ทำอย่างไร? เมื่อ ลูกแพ้เกสรดอกไม้ พ่อแม่ควรจัดการยังไง อย่างที่รู้กันดีว่าดอกไม้เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่คนส่วนใหญ่นิยมนำมาตกแต่งบ้านกันเป็นอย่างมาก เพราะการที่จะทำให้บ้านเราน่าอยู่มากขึ้น หนึ่งในนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตกแต่งบ้านด้วย สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่รักในการออกแบบและอยากจะเอาดอกไม้มาตกแต่งบ้านสักหน่อย แต่ก็กลัวว่า ลูกแพ้เกสรดอกไม้ ดังนั้นก่อนที่เราจะปลูกดอกไม้ หรือนำอะไรมาตกแต่งที่บ้านเราก็ควรที่จะศึกษาและดูรายละเอียดต่างๆ อย่างรอบคอบว่า สิ่งที่เราจะนำมาปลูกและนำมาตกแต่งนั้นจะเป็นอันตรายต่อลูกหรือคนในครอบครัวหรือเปล่า และสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจัดการวิธีเหล่านี้ยังไง บอกเลยว่าไม่ต้องเป็นกังวลใจไป เพราะวันนี้แอดได้นำวิธีการับมือต่างๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ให้ได้รู้กันแล้ว ส่วนจะมีวิธีจัดการอย่างไรกันบ้างนั้น ตามมาดูกันได้เลย
เกสรดอกไม้ คือ
(รูปโดย Caio จาก Pexels)
ดอกไม้เรียกได้ว่าเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของพืช โดยเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้จะเรียกว่า เกสรตัวผู้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ละอองเรณู” ส่วนเซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมียจะเรียกว่า เกสรตัวเมีย หรือเรียกอีกชื่อว่า “รังไข่” ซึ่งการผสมพันธุ์นั้นจะเป็นการผสมระหว่างเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย โดยละอองเรณูจะเข้าไปผสมหรือไปรวมตัวกันที่รังไข่ ทำให้เกิดการผสมเกสรและกลายเป็นดอกไม้ที่สมบูรณ์นั่นเอง
ทำไมถึงแพ้เกสรดอกไม้
(รูปโดย Anthony จาก Pexels)
มันอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับบางคนที่อยากจะตกแต่งบ้านด้วยดอกไม้ที่ตัวเองชื่นชอบ แต่กลับเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนที่อยากจะตกแต่งบ้านด้วยดอกไม้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถตกแต่งได้เพราะแพ้เกสรดอกไม้นั่นเอง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การแพ้เกสรดอกไม้นั้นเป็นอาการภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับบางคน โดยคนที่จะแพ้เกสรดอกไม้ได้นั้น จะเกิดจากการที่ร่างกายเราได้รับละอองเกสรดอกไม้ หรือพืช ผ่านทางการสูดดมเข้าไปในร่างกาย และถ้ากรณีที่เราแพ้เกสรดอกไม้เมื่อเราได้รับละอองเกสรดอกไม้เข้าไปในร่างกาย สิ่งเหล่านี้ก็จะไปกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาในปริมาณมาก ส่งผลทำให้เราแสดงอาการแพ้ออกมา โดยสารนี้มีชื่อเรียกว่า “ฮีสตามีน” ( histamine ) นั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : 15 ต้นไม้ฟอกอากาศ ในบ้าน ที่จะทำให้คุณแม่และลูกสดชื่นได้ทั้งวัน
อาการภูมิแพ้ “เกสรดอกไม้”
(รูปจาก freepik.com)
สำหรับคนที่แพ้เกสรดอกไม้ลักษณะของอาการที่แสดงออกมาอาจจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน ซึ่งจะประกอบด้วยอาการต่าง ๆ ดังนี้
- บริเวณตา สำหรับบางคนที่แพ้เกสรดอกไม้อาจจะทำให้เรารู้สึกระคายเคืองบริเวณตา คันตา ตาแดง หรือสำหรับบางคนที่แพ้มาก ๆ อาจจะมีอาการน้ำตาไหลออกมาด้วย
- บริเวณผิวหนัง บางคนอาจจะแพ้ด้วยการมีผดขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ของผิวหนัง อาทิเช่น แขน หรือขา เป็นต้น โดยผื่นที่ขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคนเช่นกัน
- บริเวณต่อมหลังเมือก เป็นอีกหนึ่งอาการที่แสดงออกมาสำหรับคนที่แพ้เกสรดอกไม้ ซึ่งอาการที่แสดงออกมาส่วนใหญ่จะส่งผลทำให้มีน้ำมูกและเสมหะเกิดขึ้น
- บริเวณปอดหรือหลอดลม สำหรับคนที่แพ้ในลักษณะนี้ อาการที่แสดงออกมาจะให้เรารู้สึกอยากไอ จาม รวมถึงมีเสมหะออกมาด้วย และสำหรับบางคนอาจส่งผลทำให้หลอดลมเราหดเกร็งตามไปด้วย
- บริเวณจมูก อาการเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อย นั่นคือการภูมิแพ้บริเวณจมูกส่งผลทำให้จมูกเราอักเสบ และมีน้ำมูกใส ๆ ไหลออกมา รวมถึงอาการจามและไอ ที่อาจส่งผลทำให้เราหายใจติดขัดไปด้วยนั่นเอง
ดอกไม้ประเภทไหนที่เหมาะสำหรับ “คนแพ้เกสรดอกไม้”
(รูปจาก madoroom.com)
ใครที่แพ้เกสรดอกไม้ แต่ก็ชอบตกแต่งบ้านและอยากจะปลูกดอกไม้ไว้ภายในบ้านเหมือนกันอื่น ๆ บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องปลูกต้นไม้ชนิดไหน เพื่อที่ตัวเองและลูกจะไม่เป็นอันตราย แน่นอนว่าดอกไม้เหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายต่อเราและลูกของเราอย่างแน่นอน
1. ดอกไม้ที่เราจะนำมาตกแต่งบ้านหรือปลูกไว้ภายในบ้านนั้นจะต้องเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นอ่อนๆ และไม่ฉุนจนเกินไป เพราะถ้าเรานำดอกไม้ที่มีกลิ่นแรงหรือฉุนมากจนเกินไป สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้โรคภูมิแพ้ของคุณกำเริบขึ้นมาได้ อย่างที่รู้กันว่าคนที่แพ้เกสรดอกไม้มักจะมีเยื่อบุโพรงจมูกที่บางและไวต่อกลิ่น ดังนั้นควรเลือกดอกไม้ที่ไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายและลูกดีที่สุด
2. อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการเลือกดอกไม้มาตกแต่งบ้านสำหรับคนที่แพ้เกสรดอกไม้ นั่นคือ ดอกไม้ที่นำมาจะต้องเป็นดอกไม้ที่มีการปกคลุมเกสรอย่างดีและมิดชิด เพื่อที่ดอกไม้ชนิดนั้น ๆ จะได้ไม่ส่งกลิ่นออกมามากนัก เพราะถ้าเราเลือกดอกไม้ที่เห็นเกสรได้ชัดเจน สิ่งที่ตามมาคือแมลงก็จะมาผสมพันธุ์ ส่งผลทำให้ละอองเกสรดอกไม้ลอยไปตามอากาศ และสิ่งนี้เองที่จะทำให้เราเป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ดังนั้นสำหรับใครที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว เราก็ควรจะต้องเลือกปลูกดอกไม้ที่มีกลีบปิดเกสรอย่างมิดชิดนั่นเอง
3. สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอีกหนึ่งอย่างคือ การที่เราจะเลือกดอกไม้มาปลูกหรือตกแต่งภายในบ้านนั้น ดอกไม้ชนิดนั้นจะต้องไม่มีสิ่งกระตุ้นทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณก้าน หนาม หรือขนที่เกิดขึ้นบริเวณดอก เพราะถึงแม้ดอกไม้ชนิดนั้นจะมีกลิ่นที่อ่อนหรือไม่ฉุนมากนัก แต่ถ้าสิ่งต่าง ๆ ของดอกไม้ชนิดสามารถส่งผลทำให้เราเกิดโรคภูมิแพ้ได้ สิ่งนี้ก็เป็นหนึ่งข้อที่เราควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยต่อลูกและคนในครอบครัวของเราเอง
ควรทำอย่างไรเมื่อรู้ว่า “แพ้เกสรดอกไม้”
(รูปโดย user18526052 จาก freepik.com)
1. ปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด สำหรับใครที่รู้ว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวแพ้เกสรดอกไม้ เวลาเราจะออกไปไหนหรือทำอะไรควรที่จะปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นของดอกไม้หรือละอองเกสรดอกไม้ส่งกลิ่นหรือลอยเข้ามาภายในบ้าน โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่ดอกไม้ชนิดนั้นออกดอกเบ่งบาน
2. สำหรับใครที่รู้ว่าตัวเองแพ้เกสรดอกไม้ เมื่อเวลาเราออกไปข้างนอกอาจจะต้องรีบอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะเมื่อไหรที่เราออกไปข้างนอก ละอองเกสรดอกไม้ หรือสารต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้อาจจะติดตามเสื้อผ้าเรามาได้ ดังนั้นวิธีนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคภูมิแพ้เรากำเริบได้
3. อีกหนึ่งวิธีสำหรับคนที่แพ้เกสรดอกไม้ นั่นคือเมื่อเราออกไปข้างนอก เราก็อาจจะต้องใส่หน้ากากอนามัย หรือสวมแว่นตา เพื่อป้องกันไม่ให้ละอองเกสรดอกไม้เข้าสู่ร่างกายเราได้นั้นเอง
4. อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้เราไม่เป็นโรคภูมิแพ้ได้นั้น นั่นคือเราอาจจะติดเครื่องฟอกอากาศไว้ภายในบ้าน เพราะสิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกทางเรื่องที่ดีที่จะทำให้เราและคนในครอบครัวรู้สึกดีและผ่อนคลายขึ้น เพราะเครื่องฟอกอากาศนี้จะช่วยกรองอากาศภายในบ้านให้เราได้เป็นอย่างดี และช่วยลดปริมาณสารที่อาจก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้นั้นลดลงได้
5. นอกจากนี้การออกกำลังกายก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่สำคัญมากๆ เพราะเมื่อไหร่ที่เราออกกำลังกาย ร่างกายเราก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น สิ่งนี้ก็อาจจะช่วยทำให้เราแพ้เกสรดอกไม้ได้ยากมากขึ้นตามไปด้วย
(รูปโดย Just dance จาก shutterstock.com)
ดังนั้นสำหรับใครที่มีลูกหรือคนในครอบครัวแพ้เกสรดอกไม้ เราก็อาจจะต้องระวังและดูแลมากเป็นพิเศษ เวลาที่เราปลูกดอกไม้หรือนำไม้ประดับต่าง ๆ มาตกแต่งบ้านเราก็ควรที่จะเลือกดอกไม้ที่มีกลิ่นอ่อน ๆ ไม่ฉุนจนเกินไป เพื่อที่จะได้ปลอดภัยต่อทุกคนในบ้าน ถึงแม้ดอกไม้ที่เรานำมาตกแต่งอาจจะไม่ได้ส่งกลิ่นหอมอะไรมากนัก แต่ดอกไม้เหล่านี้ก็สามารถทำให้เราออกแบบและตกแต่งบ้านออกมาสวยได้เช่นกัน เพราะสุขภาพของคนในครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราเลือกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และไม่เป็นอันตรายต่อคนในบ้าน สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลทำให้คนในครอบครัวมีความสุข รู้สึกผ่อนคลาย ประกอบกับทำให้บ้านของเราน่าอยู่ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย แและในทางกลับเราถ้าเราปลูกดอกไม้ที่มีกลิ่นฉุนหรือดอกไม้ที่มีกลิ่นแรงมากจนเกินไป สิ่งนี้ก็อาจจะส่งผลอันตรายต่อลูกและคนในครอบครัวก็เช่นกัน ดีไม่ดีอาจทำให้ภูมิแพ้กำเริบได้นั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : ดอกมะลิ ดอกไม้แห่งวันแม่ ที่ซ่อนความหมายไว้มากมาย ประโยชน์ของดอกมะลิ
สวนดอกไม้ เที่ยวสวนดอกไม้ทั่วไทย มาถ่ายรูปสวย ๆ ในทุ่งดอกไม้กันดีกว่า
สวนดอกไม้ เที่ยวสวนดอกไม้ทั่วไทย มาถ่ายรูปสวย ๆ ในทุ่งดอกไม้กันดีกว่า
ที่มา : rmutphysics, mannatureairpurifier, iqualityair
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!