กาแฟ กับคนทำงาน เรียกได้ว่าเป็นของคู่กายคู่ใจกันเลยทีเดียว ที่เป็นอย่างนั้น เพราะว่า ฤทธิ์ของ “คาเฟอีน” ในกาแฟยังไงล่ะ คาเฟอีนมีฤทธิ์ทำให้ไม่ง่วง รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทำให้มีแรงฮึดที่จะเริ่มต้นใหม่ในยามเช้า หนุ่ม สาว ออฟฟิศ หรือ คนทำงาน จึงนิยมดื่มกาแฟกันเป็นประจำ ลองสังเกตได้เลยว่า โต๊ะทำงานจะต้องมีกาแฟอย่างน้อย คนละแก้วอย่างแน่นอน วันนี้เราจะพาไปเช็คอาการติดคาเฟอีนกัน ดื่มกาแฟทุกวัน เรียกว่าเสพติดหรือยัง ?
ทำไมดื่มกาแฟแล้วหายง่วง ?
ทุก ๆ คน คงจะรู้กันอยู่แล้วว่า กาแฟ มีสารที่เรียกว่า “คาเฟอีน” ซึ่งกลไลการออกฤทธิ์ คือการไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง มีฤทธิ์ทำให้กระปรี้กระเปร่า เช่นเดียวกับ โคเคน กับ เฮโรอีน ดังนั้น คาเฟอีน จึงถูกจัดว่าเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน
คาเฟอีน กาแฟดีต่อสุชภาพ
อาการเริ่มต้นของการติดคาเฟอีน
-
ต้องดื่มกาแฟทุกวัน ไม่สามารถงด หรือเลิกได้
เริ่มต้นจากการดื่มกาแฟทุกวัน ดื่มในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น หรือดื่มบ่อยขึ้น เช่น จากดื่มทุกวัน วันละแก้ว เพิ่มเป็นวันละสองแก้ว สามแก้ว สี่แก้ว เพราะรู้สึกว่า ปริมาณที่เคยดื่มเข้าไป เริ่มเอาไม่อยู่ ยังไม่ตื่นตัวพอ ทำให้คิดงานไม่ออก ไม่สดชื่น จึงพยายามดื่มมากขึ้นทุกวัน อาการแบบนี้ ถูกเรียกว่า “ภาวะดื้อคาเฟอีน”
-
มีอาการข้างเคียง หากไม่ได้ดื่มคาเฟอีน
มีอาการผิดปกติ หากร่างกาย ไม่ได้รับคาเฟอีน เช่น ปวดศีรษะ ง่วงนอนผิดปกติ คลื่นไส้ และมีความต้องการดื่มชา กาแฟ มากกว่าเดิม ภาวะนี้ เรียกว่า “ภาวะถอนคาเฟอีน” อาการที่แสดงในแต่ละคน จะมากน้อย แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณคาเฟอีน ที่ได้ดื่มเข้าไปทุก ๆ วัน
ภาวะถอนคาเฟอีนเป็นยังไง ?
ภาวะถอนคาเฟอีน มักพบอาการ ปวดศีรษะ ได้มากที่สุด มีความรุนแรงต่างกันไป ตามแต่ละบุคคล อาการอื่น ๆ ที่มักพบได้ก็คือ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่ตื่นตัว ง่วงซึม หาวนอน มึนศีรษะ งุนงง สมองไม่ปลอดโปร่ง รู้สึกไม่สบายตัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึมเศร้า หดหู่ ไม่มีสมาธิ หงุดหงิด และคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
ติดคาเฟอีนอันตรายมั้ย ?
ความรุนแรงของอาการข้างเคียง ขึ้นอยู่กับปริมาณคาเฟอีน ที่ดื่มในแต่ละวัน ยิ่งดื่มเยอะ ยิ่งมีอาการรุนแรงมาก และอาการสามารถเกิดขึ้นได้ แม้คุณจะดื่มวันละแก้ว หรือพึ่งเริ่มดื่มได้สามวัน ก็ตาม อาการเหล่านั้นจะเกิดขึ้นใน 12 – 24 ชั่วโมง หลังจากหยุดดื่มกาแฟ และอาจเกิดขึ้นต่อเนื่องได้เป็นสัปดาห์
คาเฟอีน เครื่องดื่มคู่กายคนทำงาน
เทคนิคแก้อาการเสพติดกาแฟ
1. ค่อย ๆ ลดปริมาณกาแฟลง
สำหรับคนที่ติดกาแฟมาก ๆ ดื่มวันละ 3 – 4 แก้ว หรือมากกว่านั้น ห้ามเลิกทันทีเด็ดขาด เพราะอาการจะยิ่งแย่ลงมากกว่าเดิม อาจมีอาการลงแดงกาแฟได้ เพราะคาเฟอีน ถือเป้นสารเสพติดชนิดหนึ่ง ควรจะค่อย ๆ ลดปริมาณกาแฟลง
2. ใช้ยาแก้ปวดบ้าง
เมื่อเลิกดื่มกาแฟทันที อาจมีอาการข้างเคียง อย่างอาการปวดหัวเข้ามา จึงทำให้รู้สึกว่าเลิกดื่มไม่ได้สักที ดั้งนั้นถ้าเกิดอาการปวดหัว สามารถใช้ยาแก้ปวดเพื่อช่วยให้หายได้ แต่ควรระมัดระวังในกรใช้ ไม่ควรใช้เยอะเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้
3. หาเครื่องดื่มอื่น ๆ ทดแทน
การเลิกดื่มกาแฟ ไม่สามารถทำแบบหักดิบ งดดื่มทันทีได้ เพราะจะทำให้เกิดภาวะถอนคาเฟอีน ดั้งนั้นจึงควรหาเครื่องดื่มอื่น ๆ มาดื่มทดแทน เช่น ชา โกโก้ หรือช็อคโกแลต เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้ ก็มีคาเฟอีน แต่มีปริมาณที่น้อยมาก ๆ อาจพอให้อาการอยากคาเฟอีน ลดลงได้
คาเฟอีน ดื่มน้ำดีท็อกซ์
4. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพราะนอกจากน้ำจะเป็นส่วนสำคัญในร่างกายแล้ว น้ำยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย รวมถึงคาเฟอีนตกค้างด้วยเช่นกัน
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การเลิกดื่มกาแฟ มักมีอาการข้างเคียงเป็นอาการอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรงได้ ดังนั้นการออกกำลังกาย จึงเป็นวิธีที่ช่วยได้ดี เพราะสามารถลดความอ่อนเพลีย และช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีแรง อย่างที่เขาว่า กีฬาเป็นยาวิเศษ นั่นเอง
6. รับประทานอาหารสุขภาพ
การทานอาหารที่ดี ในช่วงการเลิกดื่มกาแฟ จะทำให้มีแร่ธาตุ และวิตามิน ที่ช่วยเข้าไปบำรุงร่างกาย ลดการอ่อนเพลีย นอกจากนี้ ยังควรลดอาหารที่มีไขมันสูง เพราะจะทำให้รู้สึกง่วง และหันมาพึ่งกาแฟอีกเช่นเดิม
เป็นยังไงบ้าง กับสาระน่ารู้ ที่จะทำให้พฤติกรรมการดื่มกาแฟของคุณ ดียิ่งขึ้น อาจไม่จำเป็นต้องเลิกอย่างฉับพลัน ค่อย ๆ เรียนรู้ และเข้าใจ เพราะการดื่มกาแฟ มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็อาจมีโทษด้วย หากไม่ระวังในการดื่ม
ที่มาของข้อมูล : pobpad , pobpad
บทความที่เกี่ยวข้อง :
แม่ติดกาแฟต้องรู้ คาเฟอีน ในเครื่องดื่มมีผลอย่างไรต่อลูกในท้อง
กาแฟมีกี่ชนิด จะดื่มทั้งที เลือกสั่งเมนูอะไรดีนะ ?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!