ทารกตัวซีด ภาวะซีดในเด็ก คืออะไร ทำไมถึงทำให้ลูกโง่ IQ ต่ำ จริงๆ แล้วภาวะซีดมีหลายสาเหตุ เช่น โรคธาลัสซีเมีย และจากการ ขาดธาตุเหล็ก ที่ทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ช้าตามมา ซึ่งจากงานวิจัยของกรมอนามัย โดยการสุ่มตรวจเลือดเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ทั่วประเทศจำนวนกว่า 5,000 คน พบว่าเด็กไทยทุก 100 คน จะมีผู้ที่โลหิตจางสูงถึง 30 คน เด็ก 1 ใน 3 มีภาวะซีด 2 ใน 3 ของคนที่ซีดเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมาก
ภาวะซีดในเด็ก ลูกตัวซีดเกิดจากอะไรได้บ้าง
- เด็กคลอดก่อนกำหนด
- แม่ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอขณะตั้งครรภ์
- กินนมที่ไม่ผสมธาตุเหล็ก
- กินอาหารที่ให้ธาตุเหล็กน้อย ไม่เพียงพอต่อร่างกาย
- ภาวะเสียเลือดซ่อนเร้น เช่น แผลในลำไส้เนื่องจากแพ้อาหารกลุ่มเสี่ยง เป็นโรคพยาธิปากขอ
รู้ได้ยังไงว่าลูกเราเป็น ภาวะตัวซีดในทารก
- เริ่มแรกอาจจะมีอาการเบื่ออาหาร ซึม เหนื่อยง่าย ตัวเย็น ใจสั่น ทั้งๆ ที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ สำหรับเด็กที่เป็นเพียงเล็กน้อย
- หากเด็กที่เป็นมากๆ จะสังเกตได้จากผิวหนังซีดทั้งตัว ทารกมือเท้าซีด แม้แต่เยื่อบุตา เล็บมือ ฝ่ามือ เหงือก ริมฝีปาก มุมปากอักเสบ ใบหูก็ซีดไปหมด และลิ้นก็เรียบไม่มีผิวขรุขระเหมือนปกติ ให้กินอะไรก็กินไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียนออกมาหมด เล็บบางปลายเล็บงอนคล้ายช้อน ชีพจรเต้นเร็ว ปลายมือปลายเท้าเย็น ทารกมือเท้าเย็น หนักสุดอาจถึงขั้นหัวใจล้มเหลวกันได้เลยทีเดียว
ทำไมลูกถึง ขาดธาตุเหล็ก ทั้งๆ ที่ร่างกายสมบูรณ์
ปกติเวลาเด็กอยู่ในท้องจะมีฮีโมโกลบินที่อยู่ในเม็ดเลือดแดงของแม่โดยมีธาตุเหล็กรวมอยู่ด้วย เจ้าตัวนี้จะเป็นตัวช่วยให้นำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่พอร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อย (เลือดจาง) จึงไม่มีออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้มากพอ ลูกน้อยจึงตัวซีดนั่นเอง
สาเหตุที่ลูกมีเลือดน้อยก็เพราะว่า หลังจากที่ทารกคลอดออกมาลืมตาดูโลกฮีโมโกลบินที่ได้จากแม่จะติดตัวมาด้วย และมันไปสะสมอยู่ที่ตับและม้ามของเด็ก เนื่องจากร่างกายของเด็กจะหยุดสร้างฮีโมโกบินเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ แล้วจึงเริ่มสร้างใหม่ ทำให้เด็กที่มีอายุประมาณ 4-6 เดือน บางคนเริ่มขาดธาตุเหล็ก ดังนั้นวิธีการเดียวที่ทำให้ลูกได้ธาตุเหล็กจึงต้องหาสิ่งอื่นเข้าไปทดแทน เช่น นมแม่ เพราะเด็กเล็กจะถูกดูดซึมธาตุเหล็กจากนมแม่ได้ดีกว่าธาตุเหล็กในนมวัว 2-3 เท่า ส่วนอาหารอื่นๆ จะได้เพียง 1 ใน 10 ส่วนนั้นเท่านั้น ถ้าแม่คนไหนให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนแรก ธาตุเหล็กไม่ขาดแน่ๆ แต่จะขาดหลังจาก 6 เดือน มาแล้ว เพราะว่าเป็นช่วงที่แม่เริ่มให้ลูกกินอาหารอื่นที่นอกเหนือนมแม่
สำหรับสาเหตุที่ลูกตัวซีด ทั้งๆ ที่ดูอ้วน เพราะว่าเด็กๆ มักจะเล่นซุกซน เล่นมาก ใช้พลังงานเยอะ ในเสริมสร้างการเติบโตด้วย โดยเฉพาะเด็กขวบปีแรก ทำให้ลูกกินเท่าไร ก็ยังได้ธาตุเหล็กไม่เพียงพอกับการเจริญเติบโตอยู่ดี จนทำให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็กได้ง่ายนั่นเอง
บทความแนะนำ แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกขาดธาตุเหล็ก ทั้งที่กินครบ 5 หมู่! หมอแนะปรับตารางการกินด่วน!
อาการเด็กขาดธาตุเหล็ก
ลูกขาดธาตุเหล็ก มักมีอาการดังนี้
- ซีด สังเกตได้จากสีผิวที่ซีดเผือด เยื่อบุตาขาวซีด ริมฝีปากซีด เด็กบางรายอาจมีสีซีดเฉพาะบางส่วน เช่น ใบหน้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
- อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า อ่อนแรง หมดแรงง่าย เล่นไม่ไหว ไม่อยากทำกิจกรรม
- เฉื่อยชา ซึม ไม่ร่าเริง ไม่อยากเล่น ไม่อยากคุย สมาธิสั้น เรียนหนังสือไม่เก่ง
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบาก โดยเฉพาะตอนออกกำลังกาย
- นอนหลับยาก นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ ตื่นกลางดึกบ่อย
- เบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อยลง น้ำหนักลด
- ผมร่วง ผมบาง
- เล็บเปราะ ฉีกขาดง่าย
ส่วนอาการอื่นๆ ได้แก่ เจ็บลิ้น ลิ้นอักเสบ มีแผลในปาก มุมปากแตก แห้ง ลอก เด็กอาจเป็นตะคริวที่ขาบ่อยๆ รู้สึกหนาวง่ายกว่าปกติ รวมถึงอาจมีพัฒนาการช้า ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์
ลูกโง่เพราะขาดธาตุเหล็กจริงหรอ?
เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ ได้อธิบายว่า เด็กคนไหนก็ตามที่ขาดธาตุเหล็ก จะมีแนวโน้มที่มี IQ ต่ำกว่าเด็กที่ไม่เคยซีดมาก่อน (IQ คือ ความฉลาด การใช้ความคิด การใช้เหตุผล การคำนวณต่างๆ) เกือบ 10 จุด พูดง่ายๆ คือ ความฉลาดของลูกจะลดลงเกือบ 10 จุดเมื่อขาดธาตุเหล็ก และถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาภาวะซีดแล้ว IQ หรือความฉลาดของลูกก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เท่าเด็กที่ไม่มีซีดอยู่ดี ถ้าพูดแบบชาวบ้านคือ เด็กคนไหนขาดธาตุเหล็กแล้วจะโง่ลง หรือเด็กคนไหนที่เรียนไม่ค่อยทัน ไม่ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็จะหนักลงไปอีก สรุปคือ ขาดธาตุเหล็กแล้วโง่จริง!
จะป้องกันยังไงไม่ให้ลูกโง่เพราะ ขาดธาตุเหล็ก
วิธีที่ง่ายที่สุด คือ การพาลูกไปตรวจร่างกาย ซึ่งคุณหมอจะดูค่าฮีโมโกลบินในเลือดของลูกน้อย โดยการเจาะเลือด ซึ่งค่าปกติของฮีโมโกลบินตามเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดไว้ว่า อายุ 6 เดือน – 6 ปี จะพบประมาณ 11 กรัมต่อเดซิลิตร และเด็กอายุ 6-14 ปี จะต้องพบประมาณ 12 กรัมต่อเดซิลิตร ถ้าตรวจแล้วพบว่าเด็กมีปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกายต่ำกว่าปกติ ก็จะถือได้ว่ามีภาวะซีดหรือโลหิตจาง
ปัจจุบัน ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้แนะนำให้มีการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดเด็กน้อยทั้งชายและหญิง 2 ช่วงด้วยกัน ได้แก่ ในช่วงอายุ 6 – 9 เดือน และช่วงอายุ 3 – 6 ปี สำหรับลูกสาวคุณแม่ต้องพาไปตรวจเป็นครั้งที่ 3 ในช่วงอายุ 11 – 18 ปี นะคะ
ต้องทำอย่างไรเมื่อลูกตัวซีด
ควรปรึกษาคุณหมอ เพื่อรับการเสริมธาตุเหล็ก เมื่อลูกเข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จะพบว่าเด็กกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 1 เดือน แต่จะต้องให้ธาตุเหล็กต่อจนครบเวลาทั้งหมดประมาณ 3 เดือน เพื่อเสริมธาตุเหล็กให้กับอวัยวะสำคัญที่เป็นแหล่งสะสมธาตุเหล็ก เช่น ไขกระดูก ตับ และ ม้าม ส่วนระบบประสาท และความจำจะดีขึ้นตามมา
อาหารเสริมธาตุเหล็กสำหรับทารก
อาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือนเป็นต้นไป คือ ผักใบเขียว ไข่แดง ตับ เลือด โดยคุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ได้บอกว่าการให้ลูกกินนมผงแทนนมแม่อาจจะไม่ไม่ได้ช่วยมาก เพราะลูกได้รับธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายน้อยกว่าตอนที่กินนมแม่ และอาจทำให้มีปัญหาท้องผูกตามมา เนื่องจากมีธาตุเหล็กตกค้างอยู่ในลำไส้ นอกจากนี้ หากลูกมีปัญหาแพ้โปรตีนนมวัว พอเริ่มกินนมผง อาจทำให้มีเลือดออกในลำไส้เรื้อรัง สูญเสียเลือดจนซีดมากกว่าเดิม
เพิ่มอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซีเพื่อช่วยในการดูดซึมเหล็ก เช่น บรอกโคลี่ ฝรั่ง ลิ้นจี่ เงาะ ส้ม สตรอเบอรี่ มะละกอ สับปะรด หรือการให้ยาธาตุเหล็กแก่ลูกโดยตรงได้เลย และหยุดกินเมื่อลูกกินอาหารได้ดีขึ้น และ แม่ให้นมลูก ก็ควรกินยาธาตุเหล็กต่อเนื่องเหมือนกับตอนตั้งครรภ์
ดังนั้น วิธีที่ป้องกันไม่ให้ลูกพัฒนาการช้า ตัวซีดจาการขาดธาตุเหล็ก แม่ให้นมควรทานธาตุเหล็กเสริมอย่างสม่ำเสมอ และควรพาลูกไปตรวจเลือดตามช่วงอายุ 6 – 9 เดือน และช่วงอายุ 3 – 6 ปี เพื่อที่ลูกจะได้เติบโตแข็งแรง และมีการทำงานของสมองที่ดีค่ะ
ที่มา: healthcheckup, nestlemomandme
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
วิธีดูแลผิวทารก ทำอย่างไรให้ลูกผิวดี สดใส ไร้ขุย
วิธีแก้อาการคัน ผดผื่น ตุ่มแดง จากโรค ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด อันตรายแค่ไหน
ผักช่วยขับถ่าย สำหรับเด็ก ผักต้านท้องผูก ช่วยลูกน้อยขับถ่ายสบายท้อง