บ้านไหนมีลูกเล็กวัยกำลังซน โดยเฉพาะวัยต่ำกว่า 3 ปี ที่ชอบหยิบทุกอย่างเข้าปาก ต้องระวัง ลูกกลืนถ่านกระดุม ก้อนแบนๆ สีเงิน ที่มักใช้กับในนาฬิกา หรือของเล่นชิ้นโปรดของลูก เพราะสิ่งนี้อันตรายยิ่งกว่าการติดคอ และอันตรายกว่าการกลืนเหรียญหลายเท่าตัวค่ะ
theAsianparent เพิ่งได้ชมคลิปให้ความรู้ที่น่าสนใจมากคลิปหนึ่ง จากเพจห้องฉุกเฉินต้องรู้ โดย นพ.เจตพัฒน์ ทวีโภคา หรือ หมอเจต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านห้องฉุกเฉินตัวจริงเสียงจริง คุณหมอได้ออกมาเตือนภัยเรื่องนี้ไว้อย่างจริงจัง และย้ำชัดว่านี่คือ ภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์ ที่พ่อแม่ห้ามชะล่าใจเด็ดขาดค่ะ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้า “ลูกกลืนถ่านกระดุม”
เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน คุณหมอเจตได้ทำการทดลองให้ดูกันจะๆ เลยค่ะว่า แค่ 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ทำอะไรกับร่างกายเราบ้าง?
คุณหมอใช้เนื้อหมูแฮมเพื่อจำลองเนื้อเยื่ออ่อนๆ ในร่างกายคนเรา เช่น หลอดอาหาร หรือ กระเพาะอาหาร โดยวางแบตเตอรี่กระดุมลงบนแผ่นแฮม และเติมน้ำลงไปเล็กน้อย เพื่อจำลองสภาวะในร่างกายคนเราที่มีความชื้นและของเหลวอยู่ตลอดเวลา จากนั้นทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
ผลลัพธ์ที่ได้ เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 1 ชั่วโมง คุณหมอพลิกแบตเตอรี่ขึ้นมาดู ภาพที่เห็นนั้นน่าตกใจมากค่ะ! บริเวณที่แบตเตอรี่สัมผัสกับเนื้อแฮม เกิดรอยไหม้สีดำ เป็นแผลขนาดใหญ่ เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเปื่อยยุ่ยเละ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการกดทับธรรมดา แต่เกิดจากการกัดกร่อนที่รุนแรง
คุณหมออธิบายว่า เมื่อแบตเตอรี่สัมผัสกับความชื้น จากน้ำลาย หรือน้ำในกระเพาะอาหาร จะเกิดวงจรไฟฟ้าและปล่อยสารด่างที่มีความเข้มข้นสูงออกมา สารตัวนี้ก็คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (Sodium Hydroxide) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงมาก มันจะเข้าไปทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อบริเวณนั้นทันที
คุณหมอสรุปผลการทดลองนี้ว่า ถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้ แฮมชิ้นนั้นก็มีโอกาสทะลุได้เลย ดังนั้น หากลูกกลืนถ่านกระดุมเข้าไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ถ่านกระดุมจะกัดกร่อนจนกระเพาะอาหารทะลุ แบบเดียวกับแฮมชิ้นนั้นนั่นเองค่ะ

ทำไม ลูกกลืนถ่านกระดุม ถึงอันตรายกว่า กลืนเหรียญ?
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะเคยได้ยินว่า “เดี๋ยวก็ถ่ายออกมาเอง” เมื่อเด็กกลืนเหรียญ นั่นคือความเข้าใจที่ใช้ไม่ได้เลยกับกรณี ลูกกลืนถ่านกระดุม ค่ะ
กรณี ลูกกลืนเหรียญ
แน่นอนว่าการกลืนเหรียญก็อันตรายค่ะ อันตรายที่สุดคือถ้าเหรียญไปติดคอหอย หรือหลอดลม จะทำให้เด็กหายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้ แต่หากโชคดี เหรียญสามารถตกลงไปในหลอดอาหารและลงสู่กระเพาะได้ ในกรณีนี้ เหรียญเป็นเพียงสิ่งแปลกปลอม ที่ไม่มีปฏิกิริยาเคมี มันอาจจะแค่ติดค้าง หรือส่วนใหญ่ก็สามารถเดินทางผ่านลำไส้และถ่ายออกมาเองได้ภายในไม่กี่วัน คุณหมออาจจะแค่ติดตามอาการและ X-ray เป็นระยะ
กรณี ลูกกลืนถ่านกระดุม
นี่คือ คนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง และเป็นความเร่งด่วนที่ต่างกันลิบลับเลยค่ะ
- อันตรายจากปฏิกิริยาเคมี อย่างที่บอกไป แบตเตอรี่ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมธรรมดา แต่คือสารเคมีกัดกร่อนขนาดจิ๋ว อันตรายของถ่านกระดุมไม่ได้เกิดจากการอุดตัน (เว้นแต่จะติดคอ) แต่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่มันปล่อยออกมา
- ความรวดเร็วในการกัดกร่อน การทดลองของคุณหมอแสดงให้เห็นว่า แค่ 1 ชั่วโมงก็สร้างความเสียหายได้มหาศาลแล้ว ลองนึกภาพถ้าถ่านกระดุมติดค้างอยู่ในหลอดอาหาร หรือกระเพาะของเด็กนานหลายชั่วโมงสิคะ
- ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง หากสารด่างกัดกร่อนจนเนื้อเยื่อทะลุ ไม่ว่าจะทะลุที่หลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงในช่องอกหรือช่องท้อง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต และต้องผ่าตัดฉุกเฉิน
ลูกกลืนถ่านกระดุม จึงเป็นภาวะเร่งด่วน ยิ่งเอาออกได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งลดความเสียหายได้มากเท่านั้นค่ะ

การวินิจฉัยและระดับความเร่งด่วนในห้องฉุกเฉิน
หากคุณพ่อคุณแม่พาลูกไปโรงพยาบาลเพราะสงสัยว่า ลูกกลืนสิ่งแปลกปลอม สิ่งที่คุณหมอจะทำคือการ X-ray เพื่อยืนยันตำแหน่งและชนิดของสิ่งแปลกปลอม
และนี่คือข้อแตกต่างสำคัญที่ X-ray บอกได้ค่ะ
- ถ้าเป็นเหรียญ จะเห็นเป็นเงาทึบแสง “วงเดียว” ชัดเจน
- ถ้าเป็นถ่านกระดุม จะเห็นลักษณะพิเศษคือ “เงา 2 วง ซ้อนกัน” ซึ่งก็คือเงาของขอบแบตเตอรี่และตัวขั้วแบตเตอรี่นั่นเองค่ะ
เมื่อทีมแพทย์เห็น เงา 2 วงนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นโหมดฉุกเฉินทันที ในระบบการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉิน เคสที่สงสัยว่ากลืนแบตเตอรี่กระดุม จะถูกจัดให้เป็นความเร่งด่วนระดับ 2 ทันที
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ห้ามประมาทเด็ดขาด แม้ว่าลูกจะเพิ่งกลืนไปเมื่อ 10 นาทีก่อน และยังวิ่งเล่นได้ปกติ ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ก็ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด! เพราะอย่างที่เห็นในการทดลอง แค่ 1 ชั่วโมงเนื้อเยื่อก็เปื่อยแล้ว เคสนี้ไม่สามารถรอดูอาการที่บ้านได้ ต้องรีบส่งตัวให้ผู้เชี่ยวชาญทำการคีบแบตเตอรี่นั้นออกมาโดยเร็วที่สุดค่ะ
ทำยังไงหากเรา “ไม่เห็น” ตอนลูกกลืน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อแม่ คือกรณีที่เราไม่รู้ หรือไม่เห็น ว่าลูกแอบเอาแบตเตอรี่เข้าปากไปตอนไหน
เด็กบางคนอาจจะไม่บอก หรือกลัวโดนดุ กว่าพ่อแม่จะมารู้อีกที ก็คือตอนที่ลูกเริ่มมีอาการแล้ว ซึ่งนั่นแปลว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว
อาการที่อาจปรากฏภายหลัง (ซึ่งแปลว่าสายเกินไปแล้ว)
- อาเจียนเป็นเลือด
- ถ่ายเป็นเลือด (เลือดออกในกระเพาะอาหาร)
- เจ็บคอ กลืนลำบาก น้ำลายไหลยืด
- ปวดท้องรุนแรง
นอกจากการกลืนแล้ว คุณหมอยังเตือนถึงภัยในช่องทางอื่นๆ ที่อันตรายไม่แพ้กัน เพราะเด็กๆ ชอบทดลองเอาของยัดใส่รูต่างๆ ในร่างกาย
- ยัดใส่จมูก: สารเคมีสามารถกัดกร่อนผนังกั้นโพรงจมูก ทำให้โพรงจมูกทะลุได้
- ยัดใส่หู: อาจทำให้แก้วหูทะลุ หรือเกิดการบาดเจ็บถาวรต่อช่องหู
- ยัดใส่ช่องคลอด (ในเด็กผู้หญิง): เคยมีรายงานเคสเช่นกัน ซึ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บภายในที่รุนแรงมาก
การป้องกัน คือวิธีที่ดีที่สุด
คุณหมอทิ้งท้ายไว้ชัดเจนว่า ภาวะนี้เป็นเรื่องที่วุ่นวายมากหากเกิดขึ้น การรักษาก็ซับซ้อนและเด็กก็เจ็บตัวโดยไม่จำเป็น ดังนั้น การป้องกันคือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
(เนื้อหาเรียบเรียงจากคลิป “เกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กกลืนถ่านกระดุม ” เพจห้องฉุกเฉินต้องรู้)

Checklist ป้องกันภัย ลูกกลืนถ่านกระดุม
1. สำรวจและเก็บ
- เดินสำรวจบ้านทันที แบตเตอรี่กระดุมสำรอง (ที่ยังไม่ได้ใช้ หรือที่ใช้แล้ว) ต้องถูกเก็บในที่มิดชิด พ้นมือเด็ก หรือใส่กล่องที่ล็อกได้เท่านั้น
- อย่าเผลอวางไว้บนโต๊ะ หรือเคาน์เตอร์เด็ดขาด
2. ตรวจสอบอุปกรณ์
- ของใช้ในบ้านเหล่านี้มักมีถ่านกระดุม: รีโมตทีวี, รีโมตรถยนต์, นาฬิกาข้อมือ, เครื่องชั่งน้ำหนัก, เครื่องคิดเลข, เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้, ไฟประดับชิ้นเล็กๆ
- สำคัญที่สุด ของเล่นเด็ก ตรวจสอบของเล่นทุกชิ้นที่มีเสียงหรือมีไฟ
3. ปิดให้แน่นหนา
- ตรวจสอบว่าฝาปิดช่องใส่ถ่านของอุปกรณ์ทุกชิ้นปิดสนิท และแน่นหนา
- อุปกรณ์สำหรับเด็กที่ดี ควรมีน็อตขันยึดฝาปิดช่องถ่านไว้
- หากอุปกรณ์ไหนฝาปิดหลวมหรือแตกหัก ให้ใช้เทปพันสายไฟพันทับให้แน่นหนา หรือทิ้งอุปกรณ์นั้นไปเลยถ้าไม่ปลอดภัย
เพียงแค่การกระทำเล็กๆ ของคุณพ่อคุณแม่ในวันนี้ ทั้งการเก็บของให้เข้าที่ และการตระหนักรู้ถึงอันตรายนี้ ก็สามารถป้องกันเหตุการณ์น่าสลดใจไม่ให้เกิดขึ้นกับลูกรักของเราได้แล้วนะคะ
ที่มา: เพจห้องฉุกเฉินต้องรู้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วิธีช่วยเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปีสำลักอาหาร ฉบับปรับปรุงใหม่ ปี 2025
อุทาหรณ์! ลูกเอานิ้วแหย่พัดลม โชคยังดีนิ้วไม่ขาด พร้อมวิธีสอนลูกไม่ให้แหย่ปลั๊กไฟ-พัดลม
ปล่อยลูกอยู่กับทีวีและมือถือ แม่แชร์อุทาหรณ์! 3 ขวบยังพูดไม่ได้ พัฒนาการช้าไป 2 ปี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!