ทำไมบางคนบอกว่ากินยาคุมแล้ว หน้าเป็นฝ้า กระ หรือผิวแห้งหยาบล่ะ แล้วเราควรจะเลือกทานยาคุมยังให้ เพื่อให้เกิดผลตามที่เราต้องการ ยาคุมลดสิว ได้จริงหรือ แล้วผิวจะเนียนใสได้จริงหรือไม่ ถ้าเรามีปัญหาเรื่องสิว ยาคุมจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราหรือไม่ มาดูกันเลย
เข้าใจสิว เข้าใจยาคุม
ก่อนอื่นเราต้องมาดูสาเหตุหลักของปัญหาสิวที่เกิดขึ้นกันก่อนค่ะ ว่าสิวที่เราเป็นอยู่นั้นเกิดมาจากสาเหตุอะไร ซึ่งโดยมากการเกิดสิวนั้น มักจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมนที่อยู่ในร่างกาย รวมไปถึงพันธุกรรมก็ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ไปกระตุ้นให้เกิดสิวอีกด้วย
นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ยังมีส่วนทำให้เกิดสิวเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ อาการเครียด หรือแม้กระทั่งการดูแลผิวที่ไม่ถูกวิธี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถไปกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ดังนั้นคุณจะต้องตระหนักถึงปัญหาหลักก่อนว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
แต่ถ้าคำตอบของคุณคิดว่าสิวที่เป็นอยู่นั้น มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนในร่างกายล่ะก็ มารวมตัวกันทางนี้เลยค่ะ เพราะเราจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับ ยาคุมลดสิว มาบอกเล่าเก้าสิบ พร้อมคำแนะนำในการเลือกรับประทานยาคุม ให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ กันค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : วิธีกำจัด “สิวใต้ผิวหนัง” ปัญหาผิวตัวร้าย ทำลายความมั่นใจของสาว ๆ
ยาคุมลดสิว รักษาสิว ได้จริงหรือไม่?
สิวโดยมากเกิดจากฮอร์โมนเพศชายที่มากจนเกินไป ทำให้เกิดการกระตุ้นสิวฮอร์โมนขึ้น เนื่องจากตัวฮอร์โมน จะไปสั่งให้มีการผลิตไขมันซีบัม (Sebum) อันเป็นต้นเหตุของสิวจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังนั่นเอง นอกจากนี้ยังส่งผลให้รูขุมขนมีการขยายออก เนื่องจากต้องการระบายไขมันใต้ผิวหนังออกมา จึงมักจะสังเกตได้ว่า ผู้ที่มีฮอร์โมนเพศชายมาก มักจะมีผิวหน้าที่มัน รูขุมขนที่กว้าง และยังทำให้เกิดสิวได้อีกด้วย
ยาคุมกำเนิด จะมีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง นั่นคือ เอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสติน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้ จะช่วยลดระดับฮอร์โมนเพศชาย ทำให้เกิดการผลิตไขมันซีบัมลดลง ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาสิวจากต่อมไขมันใต้ผิวหนัง เมื่อไขมันใต้ผิวหนังลดลง รูขุมขนก็จะเล็กลง ทำให้รูขุมขนเล็ก และผิวเนียนเรียบนั่นเอง
อยากสิวหาย ต้องกินยาคุมแบบไหน?
หากวัตถุประสงค์หลักของคุณ คือการรับประทานยาคุมเพื่อการรักษาสิวแล้วล่ะก็ สิ่งแรกที่คุณจะต้องมองหา นั่นก็คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งจะมีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
เนื่องจากฮอร์โมนที่มีจำหน่ายทั่วไปนั้น จะมีให้คุณเลือกทานด้วยกันสองแบบคือ ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมนั่นเอง และฮอร์โมนเดี่ยวนั้น จะเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้ ไม่สามารถช่วยในการรักษาสิวได้ ดังนั้นหากคุณเลือกทานชนิดเดี่ยวไป ก็จะไม่ได้ตามวัตถุประสงค์หลักที่คุณต้องการนั่นเอง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : ลูกเป็นสิว มีวิธีรักษาอย่างไร ทั้งสิวเด็กเล็ก สิวเด็กในวัยเรียน
ใครถึงจะใช้ยาคุมลดสิวได้
โดยทั่วไปทางแพทย์ หรือเภสัชกร มักจะแนะนำผู้ที่เป็นสิวให้รับประทานยาคุมในกรณีที่บุคคลานั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ร่วมด้วย หรืออาจจะเป็นการใช้ยาคุมเพื่อการควบคุมสิว หลังจากทำการรักษาสิวด้วยวิธีการต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมแต้มสิว การทา หรือการรับประทานยาปฏิชีวนะ เป็นต้น
ยาคุมยี่ห้อใดบ้าง ช่วยในการรักษาสิวได้?
ยาคุมที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว จะต้องมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มระดับโปรตีนที่จับตัวกับฮอร์โมนเพศ และช่วยลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นต่อมไขมันในการผลิตซีบัม ซึ่งยาคุมที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
- นอร์อิทินโดรน และ เอทินิลเอสตราไดออล มีส่วนประกอบของเอสโตรเจนและโปรเจสติน มักใช้รักษาสิวในผู้หญิงอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่วัยมีประจำเดือนแล้ว ซึ่งต้องการรับประทานยาคุมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ และต้องการรักษาสิวหลังจากทายาแต้มสิวไม่ได้ผล โดยรับประทานยาติดต่อกันนานอย่างน้อย 6 เดือน โดยตัวยาจะมีปริมาณเอสโตรเจนแตกต่างกันออกไป
- นอร์เจสทิเมท และ เอทินิลเอสตราไดออล ยาคุุมชนิดนี้มีส่วนประกอบของเอสโตรเจนและโปรเจสติน จากงานวิจัยพบว่ายาคุมชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว โดยตัวยาจะมีปริมาณโปรเจสตินแตกต่างกันออกไป
- ดรอสไพริโนน และ เอทินิลเอสตราไดออล เป็นยาคุมที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจนและโปรเจสติน ยาคุมชนิดนี้ใช้รักษาสิวระดับปานกลางในหญิงอายุ 14 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่วัยมีประจำเดือนแล้วและต้องการรับประทานยาคุมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้นอย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาประกาศว่ายาคุมที่มีส่วนประกอบของดรอสไพริโนน อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันได้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ใครที่ไม่ควรใช้ยาคุมลดสิว?
- ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธ์ุ หรือยังไม่มีประจำเดือน
- ต้องการตั้งครรภ์ กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- เป็นผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- อ้วนมากหรือขยับร่างกายลำบาก
- มีปัญหาการแข็งตัวของหลอดเลือดผิดปกติ
- มีประวัติภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ขาหรือปอด
- มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง
- มีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก
- เป็นผู้ป่วยไมเกรน โรคเบาหวาน โรคตับ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด หรือโรคหัวใจ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : เป็นสิวอักเสบ อาการสิวอักเสบเป็นอย่างไร? แล้วมีวิธีรักษาสิวอักเสบอย่างไร?
การทานยาคุมลดสิว มีประโยชน์อย่างไร?
จากการทดลองการทานยาคุมกำเนิด เพื่อการลดสิว หรือการรักษาสิวนั้น พบว่ามีจำนวนมากที่ปริมาณสิวลดลง และช่วยควบคุมไม่ให้สิวเกิดใหม่ได้เป็นอย่างดี รวมถึงลดระดับความรุนแรงของการอักเสบของสิวได้อีกด้วย แม้ว่าการรับประทานยาคุมเพื่อการรักษาสิว อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน และสร้างสมดุลของฮอร์โมน แต่นับว่าเป็นวิธีรักษาที่ได้รับความนิยมมากพอสมควรเลยค่ะ
ทานยาคุมกำเนิดอย่างไร สามารถลดสิวได้ดีที่สุด
- การปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากยาคุมกำเนิด อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์กับผู้ที่รับประทานได้ ไม่ว่าจะเป็น การคัดเต้านม ปวดศีรษะ มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเป็นต้น
- ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงยาชนิดอื่น ๆ ที่กำลังใช้อยู่ เนื่องจากยาปฏิชีวนะบางชนิด อาจจะไปทำปฏิกิริยากับยาคุมกำเนิด ทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาตัวใดตัวหนึ่งด้อยลงไป หรืออาจจะมีผลกับตัวยาทั้งสองตัวก็ได้เช่นกัน
- ควรรับประทานยาคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่อง ตามลำดับที่ถูกต้อง เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- การกินยาคุมกำเนิด สามารถช่วยในการลดปริมาณการเกิดสิวได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาร่องรอย หรือแผลที่เกิดจากสิวได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ในการดูแลรักษาด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา หรือปัญหาสุขภาพต่าง ๆ
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับทางเลือกดี ๆ ที่สาว ๆ หลายคนอาจจะนำไปเป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสิวเรื้อรัง การเลือกทานยาคุมเพื่อการรักษาสิวนั้น นอกจากจะทำให้สิวหายแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการคุมกำเนิดได้อีกด้วย ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะเหมาะกับการดูแลรักษาด้วยวิธีนี้นะคะ ยังไงก่อนจะเริ่มรักษา ก็ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย ไร้กังวลดีกว่าค่ะ ขอให้ทุกคนหน้าใส ไร้สิว สุขภาพดี กันนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาคุมกำเนิด ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม
ยาคุมกำเนิด กินยังไง ลืมกินยาคุม 2 วัน ทำไงดี คุมกำเนิดแบบไหนดีที่สุด
ยาคุมยี่ห้อไหนดี ยาคุมแต่ละยี่ห้อ มีความแตกต่างกันอย่างไร?
ยาคุมกินแล้วไม่อ้วน มีจริงไหม? กินยาคุมอย่างไรถึงไม่อ้วน?
ที่มา : pobpad