X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

9 วิธีดีท็อกซ์แบบธรรมชาติ ทำเองได้ที่บ้าน

3 Dec, 2014

“การล้างพิษ” และ “ดีท็อกซ์” กำลังเป็นกระแสที่ใคร ๆ ก็กำลังพูดถึงกันในยุคนี้ จริง ๆ แล้วร่างกายของเราสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ตัวเองอยู่แล้ว ทั้งปอด ตับ ไต ผิวหนัง และลำไส้ต่างถูกออกแบบมาเพื่อรักษาระบบภายในให้สะอาดตลอด 24 ชั่วโมง แต่คุณก็สามารถช่วยร่างกายของคุณอีกแรงหนึ่งโดยวิธีดีท็อกซ์ที่ทำเองได้ทั้ง 9 ข้อดังต่อไปนี้

1.	ดื่มน้ำให้เพียงพอ

1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

วิธีดีท็อกซ์ที่ดีที่สุดคือการดื่มน้ำ เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยรักษาสมดุลระดับเกลือแร่ในร่างกาย อย่าปล่อยให้ร่างกายกระหายน้ำ ผักและผลไม้ก็ประกอบไปด้วยน้ำเป็นหลัก คุณควรบริโภคผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 5-7 หน่วยบริโภคเพื่อเพิ่มน้ำให้ร่างกาย วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะเช็คว่าร่างกายของคุณขาดน้ำหรือไม่คือการสังเกตสีของปัสสาวะ ซึ่งควรจะมีสีเหลืองอ่อน หากปัสสาวะมีสีเข้ม แสดงว่าคุณควรจะดื่มน้ำเพิ่ม 1-2 แก้ว
2.	ลดคาเฟอีน

2. ลดคาเฟอีน

แต่คุณไม่จำเป็นต้องเลิกบริโภคโดยสิ้นเชิง คาเฟอีนสามารถช่วยเพิ่มสมาธิและพลังงานได้หากบริโภคไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัม กาแฟแก้วใหญ่มีคาเฟอีนประมาณ 150 มิลลิกรัม ซึ่งแปลว่าคุณควรดื่มไม่เกินวันละสองแก้ว ชาหนึ่งแก้วมีคาเฟอีนประมาณ 50 มิลลิกรัม ปริมาณที่เหมาะสมจึงไม่ควรเกิน 6 แก้วต่อวัน ยิ่งคุณดื่มน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อร่างกายมากเท่านั้น
3.	งดแอลกอฮอล์

3. งดแอลกอฮอล์

ไม่เว้นแม้กระทั่งไวน์แดง แอลกอฮอล์ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แม้จะมีรายงานว่าการดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ (จำกัดปริมาณอยู่ที่ 1 หน่วยบริโภคต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 2 หน่วยสำหรับผู้ชาย) หนึ่งหน่วยบริโภคที่เราพูดถึงในที่นี้ไม่ใช่แก้วน้ำขนาดปกติ แต่หมายถึงแก้วขนาด 5 ออนซ์สำหรับไวน์ แก้วช็อต (1.5 ออนซ์) สำหรับเหล้า หรือขนาด 12 ออนซ์สำหรับเบียร์ ซึ่งนับว่าไม่มากเลยสำหรับคนส่วนใหญ่ แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ และยังเป็นตัวทำลายสุขภาพสองต่อ นอกจากจะมีแคลอรี่สูงแล้ว มันยังทำให้ร่างกายอยากอาหารแคลอรี่สูงอื่น ๆ มากขึ้นอีกด้วย คุณอาจเลือกที่จะจำกัดปริมาณการดื่มต่อวันหรือเลือกดื่มเฉพาะโอกาส แต่จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณหลีกเลี่ยงได้
4.	งดน้ำตาลและสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

4. งดน้ำตาลและสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

คุณควรลดของหวานเพื่อไม่ให้ติดนิสัยกินหวาน ลดการบริโภคน้ำหวาน ขนมหวาน แล้วหันมากินผลไม้แทน การงดการบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลจะช่วยปรับลิ้นให้กลับสู่สภาพปกติ
5.	งดอาหารสำเร็จรูป

5. งดอาหารสำเร็จรูป

เป็นที่ทราบกันดีว่าเราไม่ควรกินอาหารที่บรรจุในกระป๋อง กล่อง หรือหีบห่อใด ๆ และจะยิ่งดีกว่าถ้าหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารในร้านอาหารได้ แม้ว่าอาหารที่เสิร์ฟในร้านอาหารจะดูมีประโยชน์ แต่อาหารเหล่านั้นอาจถูกปรุงโดยใช้น้ำมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หรืออุดมไปด้วยส่วนประกอบที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปเป็นการลดน้ำตาล ไขมัน และแคลอรี่ที่ไม่จำเป็นที่ง่ายที่สุด
6.	ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ

6. ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ

ผิวหนังคืออวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย การทำให้เหงื่อออกเป็นการขับเกลือแร่ส่วนเกินและของเสียออกจากร่างกาย การออกกำลังกายให้เหงื่อออกทุกวันจะช่วยให้ร่างกายได้ขจัดของเสียออกสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ
7.	กินอาหารที่มีกากใย

7. กินอาหารที่มีกากใย

มีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการ “ล้าง” ลำไส้มากมาย อันที่จริงลำไส้ของคุณต้องการการกระตุ้นด้วยใยอาหาร คล้าย ๆ กับการออกกำลังลำไส้นั่นเอง ใยอาหารจะไปกระตุ้นลำไส้ เหมือนเป็นการล้างท่อแบบธรรมชาติ แต่พยายามบริโภคใยอาหารจากธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช แทนการกินผลิตภัณฑ์เสริมใยอาหารที่อ้างว่ามีใยอาหารถึง 50% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ใยอาหารธรรมชาติซึ่งมีอยู่ประมาณ 3-4 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภคในผักผลไม้ คิดเป็นประมาณ 15-20% ของปริมาณที่ควรบริโภคต่อวัน
8.	พักผ่อนให้เพียงพอ

8. พักผ่อนให้เพียงพอ

พยายามนอนให้ได้วันละ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน การพักผ่อนเพียงพอจะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ยังคงมีงานวิจัยที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างการนอนและกระบวนการคิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
9.	เปลี่ยนวิธีจัดการกับความเครียด

9. เปลี่ยนวิธีจัดการกับความเครียด

ในเมื่อเรากำจัดความเครียดให้หายไปไม่ได้ เราก็ควรจะปรับวิธีในการรับมือกับความเครียดแทนเพื่อสุขภาพจิตที่ดีในระยะยาว เริ่มจากการ “หยุดและคิด” หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบโต้ใด ๆ ความเครียดมีผลทั้งทางกายภาพและทางจิตต่อการเผาผลาญและพฤติกรรม การกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
ถัดไป
img

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • 9 วิธีดีท็อกซ์แบบธรรมชาติ ทำเองได้ที่บ้าน
แชร์ :
  • หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

    หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

  • ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

    ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

  • เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

    เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

  • หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

    หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

  • ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

    ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

  • เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

    เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว