เพราะโรคภูมิแพ้นั้น สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เราจึงมักจะพบว่าเด็กที่เกิดจากครอบครัวที่มีประวัติเป็นภูมิแพ้ มีโอกาสป่วยจากโรคภูมิแพ้ได้ถึงร้อยละ 50 – 80 แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ และเป็นโรคภูมิแพ้นั้นสามารถ ป้องกันภูมิแพ้ ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ ได้
ป้องกันภูมิแพ้ ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ ทำได้อย่างไร?
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้เกิดการตอบสนองที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ เป็นลักษณะที่เราเรียกกันว่า โรคภูมิแพ้ นั่นเอง สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ พันธุกรรม การได้รับสารก่อภูมิแพ้ และสภาพแวดล้อม
แต่คุณแม่รู้หรือไม่ว่า โรคภูมิแพ้นั้น เราสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ ด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่คุณแม่รับประทานเข้าไปในขณะที่ตั้งครรภ์ การดูแลสุขภาพที่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งรวมถึงวิธีการคลอดด้วยเช่นกัน
โภชนาการของคุณแม่ ช่วยป้องกันภูมิแพ้ให้ลูกได้
จากงานวิจัยได้มีการค้นพบว่า หญิงที่ตั้งครรภ์หากได้รับประทานวิตามินดีที่เพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้ของลูกในครรภ์ได้ นั่นเป็นเพราะ วิตามินดี มีคุณสมบัติที่ช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความสามารถในการดูดซึมแคลเซียม ได้ดียิ่งขึ้น
อาหารที่มีวิตามินดีสูง ได้แก่ ไข่ ปลาแซลมอน ปลาทู นมวัว นอกจากนั้น การที่เราออกไปเดินเล่นรับแสงแดด ก็ยังเป็นการเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายโดยธรรมชาติอีกด้วย
นอกจากนี้ กรดไขมันอิ่มตัวชนิดดี ได้แก่ DHA หรือ EPA (n-3 polyunsaturated fatty acid) เป็นสารที่มีผลโดยตรงต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้ลดการอักเสบ และมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองของเด็กอีกด้วย ซึ่งเราจะได้รับสารอาหารเหล่านี้จาก ปลาจากทะเลน้ำลึก เมล็ดพืช และถั่วชนิดต่าง ๆ
เรามักจะพบว่า คุณแม่ที่แพ้ไข่ แพ้นมวัว ทำให้ต้องหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ จนทำให้โอกาสที่ลูกในครรภ์จะได้รับวิตามินดีที่ต้องการลดน้อยลงไป จนส่งผลให้เด็กเกิดอาการภูมิแพ้เมื่อคลอดออกมา ดังนั้น สิ่งที่จะทดแทนได้ นั่นก็คือ การทานวิตามินเสริม ซึ่งการเลือกทานนั้น ควรจะอยู่ในการควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด
คุณแม่หลายคนรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของอาหาร กลัวว่าลูกในครรภ์จะแพ้ จึงงดที่จะทานอาหารบางชนิด แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้แพ้ก็ตาม ซึ่งเป็นความเชื่อผิด ๆ เนื่องจากความกังวลดังกล่าว อาจจะทำให้ตัวคุณแม่ และลูกในครรภ์ ไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น คุณแม่ควรพยายามทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ อย่างสมดุล และควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม นั่นเป็นเพราะน้ำหนักที่เพิ่มมากจนเกินไปในขณะตั้งครรภ์นั้น ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และเสี่ยงเกิดโรคภูมิแพ้ในลูกได้เช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้ในเด็ก โรคยอดฮิตที่พ่อแม่เด็กเล็ก ต้องระวัง!
ป้องกันภูมิแพ้ของลูกได้ ด้วยการเลือกวิธีคลอด
แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ว่า วิธีการคลอดด้วยวิธีการผ่าคลอดนั้น มีผลต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ของทารก จากการศึกษาพบว่า ทารกที่คลอดโดยการผ่าท้องคลอด จะไม่ได้รับเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องคลอด (Microbiome) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่จะก่อเป็นโรคต่าง ๆ และมีผลโดยตรงกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงอาจส่งผลถึงการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติของเด็กที่คลอดออกมาได้ เสี่ยงจะพัฒนาเป็นโรคภูมิแพ้ได้
การป้องกันโรคภูมิแพ้ ในหญิงตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีภาวะเป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่เป็นก็ตาม หากไม่อยากให้ลูกน้อยในครรภ์เป็นโรคภูมิแพ้เมื่อคลอดออกมา ควรปฏิบัติตามดังนี้
-
หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ในขณะตั้งครรภ์
ไม่ว่าจะเป็นการสูบโดยตรง หรือการสัมผัสควันบุหรี่จากคนรอบข้าง ก็ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของปอดสำหรับทารกในครรภ์ได้ ซึ่งโอกาสที่จะทำให้เป็นโรคหอบหืด ก็มีสูงด้วยเช่นกัน
-
หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
โดยเฉพาะในรายที่คุณแม่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่นแพ้ไรฝุ่น แพ้สุนัข แมว หรือละอองเกสร ก็ควรจะควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีสารต่าง ๆ เหล่านี้น้อย เช่นคุณแม่แพ้สุนัข ก็ไม่ควรเลี้ยงสุนัขระหว่างตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด เพราะนอกจากจะทำให้อาการของคุณแม่กำเริบ ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงจะแพ้ของลูกด้วย นอกจากนี้หลีกเลี่ยงมลภาวะ และสารระคายเคืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะนอกบ้าน PM2.5, ควันธูป, ควันจากการเผาไหม้, ไรฝุ่น เป็นต้น
-
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยให้สุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์ แล้วยังช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งความเครียด ความกังวลก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ด้วยเช่นกัน
การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้รับวิตามิน และสารอาหารที่ครบถ้วนโดยเฉพาะกลุ่มผัก ผลไม้ที่จะให้ทั้ง พรีและโพรไบโอติกส์ ทำให้เกิดภาวะสมดุลในลำไส้ จะส่งผลให้สุขภาพทั้งคุณแม่ และลูกที่อยู่ในครรภ์ ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้
-
หลีกเลี่ยงการทานยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะในช่วงตั้งครรภ์หรือช่วงทารกแรกเกิด นั้นมีการศึกษาว่าส่งผลต่อการเกิดภูมิแพ้ เนื่องจากยาเหล่านี้ไปเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในร่างกาย (microbiome) ทำให้เสียสมดุล
บทความที่เกี่ยวข้อง : จุลินทรีย์ดี Probiotics โพรไบโอติกส์ อีกหนึ่งความหวัง ในการช่วยต้าน โรคภูมิแพ้
ป้องกันลูกให้ห่างไกลโรคภูมิแพ้ หลังคลอด
1. เพิ่มภูมิคุ้มกันลูก ด้วยนมแม่
หลังจากที่ปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้นอย่างต่อเนื่องแล้ว เมื่อทารกคลอดออกมา คุณแม่ควรเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับลูกด้วยการให้เด็กได้รับประทานนมแม่อย่างน้อย 4-6 เดือน เนื่องจากน้ำนมแม่เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่สามารถเข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเด็ก รวมไปถึงพรีและโพรไบโอติกส์ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นตามลำดับ
2. การให้อาหารเสริมแก่ลูกน้อย
การให้อาหารเสริมกับลูก นับว่าเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับตัวเด็ก แต่ควรให้ช่วงอายุ 4 เดือน ไม่เกิน 6 เดือน โดยให้เริ่มอาหารใหม่ทีละชนิดทุก ๆ 3-5 วันในรายที่มีความเสี่ยง โดยแนะนำให้เริ่มด้วยข้าว ผัก ผลไม้ แล้วค่อยตามด้วยเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับอายุของเด็ก
3. อาหารที่มีโอกาสแพ้สูง
การเริ่มอาหารที่มีโอกาสทำให้เกิดการแพ้ได้สูง ได้แก่ นมวัว ถั่วเหลือง ไข่ แป้งสาลี ถั่วลิสงและถั่วเปลือกแข็งอื่น ๆ และปลา รวมถึงอาหารทะเล สามารถเริ่มให้ทานได้หลังอายุ 4-6 เดือนไปแล้ว โดยค่อย ๆ เริ่ม อาหารกลุ่มเสี่ยงทีละชนิดในเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรคภูมิแพ้ ค่อย ๆ สังเกตอาการผิดปกติ หากไม่แน่ใจควรหยุดกินอาหารนั้นทันทีและ อาจค่อยทดลองใหม่หากอาการไม่รุนแรง แต่ถ้ามีอาการผิดปกติที่รุนแรงเช่น หน้าบวม ตาบวม หายใจลำบาก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ เพื่อพิจารณาทำการทดสอบการแพ้อาหารต่อไป
หากคุณแม่รับมือกับโรคภูมิแพ้ได้อย่างถูกต้องตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ก็จะช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพของทารกให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีพัฒนาการที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ ที่มีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้อย่างแน่นอน
พญ.วราลี ผดุงพรรค กุมารแพทย์ภูมิแพ้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ภูมิแพ้จมูกอักเสบ สาเหตุของโรค และวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นแพ้ผิวหนังในเด็ก รักษาด่วนก่อนเรื้อรัง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!