เด็กเล็กกินกะหล่ำปลีได้ไหม ? ทานอย่างไรจึงจะเหมาะสม ตอบข้อสงสัยให้คุณแม่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เพราะการเลือกสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กเล็กเป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพของเด็ก ๆ กะหล่ำปลี เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับเด็ก เพราะเป็นผักที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ในวันนี้ เราจะมาหาคำตอบกันว่า เด็กเล็กกินกะหล่ำปลีได้ไหม พร้อมแนะนำวิธีการปรุงอาหารด้วยกะหล่ำปลีสำหรับเด็ก ๆ จะมีแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ!

 

ประโยชน์ของการเพิ่มกะหล่ำปลีในอาหารของลูก

กะหล่ำปลี เป็นอีกหนึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นมากมายที่จำเป็นต่อเด็ก ๆ เพราะเด็ก ๆ ต้องการสารอาหารเหล่านี้ เพื่อการเจริญเติบโต และเสริมพัฒนาการที่ดี นอกจากนี้ กะหล่ำปลี ยังเป็นผักตระกูลกะหล่ำ ซึ่งหมายความว่า มีสารประกอบที่พบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ลดการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอล และส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ นอกจากนี้ กะหล่ำปลียังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก! โดยจะสามารถช่วยปกป้องลูกน้อยของคุณจากการเจ็บป่วยได้ดี

 

เด็กเล็กกินกะหล่ำปลีได้ไหม ?

เมื่อเราอยากจะแนะนำให้ลูกลองกินกะหล่ำปลี เราควรเริ่มเมื่อลูกน้อยอายุ 12 เดือนขึ้นไป โดยสิ่งสำคัญคือ ต้องสังเกตว่า เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และระยะเวลาในการแนะนำกะหล่ำปลีให้ทาน อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสุขภาพและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล คุณแม่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า เด็ก ๆ นั้นได้รู้จักหรือเคยทานผักชนิดอื่น ๆ แล้ว เช่น แครอท ถั่วลันเตา เนื่องจากกะหล่ำปลีนั้นเป็นผักที่อาจทำให้เด็กย่อยยากมากขึ้น เราต้องค่อย ๆ ปรับให้เด็กมีความเคยชินก่อนค่ะ

 

 

วิธีแนะนำให้ลูกลองกินกะหล่ำปลี

การแนะนำให้ลูกลองกินกะหล่ำปลี เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อเพิ่มความสมดุลในร่างกาย โดยกะหล่ำปลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ ที่สามารถผสมกับสารอาหารได้หลายอย่าง หลายวิธีมาก เมื่ออยากจะให้เด็ก ๆ เริ่มกินกะหล่ำปลี เราควรเริ่มจากสายพันธุ์เล็ก ๆ ที่จะทำให้ย่อยได้ง่ายก่อน เช่น กะหล่ำปลีหวาน หรือผักกาดขาวปลี เป็นต้น คุณแม่ควรเริ่มต้นด้วยการทำกะหล่ำปลีปรุงสุก หรือนึ่งก่อน ที่จะเริ่มนำมาทำอาหารแบบดิบ หรือแบบหมัก เพื่อให้ร่างกายของลูกปรับความสมดุล และช่วยให้ย่อยอาหารได้ดี นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถปั่น หรือบดกะหล่ำปลี แล้วเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงหรือผสมกับผักอื่น ๆ ได้ด้วย แต่ว่าอย่าลืมสังเกตปฏิกิริยาของลูกน้อยที่ต่อกะหล่ำปลีด้วยนะคะ เพราะเด็ก ๆ นั้นก็อาจจะยังไม่พร้อมที่จะลองกินกะหล่ำปลีได้เลยในครั้งแรกก็เป็นได้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 เมนูกะหล่ำปลี ทานง่าย กรอบอร่อย ไม่น่าเบื่อ กินได้ทั้งครอบครัว!

 

เคล็ดลับในการปรุงกะหล่ำปลีอย่างปลอดภัย สำหรับลูก

การเตรียมกะหล่ำปลีสำหรับเด็กเล็ก อาจเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และมีคุณค่าทางโภชนาการ แน่นอนว่า หากทำอย่างถูกวิธี ก็จะมีความปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ เราจะมาแนะนำเคล็ดลับ และข้อควรคำนึงถึงเกี่ยวกับการปรุงกะหล่ำปลี เพื่อให้แน่ใจว่า มื้ออาหารในครั้งนี้ จะปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ ดังนี้ค่ะ

  1. อย่าลืมล้างและล้างกะหล่ำปลีให้สะอาดก่อนเตรียมอาหาร
  2. หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอคำ ก่อนนำไปปรุงอาหาร
  3. ปรุงกะหล่ำปลีจนนุ่ม แต่ไม่นิ่มเกินไป
  4. บดกะหล่ำปลีเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลขึ้น หากลูกเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะเคี้ยวอาหาร
  5. ปรุงกะหล่ำปลีแบบบดอย่างละเอียด เพื่อให้เหมาะสมสำหรับให้เด็กทาน

กะหล่ำปลีเป็นอาหารที่ดีสำหรับเด็ก นอกจากนี้ กะหล่ำปลียังย่อยง่าย ทำให้เป็นอาหารมื้อแรกที่ดีมาก ๆ สำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มทานอาหารแข็งเป็นครั้งแรก สิ่งสำคัญในการให้เด็กได้เริ่มทานคือ ต้องค่อย ๆ แนะนำอย่างช้า ๆ และคอยสังเกตอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น โดยเมนูแนะนำ เราแนะนำเป็น น้ำซุปข้นกะหล่ำปลี เพราะเป็นเมนูที่จะแสดงรสชาติของกะหล่ำปลี ให้เด็ก ๆ ที่เริ่มทาน ทานได้อย่างง่ายดาย โดยน้ำซุปข้นปรุงสุกนั้นจะประกอบไปด้วยการต้ม นึ่ง และคั่ว ในขณะที่น้ำซุปข้นดิบ สามารถทำจากกะหล่ำปลีดิบขูดฝอยหรือขูด เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ โดยคุณแม่สามารถเพิ่มผักอื่น ๆ ลงในน้ำซุปข้นได้เช่นกัน เพื่อสารอาหารที่เพิ่มมากขึ้นไปอีก

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

วิธีการปรุงอาหารที่ปลอดภัย สำหรับเด็กเล็ก

สำหรับเด็กเล็ก สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงก็คือ วิธีการปรุงอาหาร และสูตรอาหารที่ใช้ในการเตรียมกะหล่ำปลี แม้ว่าการต้มและการอบโดยทั่วไปแล้ว จะมีความปลอดภัยและดีต่อสุขภาพสำหรับเด็ก แต่วิธีที่เราไม่แนะนำก็คือ วิธีการปรุงด้วยการทอด ผัด และผัด เนื่องจากวิธีการปรุงอาหารเหล่านี้อาจทำให้อาหารมีไขมันและน้ำมันมากเกินไปสำหรับเด็ก โดยกะหล่ำปลีสามารถนึ่งด้วยไมโครเวฟ หรือบดเป็นซุปก็ได้ เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางโภชนาการของกะหล่ำปลีอย่างสูงสุด การปรุงเหล่านี้ จะเป็นวิธีการปรุงอาหารที่มีประโยชน์ เพราะใช้ไขมัน และน้ำมันน้อยที่สุด และใช้วัตถุดิบสดใหม่เท่านั้นนั่นเอง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ตัวอย่าง เมนูกะหล่ำปลี สำหรับเด็ก

เด็กเล็กสามารถเพลิดเพลินกับกะหล่ำปลีได้หลากหลายเมนูมาก ตั้งแต่กะหล่ำปลีที่นำมาทำเป็นซุป ไปจนถึงย่าง ผัด และน้ำซุปข้น และนี่คือตัวอย่างเมนูอาหารจากกะหล่ำปลี ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และอร่อยมาก ๆ ที่เด็กแทบทุกคนจะต้องชอบ และเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี

  • อาหารเช้า : ข้าวโอ๊ตกับกะหล่ำปลีปรุงสุก และแอปเปิ้ลหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
  • อาหารกลางวัน : ซุปกะหล่ำปลี กับมันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แครอท และขึ้นฉ่ายฝรั่ง
  • อาหารว่าง : กะหล่ำปลีย่างกับครีมด้านข้าง
  • อาหารเย็น : ปลาแซลมอนอบกับกะหล่ำปลีผัดและถั่วลันเตา
  • ของหวาน : น้ำซุปข้นกะหล่ำปลี กับแอปเปิ้ลขูด และน้ำผึ้ง

 

 

คุณค่าทางโภชนาการของกะหล่ำปลี สำหรับเด็กเล็ก

กะหล่ำปลีเป็นแหล่งโภชนาการที่ดีเยี่ยมสำหรับเด็ก ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน A, C และ K รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก กะหล่ำปลียังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาระบบย่อยอาหารที่เหมาะสม นอกจากนี้ กะหล่ำปลียังมีแคลอรีและไขมันต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับเด็กที่น้ำหนักขึ้นเร็วเกินไป และยังสามารถช่วยให้ลูก รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ เนื่องจากกะหล่ำปลีทำให้อิ่มโดยไม่ต้องเพิ่มแคลอรีมากนัก

 

โดยสรุปแล้ว กะหล่ำปลีเป็นอาหารเสริมที่ยอดเยี่ยมและมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับอาหารของเด็กมาก ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้ลูกน้อย ได้รู้จักรสชาติและเนื้อสัมผัสต่าง ๆ ของอาหารมากขึ้น โดยเมื่อเราอยากจะทำเมนูกะหล่ำปลีให้กับลูกน้อย อย่าลืมว่า จำเป็นต้องปรุงสุก หรือบดแล้วเสิร์ฟในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ๆ 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

เด็กเล็กกินข้าวกล้องได้ไหม หุงแบบไหนให้ลูกกินได้ง่ายที่สุด

เด็กเล็กกินมะม่วงได้ไหม ปรุงแบบไหนให้ลูกวัยเตาะแตะกินง่าย

เด็กเล็กกินเต้าหู้ได้ไหม ? ตอบข้อสงสัยที่แม่อยากรู้ เต้าหู้มีประโยชน์ต่อลูกแค่ไหน

ที่มา : hellokhunmor

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Woraya Srisoontorn