“มือถือ” ได้กลายเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ของคนเราในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะทำงาน หรือเรียน เราต่างจำเป็นจะต้องใช้ “มือถือ” อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเราจะต้องใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วยความจำเป็นในหลาย ๆ ด้าน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าถ้า พ่อแม่ติดมือถือ จนละเลยความสัมพันธ์ในครอบครัวไป อาจจะส่งผลต่อเด็ก ทั้งทางด้านความสัมพันธ์ พฤติกรรม และอารมณ์ ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กโดยตรง
พ่อแม่ติดมือถือ พฤติกรรมที่ส่งผลกระทบถึงลูกได้
เรามักจะเห็นว่าหลายครอบครัว เกิดพฤติกรรมในการปล่อยปละละเลยในการดูแลกันและกัน หรือแม้แต่ การพูดคุยกันในครอบครัว จนทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย ถึงแม้ว่ามือถือจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้ แต่การใช้เวลาชีวิตไปกับการปัดหน้าจอมือถือ ก็ส่งผลเสียให้กับคุณ และคนรอบข้างได้เช่นกัน รวมถึงพฤติกรรมนี้ ก็ยังสามารถส่งต่อถึงลูกของคุณได้ แม้ว่าคุณไม่ต้องการก็ตาม
น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่าจากการสำรวจพบว่า หนึ่งในปัญหาท็อปฮิตของพ่อแม่ผู้ปกครอง คือ ลูกติดมือถือจนไม่ทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ควรจะทำ อย่างการไปเรียนหนังสือ ปัญหาลูกติดมือถือเป็นประเด็นที่พ่อแม่ ผู้ปกครองกังวลและอยากแก้ไขมากที่สุด ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว พฤติกรรมดังกล่าว อาจจะเป็นพฤติกรรมที่มีผลมาจากการติดมือถือของพ่อแม่ และตัวผู้ปกครองเอง
เมื่อเด็กวัย 7 ขวบ เป็นแกนนำประท้วงพ่อแม่ที่ติดมือถือ
พฤติกรรมการติดมือถือของพ่อแม่เริ่มมากขึ้น จนละเลยความสัมพันธ์ภายในครอบครัว รวมถึงลูกที่ต่างก็คาดหวังให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองของพวกเขาใส่ใจ และมีเวลาให้กับพวกเขามากยิ่งขึ้น
โดยเหตุการณ์ที่เราจะยกตัวอย่างนี้ เป็นเรื่องราวของหนูน้อย Emil Rustige เด็กชาวเยอรมัน วัยเพียง 7 ขวบ ได้ผันตัวมาเป็นแกนนำกลุ่ม เพื่อทำการประท้วงบรรดาคุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครอง ให้เลิกหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์มือถือ แล้วหันมาใส่ใจ และให้เวลากับพวกเขาให้มากขึ้น ด้วยสโลแกน “Play with me, not your smart phone.” พร้อมร้องตะโกนไปด้วยว่า “We are here. We are Loud.”
ซึ่งเมื่อเห็นคลิปดังกล่าว หลายคนอดที่จะอมยิ้มในมุมมอง และความกล้าออกมาเรียกร้องของเด็ก ๆ กับปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่ แต่ในทางกลับกัน สิ่งนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่ละเลยความรักความสัมพันธ์ที่ควรมีในครอบครัว การขาดการใส่ใจกับลูกหลานของตนเอง การขาดการดูแล และเอาใจใส่ อันเนื่องมาจากสังคมก้มหน้า ให้เวลากับมือถือมากจนเกินไปนั่นเอง
บทความอื่นที่น่าสนใจ : เด็กติดอินเทอร์เน็ต สื่อออนไลน์ ติดมือถือ ติดคอม แก้ไขและป้องกันได้อย่างไร?
ปัญหาเด็กติดมือถือ มาจากพฤติกรรมของพ่อแม่?
ในหลาย ๆ ครั้ง เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่ส่วนมากต่างพากันเรียกร้องให้เด็ก ๆ ลดการใช้โทรศัพท์มือถือลง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ลดการแชท ลดสื่อโซเชียล รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านมือถือ พร้อมบอกถึงข้อเสีย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นสารพัด
แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ รวมถึงผู้ปกครองทั้งหลาย อาจจะทำพฤติกรรมเหล่านั้นให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่างก่อนก็ได้ แม้คุณจะอ้างว่า คุณจำเป็นต้องใช้มือถือ หรือจดจ่ออยู่กับมัน เป็นเพราะเรื่องงานของคุณ ซึ่งตัวเด็ก ไม่สามารถเข้าใจได้หรอกว่า คุณเล่นมือถือด้วยเหตุผลอะไร แต่ประเด็นหลักก็คือ คุณไม่สามารถจัดสรรเวลาให้กับกิจกรรมอื่นในชีวิตของคุณได้ รวมถึงความสัมพันธ์กับลูก ๆ ของคุณ และคนในครอบครัว
พ่อแม่ติดมือถือกระทบพัฒนาการลูกแค่ไหน
พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพ่อ-แม่ และลูกน้อย ความสุขในการได้พูดคุยกับลูกหายไป แต่กลับแทนที่ด้วยพฤติกรรมที่สะท้อนถึงความเบื่อหน่ายในการเลี้ยงดูทารก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า พ่อแม่ติดมือถือ เป็นปัญหาใหญ่ของครอบครัวในปัจจุบัน
Dana Suskind รองศาสตราจารย์สาขากุมารแพทย์ศัลยกรรมมหาวิทยาลัยชิคาโกกล่าวว่า ภาษาคืออาหารสำหรับการพัฒนาสมองทารกในช่วง 2-3 ปีแรกของชีวิต หากพ่อแม่ติดมือถือ มัวแต่จดจ่อกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ก็จะไม่ได้พูดคุยกับลูกมากพอ ซึ่งการพูดคุยนั้นสำคัญต่อพัฒนาการสมองของเด็กอย่างมาก ทารกที่พ่อแม่พูดคุยด้วยจะสามารถสะสมคำศัพท์ในหัวและเรียนรู้ได้เร็วกว่าทารกที่ถูกปล่อยให้นั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบ
อย่างไรก็ตาม Suskind และผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ก็เชื่อว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่พ่อแม่จะไม่ดูโทรศัพท์มือถือเลย และเอาแต่จ้องลูกน้อยตลอดเวลา
การศึกษาพบว่า พัฒนาการทารกไม่ได้เกิดจากการได้ยินถ้อยคำเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบด้วย
Brock Ferguson ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการคำศัพท์ของทารกกล่าวว่า วิธีหนึ่งในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกคือ การเล่าเรื่อง พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูก ชี้ชวนให้ลูกดูสิ่งรอบตัว แล้วเล่าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่คุณและลูกเห็นในขณะนั้น
Suskind อ้างการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ของสมองที่เกี่ยวข้องกับการพูดจะ “สว่างขึ้น” เมื่อทารกมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ ภาพสมองเช่นนี้แสดงว่าทารก “พยายามที่จะพูดคุย”
บทความอื่นที่น่าสนใจ : ชัดเจน! คุณแม่ทดสอบเอง ถ้าพ่อแม่ติดมือถือจะพลาดอะไรไปเยอะแค่ไหน
อุปกรณ์มือถือของพ่อแม่นั้นกีดกั้นพัฒนาการเด็ก
ในปี 2014 มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารกุมารแพทย์ โดยนักวิจัยได้สังเกตผู้เลี้ยงดูเด็กขณะอยู่ในร้านอาหารพบว่า ผู้เลี้ยงดู 40 คน จาก 55 คน ใช้สมาร์ทโฟนระหว่างมื้ออาหาร นักวิจัยกล่าวว่า พ่อแม่ที่จดจ่อกับอุปกรณ์ในมือมีแนวโน้มที่จะตอบสนองลูกน้อยด้วยความรุนแรง
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่า 54% ของเด็กบอกว่า พ่อแม่ของเขาเช็กโทรศัพท์มือถือบ่อยเกินไป
ทางด้าน Chip Donohue ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีในเด็กปฐมวัยที่สถาบันอิริกสันในชิคาโกกล่าวว่า การเป็นพ่อแม่ในยุคดิจิทัลนั้นไม่ง่าย พ่อแม่ควรจำไว้ว่า การพูดคุยกับลูกคือการสอน และอุปกรณ์ดิจิทัลพวกนี้ขัดขวางการสอนและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูก ดังนั้น พ่อแม่จำเป็นต้องควบคุมการใช้อุปกรณ์เหล่านั้นอย่างเหมาะสม
จากงานวิจัยต่าง ๆ ข้างต้นทำให้เราเห็นแล้วว่า ถึงเราจะเป็นพ่อแม่ในยุคดิจิทัลที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปเสียแล้ว แต่พ่อแม่ก็คือคนสำคัญที่สุดที่จะเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับลูกโดยเฉพาะในช่วงแรกของชีวิต จงอย่าปล่อยให้ช่วงเวลาสำคัญของชีวิตลูกผ่านเลยไปเพียงเพราะว่า…พ่อแม่ติดมือถือ เลยค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ชัดเจน! คุณแม่ทดสอบเอง ถ้าพ่อแม่ติดมือถือจะพลาดอะไรไปเยอะแค่ไหน
การวิจัยพบ พ่อแม่ติดเล่นมือถือ กีดกั้นการพัฒนาสมองของลูก
ลูกอายุเท่าไหร่ให้เล่นมือถือ-แท็บเล็ตได้ ทำอย่างไรไม่ให้ลูกติดจอ
ที่มา : pbs , oakridger
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!