากการฉีดยาควรงดการมีเพศสัมพันธ์หรือควรคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัยต่อไปเป็นเวลา 7 วัน
  2. สามารถฉีดได้ตั้งแต่วันแรกของการมีประจำเดือน หรือภายใน 5 วันนับจากวันที่เริ่มมีประจำเดือน ซึ่งระหว่างนี้ไม่ต้องเสริมด้วยการคุมกำเนิดชนิดอื่น
  3. ฉีดได้ทันทีหรือภายใน 5 วัน หลังการแท้งบุตร ไม่ว่าจะเคยมีอายุครรภ์เท่าไร ซึ่งระหว่างนี้ไม่ต้องเสริมด้วยการคุมกำเนิดชนิดอื่น
  4. ฉีดได้ทันทีหรือภายใน 21 วัน หลังจากการคลอด แต่เฉพาะกับผู้ที่ไม่ต้องให้นม ซึ่งระหว่างนี้ไม่ต้องเสริมด้วยการคุมกำเนิดชนิดอื่น
  5. ฉีดหลังคลอดโดยที่ยังไม่ถึง 6 เดือน โดยไม่มีประจำเดือนมาและให้นมสม่ำเสมอ ตามปกติแล้วช่วงนี้จะยังไม่มีไข่ตกจึงยังไม่มีการตั้งครรภ์ ระหว่างนี้ไม่จำเป็นต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น แต่หากไม่แน่ใจและเพื่อความปลอดภัยควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อนการฉีดยาคุมและให้งดการมีเพศสัมพันธ์หรือให้คุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัยในช่วง 7 วันภายหลังการฉีดยา ยาเมดร็อกซีโพรเจสเทอโรนแอซีเทตไม่รบกวนปริมาณและคุณภาพน้ำนม

 

การฉีดยาคุมกำเนิดที่ท้อง

ข้อดีของยาคุมกำเนิดแบบฉีด

  • คุมกำเนิดได้นานกว่า 1-3 เดือน จากการฉีดครั้งเดียว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของยาที่ฉีด
  • เมื่อได้รับการฉีดอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูงถึง 99%
  • ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมีเพศสัมพันธ์ สำหรับผู้หญิงบางคนที่อาจมีอาการแพ้ถุงยางอนามัย
  • เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่แก้ปัญหาเรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และอาการปวดประจำเดือน
  • ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ เมื่อต้องการหยุดคุมกำเนิด ยาจะค่อยๆหมดฤทธิ์ไปเอง หากไม่ไปตามนัดหมอ

 

ข้อเสียของยาคุมกำเนิดแบบฉีด

  • ไม่ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอดส์, ซิฟิลิส, หูดหงอนไก่ และหนองใน
  • ต้องไปพบแพทย์ทุก 1 หรือ 3 เดือน
  • ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดอาจลดลง หากไม่ไปตรงตามวันที่หมอนัดฉีดยาคุมเข็มถัดไป
  • ผลข้างเคียงอาจจะไม่หยุดทันที หลังจากการหยุดฉีดยาคุม

 

ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดแบบฉีด ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจจะมีหรือไม่มีอาการเหล่านี้ก็เป็นได้

  • แบบ 1 เดือน : อาจมีประจำเดือนมาไม่ปกติ มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ปวดหรือเวียนศีรษะ คัดตึงเต้านม
  • แบบ 3 เดือน : อาจมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ช่องคลอดแห้ง ปวดกระดูก โพรงกระดูกพรุน (แต่ส่วนนี้จะกลับมาเป็นปกติหลังจากการหยุดฉีดยา)

 

บทความที่น่าสนใจ

ยาคุมลดสิว เผยผิวละเอียด เนียนใส เลือกยังไงให้ตรงใจสาว ๆ

ยาคุมแบบแปะ สามารถคุมกำเนิดได้จริง หรือแค่ราคาคุย

กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย อันตรายหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาคุมกำเนิด ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม

ที่มา (raknareeclinic) (raknareeclinic) (pharmacy.mahidol)

บทความจากพันธมิตร
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Kanthamanee Phisitbannakorn

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • ยาคุมกำเนิดแบบฉีด อีกหนึ่งทางเลือกป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้ผลดี!
แชร์ :
  • อุทาหรณ์! ก้างปลาติดคอ กลืนข้าว-น้ำส้มสายชู วันรุ่งขึ้นเสียชีวิต

    อุทาหรณ์! ก้างปลาติดคอ กลืนข้าว-น้ำส้มสายชู วันรุ่งขึ้นเสียชีวิต

  • วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

    วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

  • แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

    แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

  • อุทาหรณ์! ก้างปลาติดคอ กลืนข้าว-น้ำส้มสายชู วันรุ่งขึ้นเสียชีวิต

    อุทาหรณ์! ก้างปลาติดคอ กลืนข้าว-น้ำส้มสายชู วันรุ่งขึ้นเสียชีวิต

  • วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

    วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

  • แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

    แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว