ใครที่เป็นคอกาแฟ ต้องห้ามพลาดกับเกล็ดความรู้เหล่านี้ คุณเคยรู้มั้ยว่า กาแฟที่เราดื่ม ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ เป็น สายพันธุ์กาแฟ อะไร และ มีที่มาอย่างไร แบบไหนจะหอมกว่ากัน วันนี้เราจะพาไปรู้จัก “สายพันธุ์กาแฟ” กัน กับ 4 สายพันธุ์ยอดนิยม ที่คอกาแฟควรรู้จักไว้
สายพันธุ์กาแฟ มีกี่ชนิด
4 สายพันธุ์กาแฟยอดนิยม
บนโลกใบนี้ มีสายพันธุ์เมล็ดกาแฟ หลากหลายสายพันธุ์มาก ๆ แต่สายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมบริโภคกัน มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ดังนี้
อราบิก้า (Arabica)
สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม และคงไม่มีคอกาแฟท่านไหนไม่รู้จัก สายพันธุ์ “อราบิกา” สายพันธุ์นี้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติกลมกล่อม มีกลิ่นหอม และรสชาตินุ่ม ละมุน สายพันธุ์นี้ เป็นที่นิยม และมีอัตราการปลูก สูงที่สุดในโลกถึง ร้อยละ 80 และได้รับความนิยมสูงสุด ในบรรดาร้านกาแฟสดทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์นี้ เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกยาก ต้องดูแล และควบคุมคุณภาพการปลูก มากเช่นกัน
เมล็ดกาแฟอราบิก้า จะมีรูปทรงค่อนข้างเรียวผอม จะมีรอยผ่าไส้ตรงกลาง มีลักษณะตัว S เมื่อผ่านกระบวนการผลิต จะมีกลิ่นหอมหวาน อบอวล ซึ่งกลิ่นจะมีความซับซ้อน น่าค้นหา คล้าย ๆ กับกลิ่นช็อคโกแลต และดอกไม้
อราบิก้าให้ปริมาณ คาเฟอีนเข้มข้น อยู่ในระดับ 1.1 – 1.7 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้ง ยังมีแตกออกไป หลากหลายสายพันธุ์ เช่น ทริปิก้า เบอร์เบิร์น บลูเมาท์เท่นมอกกา คาทูร่าโคน่า และ เคนท์ ซึ่งต่างก็มีหลินหอมหวาน แตกต่างกันไปตามถิ่นกำเนิด ในประเทศไทย พื้นที่ ที่นิยมปลูก ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก แม่ฮ่องสอน ลำปาง โดยสายพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุดคือ สายพันธุ์ติมอร์
โรบัสต้า (Robusta)
สายพันธุ์โรบัสต้า สายพันธุ์สุดเข้ม ที่มีปริมาณคาเฟอีน สูงกว่าสายพันธุ์อราบิกา ถึง 1-2 เท่าตัว หรือ ประมาณร้อยละ 2 – 4.5 ถึงแม้จะให้รสชาติที่ด้อยกว่า แต่เรื่องความเข้มข้น ไม่เป็นรองใคร สายพันธุ์นี้ จึงมักนิยมนำไปผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป และกาแฟ 3 in 1 และรวมถึงการนำไปผสมกับกาแฟ สายพันธุ์อื่น ๆ หรือที่เรียกว่า “กาแฟเบลนด์ (Blend Coffee)” เพื่อให้ได้รสชาติแตกต่างออกไป
สายพันธุ์กาแฟ โรบัสต้า
เมล็ดกาแฟ สายพันธุ์โรบัสต้า จะมีลักษณะอวบ อ้วน ถ้าพลิกกลับด้านหลัง จะมีลักษณะนูน เป็นหลังเต่า รอยผ่าตรงไส้กลาง จะมีลักษณะเป็นเส้น ค่อนข้างตรง โดย สายพันธุ์นี้ จะนิยมปลูกในแถบ ทวีปอัฟริกา และเอชีย สำหรับประเทศไทย จะนิยมปลูกทางภาคใต้ เช่น ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น
เอ็กเซลซ่า (Excelsa)
รูปทรง และลักษณะของกาแฟสายพันธุ์ เอ็กเซลซ่านี้ จะมีความคล้ายคลึงกับ สายพันธุ์ โรบัสต้า แต่สายพันธุ์นี้ ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับโรบัสต้า แต่ประเทศบ้านเกิดของกาแฟอย่าง เอธิโอเปีย ยังคงได้รับความนิยม จากรสชาติที่เข้มข้น และความขม ของกาแฟเอ็กเซลซ่า เป็นอย่างมาก โดยสายพันธุ์นี้ปลูกง่าย ดูแลง่าย ทนและ และทนต่อโรคได้ดี ให้ผลผลิตก็สูง อีกทั้งยังให้รสชาติกลมกล่อม และหอมมัน คล้ายกับอราบิก้าอีกด้วย
สายพันธุ์กาแฟ เอ็กซ์เซลซ่า
ลิเบอร์ก้า (Liberca)
บ้านเกิดของเมล็ดสายพันธุ์นี้ อยู่ที่ประเทศ ไลบีเรีย และไอเวอร์รี่โคสต์ รสชาติของสายพันธุ์ลิเบอร์ก้า ใกล้เคียงกับอราบิก้า แต่มีรสเปรี้ยว อมหวาน ของผลเบอร์รี่มากกว่า และมีความทนต่อโรคได้ดีกว่าอราบิก้า สายพันธุ์นี้ นิยมนำไปพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับสายพันธุ์อื่น สำหรับบาริสต้า ก็นิยมนำไปเบลนด์ กับกาแฟอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเข้มข้น และเสริมรสให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม อย่างแพร่หลาย ในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย
สายพันธุ์กาแฟ ลิเบอร์ก้า
ดื่มกาแฟอย่างไรให้สุขภาพดี ?
หนุ่มสาวออฟฟิศ ที่ติดกาแฟทั้งหลาย สามารถดื่มกาแฟได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ พอดี แม้กาแฟ จะมีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าดื่มเยอะเกินไป ก็อาจทำให้เกิดโทษเช่นกัน วันนี้เรามีปริมาณกาแฟที่พอดี ที่หนุ่มสาวคอกาแฟควรรู้ไว้ ดื่มอย่างไร ให้สุขภาพดี
- ดื่มไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน และไม่ควรดื่มติดต่อกันทุกวัน
- ดื่มนำเปล่าเยอะ ๆ หลังจากดื่มกาแฟ เพื่อช่วยกำจัดคาเฟอีน ที่ตกค้างในร่างกาย
- ดื่มกาแฟ Decaf ที่มีคาเฟอีนต่ำ สำหรับคนที่มีภาวะไวต่อคาเฟอีน
- ระวังกาแฟที่มีปริมาณ นม ครีมเทียม น้ำตาล และแครอลี่สูง เพราะจะทำให้อ้วนง่าย สะสมไขมันในร่างกาย
สายพันธุ์กาแฟ ควรดื่มแบบไหน
ปริมาณการดื่มกาแฟที่ปลอดภัย ควรดื่มกี่แก้ว ?
ปริมาณกาแฟ ที่ใช้รักษาโรคชนิดต่าง ๆ ตามผลการวิจัย พบว่าสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย ตามปริมาณดังนี้
- อาการปวดหัว ควรดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือ ประมาณ 2 แก้ว
- การเพิ่มความรู้สึกตื่นตัว ควรดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้ว
- ป้องกันโรคพาร์คินสัน ควรดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน วันละ 3 – 4 แก้ว โดยแต่ละงานวิจัยใช้กาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีน 421 – 2,716 มิลลิกรัม ทั้งนี้ สำหรับผู้หญิง ควรดื่มประมาณ วันละ 1 – 3 แก้ว จะได้ผลดีที่สุด
- การป้องกันโรคนิ่วถุงน้ำดี ควรรับประทานกาแฟ ที่มีปริมาณคาเฟอีน 400 มิลลิกรัมขึ้นไป หรือเทียบเท่ากาแฟ มากกว่า 2 แก้ว แต่หากสามารถดื่มอย่างน้อย วันละ 800 มิลลิกรัม จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
สายพันธุ์กาแฟที่แตกต่างกัน ก็มีลักษณะทั่วไป กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกัน ออกไป คอกาแฟทั้งหลาย ควรเลือกที่ชอบ และดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ไม่เกิดโทษกันนะคะ
ที่มาของข้อมูล : gather8 , thairath
บทความที่เกี่ยวข้อง :
กาแฟดำ ช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวันจริงหรือ?
ประโยชน์กาแฟ ดื่มแล้วดียังไง ดื่มมาก ๆ ก่อให้เกิดโทษหรือไม่ ?
กาแฟมีกี่ชนิด จะดื่มทั้งที เลือกสั่งเมนูอะไรดีนะ ?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!