ยินดีด้วยนะคะคุณแม่มือใหม่ทุกท่าน ไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังดีใจจนกระโดดโลดเต้น ดีใจยกใหญ่ หรือบางคนอาจจะยังมีอาการช็อก ๆ งง ๆ และเกิดคำถามในใจว่า ท้องทำไงดี สำหรับคุณแม่ที่ตั้งใจจะมีน้องอยู่แล้ว คงจะได้มีการเตรียมหาข้อมูลมาบ้างบางส่วน แต่ก็มีคุณแม่อีกหลายคน ที่อาจจะท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
อย่างไรก็ดี อย่าเครียดไปเลยนะคะคุณแม่ อะไรที่ผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่เราสามารถทำให้อนาคตของเราดีขึ้นได้ มาดูกันดีกว่าว่า หลังจากที่คุณรู้แล้วว่า ตั้งเองกำลังตั้งครรภ์ ขั้นตอนต่อไป คุณแม่จะต้องทำยังไงต่อ
ท้องทำไงดี ตั้งครรภ์แล้วทำไงต่อ
สิ่งแรกที่คุณแม่ควรคำนึงถึง คือความปลอดภัยของลูกในครรภ์ คุณแม่ควรรู้จักวิธีการเตรียมตัวง่าย ๆ เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกและความปลอดภัยของตัวเอง เรามาดูกันว่าท้องแล้วต้องทำอะไรต่อ
1. หาวันคลอด
ก่อนอื่นเลยก็คือ คุณจะต้องลองคำนวณวันดูว่า คุณจะคลอดวันไหน ระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ ประมาณกี่สัปดาห์ หรือกี่เดือนแล้ว เพราะระยะเวลาแต่ละเดือนนั้น ลูกในท้องจะมีพัฒนาการต่างกัน วิธีการดูแลก็แตกต่างกันออกไปมากมาย วิธีการที่คุณจะสามารถคำนวณวันเวลาการตั้งครรภ์ได้ อาจจะมาจากการประเมินด้วยตัวเอง หรือรับความช่วยเหลือจาก เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ที่ช่วยในการคำนวณได้ก็มีให้เลือกหลายวิธี
2. ไปหาหมอ
หลังจากที่คุณตั้งสติได้แล้วคุณควรที่จะไปหาหมอเพื่อทำการฝากครรภ์ คุณจะต้องตอบคำถาม คุณหมอ เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งของตัวเอง ของสามี และคนในครอบครัว จะมีการตรวจร่างกายบ้างเล็กน้อย คุณหมอพร้อมจะช่วยและรับคำปรึกษาคุณทุกอย่าง เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรสงสัยก็สามารถถามคุณหมอได้เลย อีกทั้งการที่คุณแม่ไปหาหมอ จะช่วยให้ครรภ์ของคุณแม่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะคุณแม่จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกในท้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ท้องแล้วทำไงต่อ? สิ่งที่ควรทำหลังจากที่คุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์
3. เลิกทุกอย่างที่ไม่ควรทำ
เมื่อคุณตั้งครรภ์แล้ว มีกิจกรรมหลายอย่างที่คุณไม่ควรทำ เพราะมันอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อลูกในท้องด้วย เช่น
- ถ้าคุณสูบบุหรี่ให้หยุดทันที
- เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- อย่าทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายต้องล้าหรืออ่อนแรง เพราะคนท้องมีร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้ว
- ออกกำลังกาย อย่างเบา ๆ คุณต้องฝึกที่จะออกกำลังกายบ้าง เพราะมันจะทำให้คุณร่างกายแข็งแรง คลอดง่ายขึ้น ดีต่อสุขภาพของคุณและลูกในท้อง
- เริ่มหาวิตามินหรืออาหารเสริมมาทาน เพื่อเพิ่มสารอาหารที่จำเป็น แต่ก่อนที่คุณจะทานอะไรก็ตาม ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- ระวังอาหารบางอย่างที่ไม่เหมาะกับร่างกายของคนท้อง เช่น อาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารที่มัน หรือหวานมากจนเกินไป
- ระวังเรื่องคาเฟอีน ซึ่งคาเฟอีนจะถูกพบได้ในกาแฟและชา แต่ก็มีอาหารชนิดอื่นเช่นกันที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ ดังนั้นคุณแม่ต้องดูฉลากอาหารให้ดี
4. ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ
เมื่อไปฝากครรภ์และรู้ว่าควรทำอะไร ไม่ทำอะไรแล้ว คุณแม่ควรศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับลูกในครรภ์ เช่น อาหารอะไรที่ช่วยบำรุงลูกในท้อง พัฒนาการของทารกในครรภ์เป็นอย่างไร คนท้องกินอะไรได้บ้าง และควรออกกำลังกายอย่างไรให้ปลอดภัย ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณแม่พร้อมรับมือและป้องกันระหว่างตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี
บทความที่เกี่ยวข้อง : ท้อง 1 อาทิตย์ตรวจเจอไหม ตั้งครรภ์ 1 สัปดาห์ตรวจเจอไหม มาดูกัน!
5. เตรียมของใช้จำเป็น
ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เป็นอีกสิ่งที่คุณแม่ต้องรู้จักเตรียมพร้อมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ยาประจำตัว หรือของใช้จำเป็นสำหรับคลอดลูก สิ่งของเหล่านี้คุณแม่ควรเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี เพราะหากไม่มีการเตรียมตัว ก็จะทำให้วุ่นวายในการหาของ เนื่องจากการไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก
6. ดูแลสุขภาพร่างกาย
เมื่อตั้งครรภ์ แน่นอนว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป คุณแม่อาจไม่สามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้เหมือนกับตอนที่ยังไม่ตั้งท้อง ดังนั้น จึงควรดูแลสุขภาพร่างกายโดยการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อลูกในครรภ์ และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอันตรายต่อเด็กโดยเด็ดขาด
ท้องแล้วต้องไปฝากครรภ์ตอนไหน
การฝากครรภ์เป็นการดูแลสุขภาพตั้งแต่เริ่มตั้งท้องไปจนถึงช่วงก่อนคลอด คุณแม่ควรไปฝากครรภ์ทันทีหลังรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง และต้องเข้ารับการตรวจครรภ์ตามที่แพทย์นัดเสมอ เพราะการฝากครรภ์ถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก แพทย์จะช่วยดูแลสุขภาพร่างกายของคุณแม่และทารกน้อยในครรภ์ให้ปลอดภัยและแข็งแรง และให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพครรภ์
นอกจากนี้ การฝากครรภ์ยังช่วยให้แพทย์เห็นถึงความปกติระหว่างตั้งครรภ์ได้ เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และโรคลมชัก เป็นต้น ซึ่งภาวะเหล่านี้แพทย์จะสามารถรักษาได้ทันเวลา หากคุณแม่ไปฝากครรภ์และตรวจร่างกายเป็นประจำ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องเริ่มฝากครรภ์ได้เมื่อไหร่ ฝากท้องกี่เดือน จำเป็นต้องฝากครรภ์ไหม?
หากท้องไม่พร้อมต้องทำอย่างไร
เชื่อว่าไม่มีคุณแม่คนไหนอยากท้องโดนไม่พร้อมแน่นอน แต่ถ้าหากคุณแม่ได้ตั้งครรภ์ไปแล้ว และกำลังหาทางออก ก็ต้องบอกว่ามีสองทางเลือกดังนี้
1. ตั้งครรภ์ต่อไป
ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่เป็นศีลธรรมมากที่สุด หากคุณแม่ตัดสินใจที่จะตั้งครรภ์ต่อไป ก็ต้องพิจารณาความพร้อมของตัวเองว่าพร้อมเลี้ยงลูกไหม ความมั่นคงทางการเงินเป็นอย่างไร และสถานะของงานเหมาะสมไหม เพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมในการเลี้ยงลูก คุณแม่ควรปรึกษากับสามีเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะการมีบุตรนั้นจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องใส่ใจในการเลี้ยงดูมาก ๆ
2. ยุติการตั้งครรภ์
การยุติการตั้งครรภ์หรือการทำแท้ง เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตัดสินใจแล้วว่าไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้แน่นอน คุณแม่สามารถยุติการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เอง ไม่ควรไปทำแท้งเองหรือไปทำคลินิกทำแท้งเถื่อนโดยเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ดังนั้นหากคุณแม่ตัดสินใจดีแล้วว่าจะทำแท้ง ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและควรทำในอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์เพื่อความปลอดภัยค่ะ
ตอนนี้คุณแม่คงได้คำตอบแล้วว่า ท้องทำไงดี เอาเป็นว่าเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์แล้ว ก็ควรเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกนั้น คุณแม่จะเสี่ยงแท้งเป็นพิเศษ หากไม่ทันระวังตัวก็อาจเป็นอันตรายแก่ลูกในครรภ์ได้ เพราะฉะนั้น ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อรับคำแนะนำจากแพทย์ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ตอบทุกปัญหายอดฮิต ทุกคำถามเกี่ยวกับการฝากครรภ์ครั้งแรก!
รวมแพ็กเกจฝากครรภ์ปี 2565 จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องฝากครรภ์?
เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ ต้องเลือกอย่างไร? ฝากครรภ์ที่ไหนดี?
ที่มา : tommys, sanook, rabbitcare, ppat
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!