“น้ำ” เป็นส่วนประกอบหนึ่งในร่างกายที่มีความจำเป็นอย่างมาก เชื่อว่าหลาย ๆ คน ต้องเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ขาดข้าว ขาดอาหารยังพออยู่ได้ แต่ถ้าขาดน้ำร่างกายอยู่ไม่ได้แน่นอน !” เพราะน้ำเป็นสารอาหารที่คอยหล่อเลี้ยงทุกส่วนในร่างกาย แต่เดี๋ยวนี้พอมีเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีรสชาติน่าทานมากขึ้น หลายคนก็ให้ความสนใจกับการ ดื่มน้ำ น้อยลงอย่างมาก คิดว่าการกินเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ก็สามารถทดแทนได้ แต่แท้จริงแล้วไม่มีเครื่องดื่มไหนที่สามารถทดแทนการดื่มน้ำเปล่าได้.. วันนี้เลยอยากมาบอกถึงข้อดีของการดื่มน้ำที่ถ้าดื่มตามช่วงเวลาเหล่านี้จะช่วยให้ผิวดี สุขภาพแข็งแรง มีแต่ข้อดีทั่วทั้งร่างกาย !
ทำไมการ ดื่มน้ำ จึงสำคัญต่อร่างกาย ?
ต้องบอกว่า เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบหนึ่งของร่างกายที่มีสัดส่วนตั้งแต่ 55 – 78% ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งถ้าดูจากสัดส่วนจะเห็นได้เลยว่าน้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายเกินครึ่ง ! ซึ่งแค่นี้ก็สามารถตอบคำถามได้แล้วว่าทำไมการ ดื่มน้ำ ที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจึงมีความจำเป็น และ สำคัญมาก ๆ
ข้อดีของการ ดื่มน้ำเปล่า
- ช่วยขับของเสีย ระบายของเสียออกจากร่างกาย
- สามารถช่วยลดน้ำหนักได้
- ดื่มแล้วไม่อ้วน !
- ช่วยเรื่องผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ชุ่มฉ่ำ อิ่มน้ำ
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ ช่วยให้ผิวใสจากภายในสู่ภายนอก
TAP แนะนำ ! 8 ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการดื่มน้ำ
หลังตื่นนอนทันที
การดื่มน้ำหลังจากตื่นนอนทันทีจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว เพื่อความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายในยามเช้าให้หายจากอาการง่วง งัวเงีย ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น เพราะในช่วงกลางคืนตอนที่นอน ร่างกายจะขาดน้ำเป็นเวลาหลายชั่วโมง ดังนั้นเวลาตื่นมาแล้วบางคนอาจจะมีอาการมึนหัว หน้ามืด บ้านหมุน เนื่องจากปรับสมดุลในร่างกายไม่ทัน อีกทั้งการดื่มน้ำหลังจากตื่นนอนทันทียังช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย !
Tips : แนะนำว่าควรเลือกดื่มเป็นน้ำอุ่น ๆ 2 แก้ว ทันทีหลังจากตื่นนอนจะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ใครที่ขับถ่ายยากต้องลองทำดู.. แล้วจะรู้สึกสบายท้องแน่นอน !
หลังอาหารเช้า 30 นาที – 1 ชั่วโมง
ทำไมถึงควรดื่มน้ำหลังจากทานข้าวไปแล้ว 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพราะว่าถ้าหากระหว่างทานข้าว หรือ ดื่มน้ำทันทีหลังทานข้าวเสร็จจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ และ ยังอาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดท้องได้ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากดื่มน้ำหลังจากทานข้าวเช้าประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง จะช่วยให้ระบบการขับของเสียออกจากร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
ก่อนอาหารกลางวัน 30 นาที
สำหรับมื้อกลางวันควรดื่มน้ำก่อนประมาณ 30 นาที จำนวน 1 แก้ว เพื่อกระตุ้นลำไส้ กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ตื่นตัว พร้อมรับอาหารมื้อต่อไป และก็เช่นเดียวกัน คือไม่ควรดื่มน้ำระหว่างทานข้าว เพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจางได้เช่นเดิม
หลังอาหารกลางวัน 30 นาที
ในส่วนของหลังจากมื้อกลางวันควรเว้นระยะเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้น้ำย่อย ระบบย่อยอาหารได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพก่อน แล้วจึงดื่มน้ำตามเข้าไป แต่ไม่ควรดื่มมากจนเกินไป ควรดื่มสัก 1 – 2 แก้ว เพราะถ้าดื่มเยอะอาจจะเกิดอาการจุกท้องได้
Tips : สำหรับใครที่ติดน้ำชง ชานมไข่มุก สามารถทานได้เช่นกัน เพื่อเป็นการให้รางวัล และ เติมน้ำตาล เติมความหวานให้กับตัวเอง แต่ห้าม ! ทานน้ำชง น้ำหวาน แทนน้ำเปล่าเด็ดขาด อย่างน้อยต้องดื่มน้ำเปล่าก่อนสัก 1 แก้ว เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงพร้อมที่จะขับของเสียออก
บทความที่เกี่ยวข้อง : ดื่มน้ำลดน้ำหนัก ดื่มน้ำยังไงให้น้ำหนักลด? แค่ดื่มให้ถูกวิธีก็มีหุ่นสวยได้
ตั้งแต่บ่ายโมง – บ่าย 3 โมง
โดยเฉลี่ยประมาณ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่ 13.00 น. – 15.00 น. ให้ใช้วิธีการจิบน้ำบ่อย ๆ จิบเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการเติมความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย ช่วยลดอาการหิวน้ำ และ ลดอาการหิวระหว่างวัน อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่นั่งทำงานในห้องแอร์ เพราะผิวหนังจะสูญเสียน้ำ เนื่องจากความแห้งของอากาศ การจิบน้ำบ่อย ๆ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น ตื่นตัว อาจจะจิบสลับกับน้ำหวาน น้ำชง ชานมไข่มุก ที่ซื้อมาตอนกลางวันก็ได้เช่นกัน
ก่อนอาหารเย็น 30 นาที – 1 ชั่วโมง
การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารเย็นช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และ ระบบทางเดินอาหารให้พร้อมที่จะรับประทานข้าวในมื้อต่อไป การดื่มน้ำในช่วงก่อนมื้อเย็นยังเหมาะสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก เพราะการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจะทำให้ไม่ค่อยหิว ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ในมื้อเย็นไม่ทานข้าวเยอะ สำหรับใครที่กำลังควบคุมอาหารลองเลือกใช้วิธีการดื่มน้ำก่อนอาหารเย็นก็ช่วยได้เช่นกัน
หลังอาหารเย็น 30 นาที
ด้วยเหตุผลเดียวกันว่าการดื่มน้ำหลังมื้ออาหารประมาณ 30 นาที จะเป็นการเว้นช่วงให้น้ำย่อย ระบบย่อยอาหารได้ทำงานตามกลไกธรรมชาติของร่างกายก่อน หลังจากนั้นค่อยดื่มน้ำตามเข้าไป เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยง และ ช่วยกระตุ้นการขับออกเสียออก
ก่อนเข้านอน 30 นาที – 1 ชั่วโมง
ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนจะเข้านอน ! ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1 – 2 แก้ว ก่อนนอน แต่ไม่ควรดื่มมากเกินกว่านี้ เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะระหว่างคืน ทำให้ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำ ถือเป็นการรบกวนการนอนที่ร่างกายควรได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะบางคนมีสภาวะอาการนอนหลับยาก กว่าจะนอนได้ต้องใช้เวลานาน และการดื่มน้ำก่อนนอนยังสามารถช่วยดีท็อกซ์ส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย สำหรับคนที่นอนในห้องแอร์ยิ่งควรดื่ม เพราะผิวจะถูกดูดความชุ่มชื้นไประหว่างนอนในห้องแอร์ ตื่นมาผิวอาจจะแห้งตึงได้
เป็นยังไงบ้างคะ ? บางคนก็อาจจะดื่มน้ำเยอะเป็นปกติอยู่แล้วแต่อาจจะลองปรับช่วงเวลา เพื่อให้มีความเหมาะกับช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบการดื่มน้ำเปล่าอาจจะลองผสมกับวิตามิน อาหารเสริม เช่น คอลลาเจน หรือ ผงสำหรับเพิ่มรสชาติน้ำ เพื่อให้การดื่มน้ำเปล่าสดชื่น และ อร่อยมากกว่าเดิม
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วัฏจักรน้ำ คืออะไร ? พาลูกเรียนรู้ กับวิทยาศาสตร์จากสิ่งรอบตัวกันเถอะ
5 ประโยชน์ของน้ำเปล่า อยากหน้าใสให้ดื่มน้ำ
ดื่มน้ำเย็น ไม่ดีจริงหรือ? การดื่มน้ำอุ่น กับ น้ำเย็น ต่างกันอย่างไร!?
ที่มา : wongnai , komchadluek , instagramwatsonsth