คุณแม่อาจสงสัยว่า การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระหว่างตั้งครรภ์ ปลอดภัยหรือไม่ และผลที่ได้ มีมากกว่าความเสี่ยงหรือเปล่า การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองจากมะเร็งปากมดลูก จากผู้หญิง 800 คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกในแต่ละปี 1 ใน 5 ไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรอง หรือไม่ได้ตรวจคัดกรองอย่างเป็นประจำทุก 3 ปี
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกคืออะไร ?
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นวิธีง่าย ๆ ในการตรวจสุขภาพปากมดลูกของคุณ ปากมดลูกคือช่องที่อยู่ด้านบนของช่องคลอด การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จะค้นหาไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมา (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ในปากมดลูกของคุณ ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จะใช้วิธีการการตรวจที่เรียกว่า แปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test)
ในระหว่างการตรวจคัดกรองปากมดลูก แพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า speculum จะถูกสอดเข้าไปในช่องคลอดอย่างเบามือ เพื่อให้แพทย์ที่ทำการตรวจคัดกรอง สามารถมองเห็นปากมดลูกของคุณได้ จากนั้นจะทำการป้ายเซลล์จากมดลูกส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติ ขั้นตอนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อาจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ
ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกบ่อยแค่ไหน?
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสามารถทำได้ทุก ๆ 3 ปี หากผลการตรวจของคุณอยู่ในเกณฑ์ปกติ คุณควรเข้ารับการตรวจหาก :
- คุณมีอายุระหว่าง 25 ถึง 74 ปี
- คุณเคยมีเพศสัมพันธ์
- คุณมีปากมดลูก
ช่วงอายุที่ดีที่สุดที่จะเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกคืออายุ 25 ปี ผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองปากมดลูกเป็นประจำ หากคุณมีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออก หรือตกขาวผิดปกติใด ๆ คุณควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด หากคุณอายุต่ำกว่า 25 ปี และเคยตรวจคัดกรองมาแล้ว และผลตรวจผิดปกติ คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : มะเร็งปากมดลูก ภัยร้ายใกล้ตัวของผู้หญิง อันตรายถ้าไม่รีบตรวจ?
วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ที่มีการบริการในประเทศไทย ในปัจจุบันนั้น มี 3 วิธีหลัก ๆ ได้แก่
- การตรวจทางเซลล์วิทยาของปากมดลูก แบ่งเป็น
- 1. การตรวจแปปสเมียร์แบบสามัญ (Conventional Pap Smear)
- 2. การเก็บตัวอย่างเซลล์ด้วยของเหลว (Liquid-based cytology: LBC)
- การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ด้วยวิธีการตรวจ DNA แบ่งเป็นการตรวจร่วมกับการตรวจทางเซลล์วิทยา และการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV เพียงอย่างเดียว
- การตรวจด้วยน้ำส้มสายชู (Visual inspection with acetic acid: VIA)
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระหว่างตั้งครรภ์ ทำได้หรือไม่?
- หากครบกำหนดที่จะต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ในขณะที่คุณตั้งครรภ์ คุณควรงดการตรวจจนกว่าจะคลอดทารก คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เพื่อให้แพทย์เลื่อนการตรวจครั้งนี้ออกไป โดยปกติแล้วสามารถตรวจได้ 3 เดือนหลังจากคลอดทารก
- หากไม่ใช่ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามปกติ แต่เป็นการตรวจซ้ำหลังจากพบความผิดปกติจากครั้งก่อนหน้า ซึ่งคุณถูกเรียกตรวจในระหว่างตั้งครรภ์ คุณก็ควรตรวจในระหว่างตั้งครรภ์ เวลาที่ดีที่สุดที่จะทำคือระหว่าง 3 ถึง 6 เดือนของการตั้งครรภ์
มีอันตรายต่อทารก หรือไม่?
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในระหว่างตั้งครรภ์ นั้นไม่อันตราย ไม่ว่าผลการตรวจคัดกรองจะออกมาเป็นเช่นไร โดยทั่วไปก็ปลอดภัยที่จะตั้งครรภ์ต่อไป เนื่องจากการติดเชื้อ HPV ในระหว่างตั้งครรภ์มักไม่ส่งผลกระทบต่อทารก แม้ว่าจะมีเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก แต่หายากมากที่สิ่งนี้จะลุกลามกลายเป็นมะเร็งในระหว่างตั้งครรภ์ นั่นเป็นเหตุผลที่ในกรณีส่วนใหญ่ แพทย์จะรอจนกว่าลูกของคุณจะคลอด ค่อยทำการทดสอบซ้ำ
บทความที่เกี่ยวข้อง : โครโมโซมผิดปกติ อันตรายต่อทารกในครรภ์มากน้อยแค่ไหน คุณแม่ควรรู้!
หากคุณให้นมบุตร
คุณแม่สามารถตรวจคัดกรองได้ แม้คุณแม่ให้นมลูก การให้นมไม่ส่งผลต่อการทดสอบ คุณแม่อาจพบว่าการทดสอบนั้นอึดอัดเล็กน้อย เนื่องจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมน คุณสามารถถามแพทย์ หรือพยาบาลที่ทำการทดสอบ ถึงวิธีการที่ทำจะให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้นกับการทดสอบ คุณแม่ควรรออย่างน้อย 3 เดือนหลังคลอดเพื่อทำการทดสอบ
หากผลออกมาไม่ปกติ
หากการทดสอบของคุณแม่ แสดงว่าคุณแม่มีเชื้อ HPV แพทย์จะตรวจสอบการติดเชื้อ และมีแนวโน้มที่จะแนะนำให้ทดสอบเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกของคุณได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าผลจะแสดงการติดเชื้อ HPV แต่โดยปกติจะใช้เวลา 10 ปี หรือมากกว่านั้นในการพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูก สตรีมีครรภ์ประมาณ 1 ใน 20 คนเท่านั้นที่จะมีเซลล์ปากมดลูกผิดปกติหลังจากการตรวจสอบเพิ่มเติม
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรละเลย หากคุณมีอายุ 25 – 74 ปี คุณควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเป็นประจำทุก ๆ 3 ปี การตรวจนั้นไม่เจ็บ ไม่น่ากลัว และใช้ระยะเวลาตรวจไม่นาน จะทำให้คุณทราบความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดขึ้นได้ และเตรียมรับมือได้อย่างทันท่วงที แม่คุณแม่ท้องไม่ต้องเกิดความกังวลใจไป เพราะหากคุณพลาดที่จะตรวจระหว่างตั้งครรภ์ ก็สามารถเข้ารับการตรวจได้หลังจากคลอดบุตร 3 เดือนค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โรคธาลัสซีเมียอันตรายมากแค่ไหน ตรวจธาลัสซีเมีย ระหว่างตั้งครรภ์ได้หรือไม่?
แม่ท้องอย่ามองข้าม อาการท้องผูก ในระหว่างตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการแท้งได้จริง?
ทำ IF ระหว่างตั้งครรภ์ ได้ไหม? ส่งผลอย่างไรต่อลูกน้อย?
ที่มา : pregnancybirthbaby