เพื่อน ๆ ทุกคนยังจำได้ไหมว่าวันแรกที่เราซื้อตู้เสื้อผ้ามาใหม่นั้นมีพื้นที่ภายในกว้างขนาดไหน แต่ทำไมวันนี้กลับพบว่าตู้เสื้อผ้าในวันนั้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ล้นตู้จนไม่เหลือที่ให้วางอะไรอีกต่อไป วันนี้เราจะชวนทุกคนมาทวงคืนพื้นที่ภายในตู้เสื้อผ้ากัน ด้วยเคล็ดลับ จัดตู้เสื้อผ้า อย่างไรให้กลับมาเป็นระเบียบอีกครั้ง และรับรองว่าเสื้อผ้าจะไม่ล้นตู้อีกต่อไปแน่นอน
จัดตู้เสื้อผ้า อย่างไรไม่ให้กลับมารกอีกครั้ง ?
ปัญหาเสื้อผ้าเยอะจนล้นตู้ที่ไม่ว่าจะจัดกี่ครั้งก็ต้องวนกลับมารกและจัดใหม่ซ้ำ ๆ แบบนี้อยู่เสมอ จนบางครั้งอาจต้องนำเอาของภายในตู้เสื้อผ้ามาแขวนไว้ข้างนอกก็ยิ่งทำให้เกิดการเบียดเบียนพื้นที่ภายในห้อง ส่งผลให้บ้านและห้องของเราดูไม่เป็นระเบียบเอาเสียเลย รวมทั้งยังทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองสะสมมากมายที่ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยได้โดยตรงและไม่เป็นผลดีต่อคนที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคภูมิแพ้ โดยวิธีการจัดตู้เสื้อผ้าควรแบ่งแยกออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือการคัดแยกแบ่งประเภทเสื้อผ้าก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยนำเสื้อผ้าที่คัดจัดใส่เข้าตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
คัดแยกและแบ่งประเภทเสื้อผ้า
สำหรับปัญหาที่ทำให้ตู้เสื้อผ้ารกและไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเกิดจากการที่ไม่ได้คัดแยกและแบ่งประเภทเสื้อผ้าออกให้ชัดเจน และเมื่อไม่มีการแบ่งแยกเสื้อผ้าก็จะทำให้เรานำทุกอย่างเข้าไปยัดไว้ในตู้เสื้อผ้าจนล้น ดังนั้นหากเรามีการคัดแยกและแบ่งประเภทออกให้ชัดเจนก็จะนำไปสู่การจัดเข้าสู่ตู้เสื้อผ้าไว้ได้อย่างเป็นระเบียบ ดังนี้
1. นำของทุกอย่างในตู้เสื้อผ้าออกให้หมด
เริ่มต้นกันที่ขั้นตอนแรกด้วยการนำสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ภายในเสื้อผ้าออกมาให้หมด เพื่อให้ง่ายต่อการแบ่งแยกประเภทสิ่งของออกให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ผ้าพันคอ หรือหมวก ซึ่งข้อดีของการนำสิ่งของทุกอย่างออกมาจนหมดตู้เสื้อผ้าอาจทำให้เราได้พบเจอกับเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่ซื้อมาแล้วยังไม่เคยใส่ หรือเจอเสื้อผ้าที่เราเคยหามานานแล้วแต่ไม่เจอสักทีได้นั่นเอง
2. พิจารณาเสื้อผ้าแต่ละชิ้นให้ดีว่าควรทิ้งหรือเก็บไว้
ขั้นตอนต่อมาคือการนำสิ่งของและเสื้อผ้าทั้งหมดมาพิจารณาและคัดแยกว่าชิ้นไหนควรเก็บไว้และชิ้นไหนควรทิ้ง เช่น เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้ว เสื้อผ้าแฟชั่นตกยุค ชุดที่มีซ้ำกัน หรือเสื้อผ้าที่คิดว่าจะมีโอกาสนำมาใส่อยู่บ่อย ๆ ข้อสำคัญคือต้องอาศัยการตัดสินใจที่เด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียดาย และคิดในแง่ดีเพื่อแลกมากับการจัดสรรพื้นที่ภายในตู้เสื้อผ้าของเราให้กลับคืนมา
3. นำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วไปบริจาค
เชื่อว่าการคัดเลือกเสื้อผ้านั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างลำบากใจ แต่อยากให้คิดว่าสิ่งที่เราได้คัดแยกออกมาไม่จำเป็นต้องนำไปทิ้งเสมอไป เพราะว่าสามารถนำไปบริจาคให้กับวัดหรือมูลนิธิต่าง ๆ ที่จะนำของที่ไม่ได้ใช้แล้วให้กับผู้ยากไร้หรือขาดแคลนที่ยังจำเป็นต้องการสิ่งเหล่านี้อยู่ แต่ถ้าหากว่าเสื้อผ้าบางชุดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่ก็สามารถนำไปขายต่อได้เพื่อเป็นรายได้พิเศษกลับมา
4. คัดแยกสิ่งของเพื่อเตรียมจัดเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้คัดแยกสิ่งของออกมาเพื่อดูว่าเสื้อผ้าประเภทไหนควรจะทิ้งและแบบไหนควรจะเก็บไว้ใช้งานต่อ สำหรับข้อนี้คือการคัดแยกอีกครั้งหนึ่งเพื่อคัดแยกว่าเสื้อผ้าชิ้นไหนควรจะเก็บกลับเข้าตู้เสื้อผ้า และเสื้อผ้าชิ้นไหนควรจะเก็บไว้ในพื้นที่เก็บของที่ไม่ได้หยิบใช้งานบ่อย เช่น เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยมีโอกาสใส่บ่อยควรแบ่งใส่ถุงพลาสติกหรือกล่องแล้วเขียนป้ายระบุให้ชัดเจน จากนั้นค่อยนำไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ ใต้เตียง หรือส่วนอื่น ๆ ของบ้าน และเสื้อผ้าที่มีคุณค่าทางจิตใจ โดยสิ่งของเหล่านี้สามารถนำมาแยกประเภทไว้แล้วใส่กรอบหรือนำมาแขวนผนังบ้านไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งยังเป็นอีกหนึ่งไอเดียตกแต่งบ้านได้ด้วยเช่นเดียวกัน
5. ทำความสะอาดตู้เสื้อผ้า
เมื่อเราได้ทำการคัดแยกและแบ่งประเภทของเสื้อไว้อย่างชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการทำความสะอาดตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ด้วยการนำผ้ามาเช็ดตามซอกหลืบต่าง ๆ เพื่อขจัดคราบฝุ่นที่สะสมมาเป็นเวลานานออกไป รวมถึงควรตรวจสอบสภาพของตู้เสื้อผ้าโดยรวมด้วยว่ามีจุดไหนที่ชำรุดหรือไม่ และถ้าหากว่าคุณเบื่อกับตู้เสื้อผ้าแบบเดิม ๆ ก็สามารถนำมาทาสีใหม่ให้เข้ากับโทนห้องหรือจะเพิ่มลูกเล่นด้วยการนำสติกเกอร์ต่าง ๆ มาติดเพื่อสร้างสีสันให้เหมือนได้ตู้เสื้อผ้าใหม่ที่ไม่ซ้ำไปจากเดิม
จัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบ
หลังจากที่เราได้คัดแยกประเภทเสื้อผ้าออกอย่างชัดเจนแล้ว รวมการทำความสะอาดตู้เสื้อผ้าให้ปราศจากคราบฝุ่นละอองต่าง ๆ ถึงเวลาแล้วที่ต้องนำเสื้อผ้าที่เราคัดจัดเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบ โดยมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้
1. แยกเสื้อผ้าที่จะนำมาแขวน
การจัดตู้เสื้อผ้าด้วยวิธีการคัดแยกเสื้อผ้าที่จะมานำมาแขวนบนราวนั้นเป็นวิธีการที่จะประหยัดพื้นที่ภายในได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังช่วยให้ง่ายต่อการมองเห็นเพื่อหยิบมาสวมใส่ และยังเป็นการช่วยทำให้เสื้อผ้าไม่ยับอีกด้วย แต่การเรียงลำดับความสำคัญกับเสื้อผ้าที่จะนำมาแขวนนั้นควรเรียงให้ชัดเจน เช่น นำชุดทำงานแยกออกจากชุดเที่ยวเพื่อให้สามารถหยิบมาสวมใส่ง่ายในเช้าที่เร่งรีบไปทำงาน แขวนแบ่งเสื้อแขนสั้น เสื้อแขนยาว เสื้อสูท เสื้อยืด ออกเป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจน แขวนเสื้อผ้าเรียงความถี่ของการใช้งาน หรือแขวนเสื้อผ้าแบ่งออกเป็นโทนสี
บทความที่น่าสนใจ : 7 ราวแขวนผ้า สุดเก๋ ดีไซน์สวย จุเสื้อผ้าได้เยอะ!
2. จัดเก็บเสื้อผ้าที่เหลือให้เข้าที่
เมื่อเราได้ทำการเรียงลำดับความสำคัญต่อการแขวนประเภทเสื้อผ้าบนราวแยกออกไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากพบว่าราวแขวนเสื้อในตู้ได้เต็มหมดแล้วแต่ยังมีเสื้อผ้าเหลืออยู่ เช่น ชุดออกกำลังกาย ชุดนอน หรือชุดชั้นใน ควรนำเสื้อผ้าเหล่านี้เก็บลงใส่กล่องเล็ก ๆ และจัดวางให้เป็นระเบียบ หลังจากนั้นนำมาวางเรียงซ้อนกันเพื่อช่วยในการประหยัดพื้นที่ได้ หรือถ้าหากว่าชั้นบนของตู้เสื้อผ้ายังพอมีพื้นที่ว่างอยู่ก็สามารถนำผ้าเช็ดตัวผืนสำรอง ชุดเครื่องนอน หรือผ้าห่ม นำมาพับและจัดเก็บไว้ด้านบนได้
ฝุ่นละอองสะสมในตู้เสื้อผ้าที่ไม่ควรมองข้าม
หากไม่มีการจัดตู้เสื้อผ้าหรือเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า เพราะฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้นั้นเต็มไปด้วยความอันตราย เนื่องจากจมูกของเราที่ทำหน้าที่หายใจและสูดดมอยู่ตลอดเวลา มลพิษที่มากับฝุ่นจะเข้าไปสู่ระบบทางเดินหายใจที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและแทรกซึมสู่กระบวนการทำงานในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่ส่งผลต่อสุขภาพได้ดังนี้
- ระบบทางเดินหายใจและปอด ฝุ่นละอองและมลพิษในอากาศเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและปอด เช่น มะเร็งปอด โรคหอบหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- ผิวหนังอักเสบ สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดอยู่แล้วอาจส่งผลทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ เพราะผิวหนังไวต่อการแพ้และระคายเคืองง่ายจึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น สิว จุดด่างดำ ริ้วรอย ผิวมัน และความหมองคล้ำ
- ปัญหาเรื่องหัวใจ จากการงานวิจัยได้แสดงชัดเจนว่ามลพิษภายในอากาศอาจส่งผลทำให้เกิดความรุนแรงเฉียบพลันต่อกล้ามเนื้อหัวใจได้ เช่น หัวใจวาย หัวใจเต้นแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ตลอดจนความเสี่ยงเสียชีวิตในภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
- ปัญหาทางสมอง การที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับฝุ่นละอองเป็นระยะเวลานานยิ่งเพิ่มความเสี่ยงทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงและความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น
- ดวงตา การที่ต้องเผชิญกับฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ตลอดเวลา ส่งผลทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณดวงตาจนทำให้เกิดอาหารแสบตา ตาแดง และตาอักเสบได้
บทความที่น่าสนใจ : ภูมิแพ้ไรฝุ่น ตัวร้ายที่ทำให้ใช้ชีวิตลำบาก! อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกัน
การจัดตู้เสื้อผ้าเป็นการช่วยเปิดรับพลังงานที่ดีมาสู่ตัวเรา
การจัดตู้เสื้อผ้านอกจากจะเป็นการสร้างความเป็นระเบียบให้กับเสื้อผ้าแล้ว ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ภายในตู้เสื้อผ้าให้กลับมามีเนื้อที่เพิ่มขึ้นได้ทันตาเห็น นอกจากนี้ตามหลักฮวงจุ้ยการจัดตู้เสื้อผ้ายังเป็นการเปิดรับพลังงานที่ดีมาสู่ตัวเราได้อีกด้วย เพราะถ้าหากว่าเรามีตู้เสื้อผ้าเป็นของตัวเองแต่ไม่ได้จัดตู้เสื้อผ้าและแบ่งออกให้ชัดเจน การเลือกหยิบเสื้อผ้ามาใส่ในแต่ละครั้งจึงทำให้หาเสื้อผ้าที่อยากจะใส่ไม่เจอ จึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับการใช้ชีวิตที่ดูสับสนและวุ่นวาย รกรุงรัง และเป็นการบดบังพลังงานไม่ให้เกิดการหมุนเวียน การจัดตู้เสื้อผ้าจึงเป็นการเปิดรับพลังงานดี ๆ ที่จะทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
หากเพื่อน ๆ ได้นำเทคนิคที่เราได้แนะนำไปปฏิบัติตามรับรองว่าตู้เสื้อผ้าจะกลับมาเป็นระเบียบและทวงคืนพื้นที่ว่างกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง อย่างไรแล้วสามารถนำเทคนิคดังกล่าวไปปรับใช้ตามความยืดหยุ่นของแต่ละบ้านได้ตามความเหมาะสม เพราะว่าปริมาณของเสื้อผ้าและขนาดของตู้เสื้อผ้าแต่ละบ้านนั้นไม่เท่ากันเพื่อให้เกิดความลงตัวได้ดีที่สุด อีกทั้งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือเรื่องของความสะอาดภายในตู้เสื้อผ้า นอกจากจะจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ต้องสะอาดถูกหลักสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนในครอบครัว
บทความที่น่าสนใจ :
10 เคล็ดลับในการจัดตู้เสื้อผ้า ของคุณ ให้กลับมามีระเบียบอีกครั้ง
7 ราวแขวนผ้า สุดเก๋ ดีไซน์สวย จุเสื้อผ้าได้เยอะ!
10 เทคนิคเปลี่ยน บ้านรก ให้บ้านโล่งแบบมินิมอล
ที่มา : sanook, homepro, thaihometown
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!