อาหารไทยกับรสจัดจ้าน มักจะมาเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นต้มยำ อาหารอีสาน อาหารใต้ ก็เป็นอาหารที่มีรสเผ็ดนำอยู่เสมอ ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการกินเผ็ด มีประโยชน์ และให้โทษอย่างไร บทความนี้จะพาไปดู ประโยชน์ และโทษ ของการ “การกินเผ็ด” รวมถึงการกินเผ็ด ส่งผลอย่างไรต่อร่างกายของเราบ้าง
ความเผ็ด เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ที่จริงแล้วความเผ็ด ไม่ใช่หนึ่งในรสชาติ และแตกต่างจากพวก รสหวาน รสเปรี้ยว รสเค็มต่าง ๆ แต่ความเผ็ด เป็นอาการแสบร้อนของลิ้น ที่เกิดจากสารแคปไซซิน ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ ที่อยู่ตามธรรมชาติ และมีอยู่ในพริก
การกินเผ็ดส่งผลอย่างไรต่อร่างกายของเรา?
ความเผ็ด เป็นตัวช่วยเสริมที่เพิ่มความแซ่บ ความอร่อยให้กับอาหาร ทำให้ใครหลาย ๆ คนชอบกินอาหารเผ็ด ซึ่งการกินเผ็ดก็ส่งผลต่อร่างกาย ในหลายส่วน ดังนี้
การกินเผ็ด ส่งผลให้ช่องปาก เกิดความแสบร้อน โดยอาการแสบร้อนต่าง ๆ เหล่านี้ จะส่งผลต่อลิ้น เหงือก ริมฝีปาก เพดานปาก ช่องแก้ม และส่วนอื่น ๆ ในช่องปาก และยังมีส่วนทำให้ปากแห้ง หิวน้ำบ่อย และสูญเสียการรับรสชาติอื่น ๆ ได้
แคปไซซินในพริก อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย เป็นต้น ซึ่งหากเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน กรดที่ไหลย้อนกลับมาจากกระเพาะอาหาร อาจทำให้หลอดอาหารเกิดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ การกินเผ็ดมาก ๆ เป็นประจำ อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร จึงจำเป็นที่จะต้องเลี่ยงการกินเผ็ด เพื่อลดความเสี่ยง ไม่ให้โรคที่เป็นอยู่ เกิดความรุนแรงมากขึ้นนั่นเอง
การกินเผ็ด อาจเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้จมูก ซึ่งเป็นโรคจมูกอักเสบ ชนิดที่ไม่ได้เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ แต่เกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยจะทำให้เกิดอาการน้ำมูกไหล หรือ มีเสมหะ หลังจากที่รับประทานอาหารเผ็ด ๆ เข้าไป
การกินเผ็ด อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ ดังนี้
- เป็นปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก และกรดไหลย้อน
- ทางเดินปัสสาวะอักเสบ การกินเผ็ด อาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงขึ้นได้ เพราะอาการเผ็ดจะทำให้กระเพาะปัสสาวะ เกิดการระคายเคือง เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้ อาจมีการติดเชื้อที่บริเวณอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ
ประโยชน์ของการกินพริก
1. ช่วยเร่งการเผาผลาญของร่างกาย
พริก และ เครื่องเทศต่าง ๆ เช่น ยี่หร่า ขมิ้น พริกไทย และอบเชย มีส่วนช่วยในการเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย และยังช่วยให้รู้สึกอยากอาหารช้าลงด้วย ส่งผลให้มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
2. ช่วยระบบทางเดินหายใจ
การรับประทานอาหารเผ็ดร้อน ช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้นได้ เพราะสารแคปไซวินในพริก จะเป็นตัวช่วยลดน้ำมูก และสารอื่น ๆ ที่ขัดขวางการทำงาน ของระบบทางเดินหายใจของเรา ซึ่งพริกจะช่วยทำให้หลอดลมขยายตัวได้ดี ไม่หด เกร็ง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เกี่ยวกับระบบการหายใจ เช่น โรคหอบหืด หรือ ภูมิแพ้ เป็นต้น
3. ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
พริก สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ เพราะพริกมีวิตามีที่สำคัญอยู่หลายตัว เช่น วิตามินเอ วิตมินซี แคลเซียม และธาตุเหล็กอยู่มาก ทั้งพริกสด และพริกแห้ง หากใครที่ไม่ถนัดรับประทานอาหารเผ็ด ลองหันมาทานพริกไทย หรือ พริกหวาน ก็ได้ประโยชน์ที่ดีเช่นกัน
4. ช่วยไล่เซลล์มะเร็ง
เพียงแค่พริกป่น ก็สามารถช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะมะร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะพริกมีส่วนช่วยในการล้างพิษในร่างกาย นอกจากนี้ พริกสด ยังช่วยลดไขมัน ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และช่วยคุมน้ำหนักได้อีกด้วย
5. ช่วยขยายหลอดลม
เนื่องจากพริก มีสารเคมีที่ช่วยขับเสมหะ และช่วยเปิดคอให้โล่งมากขึ้น ยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ การกินเผ็ดจะช่วยให้อาการทุเลาลงได้ หากเป็นเด็ก ลองใช้พริกไทย หรือ หัวหอม และควรระมัดระวังไม่ให้เกิดการสำลักด้วย
การกินเผ็ดให้ปลอดภัย ทำได้อย่างไร?
สตรีมีครรภ์ เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ต้องระมัดระวัง หากชอบรับประทานอาหารรสจัด เพราะถึงแม้จะไม่ส่งผลเสียต่อลูกในครรภ์ แต่การกินเผ็ด อาจเป็นสาเหตุของอาการแสบร้อนกลางอก และกรดไหลย้อนได้ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ที่มีรสเผ็ดจนมากเกินไป และหากมีอาการแสบร้อน หรืออาการไม่พึงประสงค์อืน ๆ จากการรับประทานของเผ็ด ควรพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาทันที
การกินเผ็ดมีประโยชน์ และโทษ มากมาย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากยังมีข้อสันนิษฐานหลาย ๆ อย่าง ที่ยังไม่มีผลการวิจัยรองรับ อย่างไรก็ตาม การกินเผ็ด ก็มีทั้งประโยชน์และโทษ ควรรับประทานอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อร่างกาย
ที่มาข้อมูล Pobpad
บทความที่น่าสนใจ
พริกช่วยรักษาแผลได้จริงหรือ ? สรรพคุณของพริก ที่แม่ท้องควรรู้
เด็กกินเผ็ดได้ไหม? ควรทำอย่างไรเมื่อลูกกินเผ็ด? สิ่งที่คุณแม่ควรรู้
กินเผ็ดมีผลต่อลูกในท้องไหม คนท้องกินเผ็ดได้ไหม และอันตรายกับลูกหรือเปล่า?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!