วิจัยเผย เลี้ยงลูกใกล้ชิดธรรมชาติ ลูกสุขภาพจิตดี อารมณ์ดี! ไม่เป็นซึมเศร้า
การเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ พาลูกไปเหยียบดิน เหยียบทราย เลี้ยงใกล้ป่า ใกล้ต้นไม้ รู้ไหมคะว่าดีกว่าที่คิด เพราะวิจัยเผยล่าสุด เลี้ยงลูกใกล้ชิดธรรมชาติ ลูกสุขภาพจิตดี อารมณ์ดี! และลดโอกาสที่จะเป็นโรควิตกกังวล
นักวิจัยพบว่าเด็กอายุระหว่าง 2 ถึง 5 ปีที่สัมผัสธรรมชาติ ถูกเลี้ยงใกล้ต้นไม้ หรือเดินเล่นในพื้นที่ธรรมชาติ ลูกจะมีสุขภาพจิตดี และมีโอกาสน้อยที่จะเป็นโรควิตกกังวล (Anxiety)
โดยทีมวิจัยจากรัฐนอร์ท แคโรไลนา พบว่าเด็กในช่วงนี้มีอาการซึมเศร้า และเป็นโรควิตกกังวลน้อยลง หากถูกเลี้ยงใกล้ธรรมชาติ Dr. Nissa Towe-Goodman นักวิจัยจากสถาบันการพัฒนาเด็กแฟรงค์ พอร์เตอร์ แกรม (Frank Porter Graham Child Development Institute) ที่มหาวิทยาลัยนอร์ท แคโรไลนา (the University of North Carolina) เผยว่าวิจัยของเราได้รับการรับรอง และมีหลักฐานอยู่แล้วว่าการอยู่ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็ก โดยการศึกษานี้ยังได้รับการสนับสนุนจากโครงการ Environmental Influences on Child Health Outcomes (ECHO) ของ NIH ในวารสาร JAMA Network Open อีกด้วย
โดยจากการวิจัยได้เผยว่าธรรมชาติจะช่วยดูดซับความเศร้าจากเด็ก โดยการวิจัยนี้ได้ทำการวิจัยจากเด็กในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตรวจสอบจากเด็กจำนวน 2,103 คน ที่มีอายุระหว่าง 2 ถึง 11 ปี จาก 199 อำเภอใน 41 รัฐ เป็นเด็กที่เกิดระหว่างปี 2007 ถึง 2013 โดยดูกิจกรรมของครอบครัว และพฤติกรรมของเด็ก เผยให้เห็นว่าครอบครัวไหนที่อยู่ไกลธรรมชาติ หรือผู้ปกครองพาไปทำกิจกรรมในธรรมชาติลูกจะมีอาการซึมเศร้า และเป็นโรควิตกกังวลน้อยกว่า
เด็กใกล้ชิดธรรมชาติเสริมพัฒนาการ
- การที่เด็กได้วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน จะทำให้เด็กได้ใช้พัฒนาการทางร่างกายครบทุกสัดส่วน กระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทาน ทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
- การให้ลูกได้ใช้อวัยวะในส่วนต่างๆ สัมผัสกับพื้นผิวที่แปลกใหม่จะทำให้พัฒนาการทางสมองเกิดการตื่นตัว ระบบประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างสมวัย
- ชี้ชวนให้เด็กได้รู้จักกับธรรมชาติรอบตัวลูก จะช่วยเพิ่มพูนคำศัพท์ให้กับเด็ก เป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา เด็กจะเรียนรู้ภาษาโดยผ่านธรรมชาติรอบตัว
- การให้ลูกได้สัมผัสกับธรรมชาติจะช่วยส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีความสุข ทำให้จิตใจอ่อนโยนขึ้น และสามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้
- การอยู่ในที่อากาศดีและสูดอากาศบริสุทธิ์ จะช่วยให้หัวใจ ปอด และระบบหมุนเวียนของเลือดทำงานดีและแข็งแรงมากขึ้นได้อีก
กิจกรรมชวนลูกใกล้ชิดกับธรรมชาติ
- ชวนลูกไปวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่น หรือตามสวนสาธารณะ ให้โดนแดดอ่อนในช่วงเช้าหรือยามเย็น ซึ่งในแสงแดดจะให้วิตามินดีหรือเรียกว่า วิตามินแดด ที่ช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อนในเด็กได้
- ชวนลูกถอดรองเท้าและพากันเดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้า หรือพื้นผิวที่แปลกไปจากพื้นเช่น พื้นดิน หรือพื้นทราย
- ชวนลูกสำรวจรอบบ้าน เช่น พาลูกไปทำความรู้จักกับต้นไม้ ดอกไม้ในสวนที่คุณพ่อคุณแม่ปลูก ชี้ให้ลูกรู้จักกับสัตว์ต่างๆ เช่น แมลง มด นก ผีเสื้อ ที่อยู่รอบธรรมชาติ
- ชวนลูกไปทะเล ภูเขา หรือน้ำตก ให้ลูกได้สัมผัสกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นการเรียนรู้ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป
ธรรมชาติรอบตัวเป็นสนามเรียนรู้ที่ไร้ขอบเขต ล่อยให้ลูกได้วิ่ง เล่น ล้ม เลอะ จะช่วยพัฒนาการช่วยเหลือตัวเอง และเรียนรู้ที่จะระมัดระวังไม่ให้เจ็บตัวในครั้งต่อไป จากบทเรียนที่เคยเจอมาแล้ว อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากลูกกลัวและไม่กล้าที่จะสัมผัสก็ไม่ควรกดดันให้ลูกต้องทำ ควรหาเทคนิคใหม่เพื่อกระตุ้นลูกได้เรียนรู้ต่อไป
ชวนลูกคิดปลูกต้นไม้อะไรดี ฝึกคิดและตั้งเป้าหมาย
คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มจากการตั้งคำถามถึงสิ่งที่ต้องการ เพื่อสร้างแรงกระตุ้นจากภายในเด็ก ๆ รู้จักนำข้อมูลและรายละเอียด และเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนที่จะลงมือทำ
- ขั้นตอนแรกในการสอนลูกปลูกต้นไม้ คือการชวนลูกคิดว่าอยากปลูกต้นไม้อะไร อาจจะเลือกต้นไม้ที่ลูกชอบ
- ลองถามลูกว่าเมื่อต้นไม้โตขึ้น ดอกไม้จะเป็นแบบไหน สีอะไร เพื่อช่วยให้ลูกได้กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
- ตั้งคำถามว่า ลูกอยากแบ่งต้นไม้ให้ใครบ้าง เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักเอื้อเฟื้อ เช่น อาจจะนำไปแจกเพื่อน ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน
- ให้ลูกได้ลองค้นคว้าหาข้อมูล ว่าต้นไม้ที่เลือกมาปลูกมีลักษณะอย่างไร ต้องดูแลรักษาแบบไหน เพื่อให้เรียนรู้ก่อนลงมือปฏิบัติ
วางแผนการปลูกต้นไม้ ฝึกการตัดสินใจ
คุณพ่อคุณแม่ลองชวนลูก ๆ มาวางแผนปลูกต้นไม้กัน เพื่อให้ลูก ๆ ได้มองเห็นถึงทางเลือกและปัญหาหรืออุปสรรค ที่จะเกิดขึ้น
- ชวนลูกสำรวจพื้นที่บริเวณบ้าน ว่าจะปลูกต้นไม้ที่ไหน เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักสังเกตรอบตัว
- ต้นไม้ที่จะปลูก ใช้วิธีไหนปลูก เช่น เพาะเมล็ด ปักชำ หรือปลูกจากต้นเดิมลองให้ลูกลองหาข้อมูลในการปลูก
- ชวนลูกไปหาวัสดุอุปกรณ์จากสถานที่ต่าง ๆ เป็นการฝึกให้เด็กเรียนรู้และสำรวจวัตถุดิบ
ลงมือปลูกต้นไม้ ฝึกวินัยและความรับผิดชอบ
การปลูกต้นไม้ฝึกให้ลูกมีวินัยและความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะจะต้องหมั่นดูแลรักษาหรือดูแลต้นไม้ที่ปลูกทุกวัน
- ในขั้นตอนแรกของการปลูก คุณพ่อคุณแม่ช่วยลูกปลูกต้นไม้ หรือคุณพ่อคุณแม่ทำเป็นแบบอย่าง แล้วค่อยให้ลูกทำตามก็ได้
- กระตุ้นให้ลูกลงมือทำด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกได้ฝึกประสาทสัมผัสทั้ง 5 เช่น การพรวนดิน การนำเมล็ดมาใส่ รดน้ำต้นไม้เป็นต้น
- มอบหมายหน้าที่ให้ลูกรู้ว่า จะต้องดูแลเป็นประจำทุกวัน เช่น รดน้ำเป็นเวลาทุกวัน ช่วยพรวนดิน
- ติดสติ๊กเกอร์ให้ลูก เมื่อลูกทำสิ่งที่มอบหมายเป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการชมเชย
- การที่ลูกใส่ดินหรือรดน้ำทุกวัน จะทำให้ลูกได้เคลื่อนไหวและได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กได้เป็นอย่างดี
- การปลูกต้นไม้คุณแม่สามารถสอนลูกในระหว่างการปลูกไปด้วยก็ได้ เช่น ให้ความรู้เกี่ยวกับการรดน้ำต้นไม้ การดูแลรักษา แถมยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ครอบครัวให้อบอุ่นยิ่งขึ้น
รอต้นไม้เติบโต ช่วยฝึกความอดทนและความสำเร็จ
- ฝึกให้ลูกมีความอดทน ใจเย็นและมีสมาธิมากขึ้น ระหว่างที่ลูกเฝ้ารอการเติบโต ทำให้มีสมาธิมากขึ้น และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย
- การปลูกมีระยะเวลา ไม่สามารถเร่งให้ต้นไม้โตได้ ลูกจะสามารถฝึกอดทนและรอคอยได้
- การเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ สามารถช่วยฝึกสมาธิ และทักษะการสังเกต รวมทั้งการสำรวจแมลงต่าง ๆ
- ฝึกแก้ไขปัญหา เมื่อต้นไม้เริ่มเหี่ยวเฉา หรือมีวัชพืช เป็นวิธีที่ทำให้เด็กคิดและแก้ไขปัญหา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : NBC,Nestle
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แนะนำ 10 ต้นไม้ในร่ม ช่วยฟอกอากาศภายในบ้าน ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ
เด็กสายตาสั้น ต้องระวัง! อาจเป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลโดยไม่รู้ตัว
การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ทำได้อย่างไร ความรู้เรื่องพลังงาน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!