หน้าที่ของพ่อแม่มีเยอะแยะมากมาย ทำให้หลายๆ ครั้งมองข้ามในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมของลูก แน่นอนว่าพ่อแม่ไม่ได้มีเวลาดูแลลูกในทุกๆ อย่าง แต่รู้หรือเปล่าว่าพฤติกรรมบางอย่าง หรือมารยาทที่ควรสั่งสอน เป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อตัวลูกในอนาคต
1.ล้อเลียนพ่อแม่ หรือพูดจาอวดดี
พ่อแม่มักจะเพิกเฉยเวลาที่ลูกล้อเลียน เช่น กรอกตาไปมา แลบลิ้นปลิ้นตา พูดล้อเลียนหรือพูดจาอวดดี เพราะมองว่า ลูกทำแป๊บเดียว เดี๋ยวลูกก็เลิก แต่เปล่าเลย การที่ลูกแสดงออกกับพ่อแม่อย่างนี้ แสดงว่าลูกคิดว่าพ่อแม่ไม่ได้มีอำนาจเหนือเขา ถ้าไม่รีบแก้ไขตั้งแต่ตอนนี้ ลูกก็จะไม่เคารพพ่อแม่ ทั้งยังส่งผลเป็นพฤติกรรมด้านลบต่อผู้ใหญ่คนอื่นๆ และคุณครู ซึ่งจะสร้างความปวดหัวให้พ่อแม่อย่างแน่นอน
วิธีกำราบเด็กที่มีพฤติกรรมล้อเลียน ไม่ใช่ดุด่าว่ากล่าว แต่เลือกใช้วิธีที่นุ่มนวลอย่างเช่น เมื่อลูกล้อเลียนเวลาคุณสั่งให้ทำอะไร คุณก็เดินหนีไปเลย หรือพูดกับลูกว่า “แม่ไม่ได้ยินเลยว่าลูกพูดอะไร เวลาลูกพูดจาแบบนี้ ทำไมไม่พูดจาดีๆ” ถ้าแม่เลือกใช้คำพูดที่เหมาะสม จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกได้ดีกว่าการดุด่าอย่างไม่มีเหตุผล
2.ขัดจังหวะเวลากำลังพูดอยู่
เมื่อลูกๆ รู้สึกตื่นเต้นที่จะบอกอะไรบางอย่าง ลูกจะไม่สนใจเลยว่าพ่อแม่กำลังพูดอะไรอยู่ การปล่อยให้ลูกขัดจังหวะไปเรื่อยๆ ดูจะไม่เป็นอะไร แต่จริงๆ แล้ว ทำให้เด็กเข้าใจว่า การไม่เกรงใจคนอื่นเป็นเรื่องที่ทำได้ แล้วก็จะเรียกความสนใจจากคนอื่นด้วยการขัดจังหวะ ไม่ยอมอดทนรอให้คนอื่นพูดจบก่อน
พ่อแม่ต้องสอนลูกว่าการขัดจังหวะเวลาที่คนอื่นพูดเป็นสิ่งไม่ดี ต้องรอให้คนอื่นพูดจบก่อนแล้วค่อยพูด ไม่ใช่พูดแทรกขึ้นมา เพราะการพูดแทรกเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารักเลย และไม่มีใครชอบเวลาที่ถูกขัดจังหวะ ต้องย้ำด้วยว่าสิ่งที่ลูกทำนั้นหยาบคาย พ่อแม่ไม่ต้องการให้ลูกทำอย่างนี้
3.ลูกเล่นเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวและชอบเล่นแผลงๆ
เด็กๆ เล่นกันเสียงดังเป็นเรื่องธรรมดา…นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ๆ การที่ลูกเล่นเสียงดังเอะอะโวยวายอย่างไม่เกรงใจคนอื่นๆ ส่งผลให้ลูกติดพฤติกรรมที่ไม่ดี และอาจกลายเป็นคนกร้าวร้าวในที่สุด ถ้าลูกเริ่มเล่นอะไรเกินเลย พ่อแม่ต้องจับตาให้ดี ยิ่งลูกเล่นอะไรแผลงๆ ก็ต้องอบรม เพราะลูกอาจเข้าใจว่า การทำให้คนอื่นเจ็บตัวนั้นเป็นเรื่องสนุก ทำได้ และไม่ผิด
ถ้าลูกเริ่มทำตัวก้าวร้าว เล่นรุนแรงกับเพื่อนๆ หรือมีพฤติกรรมที่หยาบคาย พ่อแม่ต้องรีบเข้าไปหยุดในทันที พร้อมกับสอนลูกว่า ทำอะไรได้อย่างนั้น ถ้าลูกอยากให้คนอื่นเล่นด้วยดีๆ ไม่แกล้งลูก ลูกก็ต้องดูแลคนอื่นให้ดีเช่นกัน ต้องย้ำชัดๆ ว่า การเล่นอะไรแผลงๆ จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน พ่อแม่ไม่ชอบที่ลูกทำให้คนอื่นเจ็บตัว
4.แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่พ่อแม่พูด
เวลาที่คุณต้องพูดอะไรซ้ำๆ เพราะลูกไม่ยอมฟังสิ่งที่คุณพูด ห้ามปล่อยผ่านเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้ลูกคิดว่าสามารถฝ่าฝืนคำสั่งหรือไม่ใส่ใจคุณก็ได้ และนี่คือพฤติกรรมท้าทาย ถ้าไม่หยุดตั้งแต่ตอนนี้ ลูกก็จะไม่เชื่อฟังคุณอีก
ถ้าลูกทำเป็นเฉยเมยเวลาคุณสั่งให้ทำอะไร พ่อแม่ต้องมองหน้าลูก จ้องตาลูก พูดในสิ่งที่ต้องการให้ลูกทำ จนกว่าลูกจะเข้าใจ แต่ถ้าลูกยังไม่ยอมฟัง ก็บอกลูกว่าสิ่งที่ลูกทำนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี แล้วลูกจะต้องเจอกับอะไร
5.ลูกพูดจาเกินจริง
เชื่อไหมว่า ลูกมักจะพูดจาเกินจริงบ่อยกว่าที่คุณคิด เช่น ตอนที่พ่อแม่สั่งให้ลูกจัดเตียง แล้วลูกตอบว่า ทำแล้ว ซึ่งความจริงคือแค่พับผ้าห่มแบบลวกๆ นี่คือการพูดเกินจริง ดูๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่แม่รู้หรือเปล่าว่า การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการไม่เคารพ โตขึ้นลูกจะกลายเป็นคนโกหก และเป็นคนไม่ซื่อสัตย์
ลูกจะโกหกเพราะมองว่าการโกหกเป็นสิ่งง่ายๆ ที่ทำให้ตัวเขาดูดีขึ้น แถมยังไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ หรือแม้แต่โกหกเพื่อปกปิดสิ่งที่ลูกทำไปแล้ว วิธีแก้นิสัยนี้ ลองจับผิดคำโกหกของลูกดู บอกลูกว่าแม่รู้ความจริงทั้งหมด ขอให้ลูกสารภาพมา แล้วสอนลูกเรื่องการโกหกว่าเป็นสิ่งไม่ดี ยิ่งทำบ่อยๆ เข้าก็จะไม่มีใครเชื่อคำพูดของลูก เช่นเดียวกับนิทานเรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ
พฤติกรรมแย่ๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรของลูก แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พ่อแม่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะส่งผลต่อนิสัยในอนาคตได้ รีบแก้นิสัยเสียของลูกตั้งแต่เล็กๆ จะดีกว่า
ที่มา : sg.theasianparent.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกขี้อาย เข้าสังคมไม่ได้ แม่ต้องปรับวิธีเลี้ยง
“โรคติดหรู” ผลกระทบจากการเลี้ยงลูกแบบวัตถุนิยม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!