เด็กเล่นน้ำฝน มีประโยชน์ อันตราย หรือแค่ทำให้เป็นหวัด เด็ก ๆ หลายบ้านคงเป็นเหมือนกันที่เห็นน้ำเป็นไม่ได้ เห็นแล้วต้องวิ่งเข้าใส่ แล้วยิ่งวันไหนฝนตกแล้วหละก็ พวกเขาก็มักอยากออกไปต่างน้ำฝนกันทั้งนั้น เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าเด็กเล่นน้ำฝนได้จริงไหม มีประโยชน์หรืออันตรายหรือเปล่า หรือแค่ทำให้พวกเขาเป็นหวัด
เด็กเล่นน้ำฝน ทำให้เป็นหวัดจริงไหม
คำที่เคยได้ยินมาเนิ่นนานแสนนานว่า “อย่าไปตากฝนนะลูก เดี๋ยวไม่สบายเอา” เรามักจะได้ยินคำนี้ตั้งแต่เล็กจนโต แต่ในบางครั้งเราก็ยังแอบสงสัยว่าทำไมบางทีเราก็ตากฝนเหมือนกัน เราถึงไม่เป็นหวัด ในความเป็นจริงแล้ว น้ำฝนไม่ได้ทำให้เราเป็นหวัด แต่ไวรัสต่างหากที่ทำให้เราเป็นหวัด โดยอาการของการเป็นหวัด ทำให้เรารู้สึกคัดจมูก ไอ จาม และเจ็บคอ เพราะว่าร่างกายของเรานั้นมีการติดเชื้อไวรัสที่บริเวณระบบทางเดินหายใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการรักษา จากการที่ฝนตกนั้นไม่ได้มีเพียงน้ำฝนเท่านั้น ยังมีลมร่วมด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ทั้งลมทั้งฝนหอบเชื้อไวรัสจากที่อื่นมา และการที่เราไปตากฝน หรือร่างกายเปียกฝนนาน ๆ ก็มีส่วนทำให้เราเป็นหวัดนั่นเอง โดยไวรัสบางสายพันธุ์สามารถเจริญเติบโตได้ดีเมื่อมีอุณหภูมิที่ต่ำลง หากเราร่างกายไม่แข็งแรงมากพอ หรือไม่ทำความสะอาดร่างกายหลังจากที่เปียกฝนเป็นเวลานานก็อาจเป็นหวัดได้
บทความที่น่าสนใจ : RSV ต่างกับหวัดอย่างไร? เนื่องจากโรคมีความคล้ายเคียงกัน มาดูความต่างกันเถอะ
ประโยชน์ของการที่เด็กเล่นน้ำฝน
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังคิดว่าช่วงหน้าฝนนี้ไม่อยากให้ลูกออกไปเล่นบริเวณนอกบ้านเลย เพราะสามารถเกิดอันตรายได้มากมาย ไหนจะลม ไหนจะฝน หรือแม้แต่ฟ้าร้องฟ้าผ่าอีก ดูน่ากลัวไปหมด และดูไม่มีประโยชน์อะไรที่เด็ก ๆ จะออกไปเล่นน้ำฝน ในความเป็นแล้วการที่เด็กเล่นน้ำฝนก็มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่คุณต้องเลือกเวลา และโอกาสที่เหมาะสม ร่วมกับการดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิด มาลองดูกันดีกว่าประโยชน์เหล่านั้นมีอะไรบ้าง
1. เพิ่มการเคลื่อนไหวของร่างกาย
เด็ก ๆ ในช่วงวัยของการเจริญเติบโต 1-5 ปี ที่ร่างกายของพวกเขากำลังพัฒนา การได้ขยับร่างกาย การได้ใช้มวลกล้ามเนื้อของพวกเขาเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องด้วยการที่เด็กเล่นน้ำฝนนั้นก็มีประโยชน์กับเรื่องนี้เช่นกัน สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยที่ที่สามารถลื่นไถลได้มากขึ้น เด็ก ๆ จำเป็นต้องรักษาสมดุลของร่างกายของตนเองให้ดี เพื่อให้เดินต่อไป หรือแม้แต่การที่เท้าของพวกเขาจมลงในโคลน หรือแอ่งน้ำ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มทักษะ และมวลกล้ามเนื้อของพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น ถึงอย่างไรก็ตามคุณต้องแน่ใจว่ากิจกรรมที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นไม่เป็นอันตรายต่อพวกเขา และควรดูแลอย่างใกล้ชิด
2. สร้างเสริมประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
อาจฟังดูแปลกไปสักหน่อยกับการสร้างเสริมประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ในวัยของพวกเขามักเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น พวกเขาได้สัมผัสกับหยาดฝนที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเป็นครั้งแรกของชีวิต ที่นอกเหนือจากน้ำพุ และน้ำก๊อกที่พวกเขาเคยเล่นแล้วนั่นเอง โดยคุณสามารถสอดแทรกเนื้อหาของวิทยาศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกเขาเข้าใจว่าฝนนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมฝนถึงตก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการกระตุ้นให้พวกเขารู้จักการตั้งคำถาม และช่างสังเกตมากยิ่งขึ้น
3. เปิดประสาทสัมผัส
การปล่อยให้เด็กเล่นน้ำฝนนั้นสามารถมอบประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ยอดเยี่ยมให้กับเด็ก ๆ ด้วยเสียง สถานที่ กลิ่นและสัมผัสที่แตกต่างกัน พวกเขาสามารถฟังเสียงฝนโปรยลงมาบนพื้นดิน เมื่อดินเปียก เด็ก ๆ ก็สามารถสัมผัสพื้นผิวที่เปียกชื้น และลื่นที่เกิดจากที่ฝนตกได้ และได้กลิ่นดินที่เกิดขึ้นเมื่อฝนตกลงมาบนดินแห้ง นอกจากนี้ในขณะที่เด็ก ๆ ฟังเสียงฝนตกกระทบพื้นดินก็สามารถทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายและสงบขึ้นได้ ในขณะที่กลิ่นของฝนสามารถทำให้พวกเขารู้สึกสดชื่นและมีพลัง อีกทั้งฝนยังสามารถเพิ่มประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสของเด็ก ๆ ได้อย่างแท้จริง
4. เสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
ในบางครั้งเรื่องสนุกที่พวกเขาคิด หรือได้ดูจากสื่อมานั้นก็ต้องการการลงมือทำจริง ๆ หลายครั้งที่ในแอนิเมชัน หรือการ์ตูนต่าง ๆ มักจะมีฉากที่มีเด็ก ๆ สวมเสื้อโค้ช หรือเสื้อกันฝน พร้อมรองเท้าบูตคู่ใจ พร้อมออกเดินทางไปตะลุยแอ่งน้ำขณะที่ฝนตก แน่นอนว่าลูกของคุณอาจอยากจะลองทำแบบนั้นเช่นกัน การปล่อยให้เด็กเล่นน้ำฝนนั้นสามารถเสริมสร้างจินตนาการของพวกเขาได้เป็นอย่างดี อุปสรรคที่พวกเขาสร้างขึ้นมาให้หัว ไม่ว่าเป็นการก้าวข้าวแหล่งน้ำที่มีจระเข้นอนขวางเต็มไปหมด หรือแม้แต่แอ่งน้ำที่กลายเป็นทะเลขนาดใหญ่ พวกเขาจะได้เรียนรู้ถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหากเกิดเรื่องอันตรายเกิดขึ้น และกิจกรรมนี้อาจช่วยสร้างสัมพันธ์ที่ดีให้กับคุณและลูก ๆ ได้เป็นอย่างดี
บทความที่น่าสนใจ : หนังการ์ตูนในNetflix สนุกและหลากหลายอารมณ์ ที่ดูได้ทั้งครอบครัว
หลังจากที่เด็กเล่นน้ำฝนเสร็จ ควรทำอย่างไร
หลังจากที่พวกเขาเล่นเสร็จแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ควรรู้วิธีที่ทำให้พวกเขาป่วย ถึงแม้ว่าการที่เด็กเล่นน้ำฝนนั้นจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมายืนยันว่าพวกเขาจะไม่ป่วยหลังจากเล่นเสร็จ โดยจะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ให้พวกเขาอาบน้ำ และสระผมในทันที
การอาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสที่มากับฝนอยู่บนตัวของเด็ก ๆ นานเกินไป เพราะว่าไวรัสบางสายพันธุ์สามารถเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิที่ต่ำ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เด็ก ๆ ติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ หรือเป็นหวัดได้
- เช็ดตัว เป่าผมให้แห้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จควรเช็ดตัวเด็ก ๆ ให้แห้งแล้วเป่าผมให้เรียบร้อย อย่าให้ตัว หรือผมของพวกเขาเปียกนานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลทำให้เป็นหวัดได้
- ทำให้ร่างกายของพวกเขาอบอุ่น
หลังจากที่เด็กเล่นน้ำฝนที่มีทั้งลม และฝนนั้นอาจทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายของพวกเขาต่ำลง เพราะการโดนน้ำฝน และตัวเปียกเป็นระยะเวลานาน หลังจากอาบน้ำไดร์ผมแล้วคุณควรทำอาหารร้อน ๆ อาทิ ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก หรือแม้แต่เครื่องดื่มอุ่น ๆ ให้พวกเขาได้ทาน เพื่อทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายของพวกเขาไม่ต่ำจนเกินไป
- หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
การใส่ใจสุขภาพเบื้องต้นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ หากร่างกายของเด็ก ๆ นั้นแข็งแรงไม่มากพอการที่เด็กเล่นน้ำฝนนั้นก็ทำให้พวกเขาเป็นหวัดเอาได้ นอกจากนี้การได้รับการพักผ่อนที่เหมาะสมก็มีส่วนช่วยเรื่องของการเจริญเติบโต และสุขภาพที่แข็งแรงได้อีกด้วย
สุดท้ายแล้ว ถ้าเราห้ามพวกเขาให้เล่นน้ำฝนไม่ได้ เราก็ต้องเรียนรู้ถึงประโยชน์ และวิธีปฏิบัติ เพื่อไม่ให้การเล่นของพวกเขานั้นเป็นอันตรายต่อตัวของพวกเขาเอง ช่วงนี้เข้าฤดูฝนแล้วลูก ๆ บ้านไหนที่ชอบไปเล่นน้ำนอกบ้านก็อย่าลืมดูแลสุขภาพพวกเขาด้วยนะคะ จะได้ไม่เป็นหวัด และอย่าลืมกลับมาอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย และทำให้ร่างกายอบอุ่นกันด้วยนะคะ
บทความที่น่าสนใจ :
โรคมือ เท้า ปาก ระบาดหนักในเด็กช่วงฤดูฝน พบมากในทารกและเด็กเล็ก
โรคที่มากับหน้าฝน มีอะไรบ้าง มาดูวิธีรับมือและป้องกันลูกน้อยจากโรคเหล่านี้กัน!!
ที่มา : pentagonplay, usnannyinstitute, turtletot, yanhee
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!