เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ 8 อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าลูกน้อยแล้ว แต่คงไม่มีใครอยากคลอดก่อนกำหนด ช่วงนี้คุณแม่ควรเฝ้าระวัง อาการครรภ์เป็นพิษ 8 เดือน ที่อาจส่งผลต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เรามาทำความรู้จักครรภ์เป็นพิษ สาเหตุ อาการ อันตรายจากครรภ์เป็นพิษ และวิธีป้องกันครรภ์เป็นพิษกันค่ะ
ครรภ์เป็นพิษ คืออะไร
ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ มักเกิดหลังสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ท้องแรก คุณแม่ที่เคยเป็นครรภ์เป็นพิษมาก่อน คุณแม่ที่มีลูกแฝด หรือมีภาวะโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต
ครรภ์เป็นพิษ เกิดจากอะไร
ครรภ์เป็นพิษ เกิดจากภาวะผิดปกติของรก ซึ่งโดยปกติแล้วรกจะฝังตัวบริเวณเยื่อบุผนังมดลูก แต่ในกรณีของครรภ์เป็นพิษ รกจะฝังตัวได้ไม่แน่น ส่งผลให้เกิดภาวะขาดเลือดและออกซิเจน ทำให้รกบางส่วนเกิดการเสื่อมสภาพและหลั่งสารพิษเข้าสู่กระแสเลือดของแม่ทีละน้อย
สารพิษเหล่านี้จะค่อยๆ สะสม ส่งผลร้ายแรงต่ออวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายของแม่ เช่น
- ความดันโลหิตสูง: เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคชัก
- ตาพร่ามัว: อาจรุนแรงจนมองไม่เห็น
- ตับวาย: ส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย
- ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด: ทารกอาจคลอดก่อนกำหนด ส่งผลต่อสุขภาพ
- ทารกน้ำหนักตัวน้อย: ทารกอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
อาการครรภ์เป็นพิษ 8 เดือน
จะรู้ได้อย่างไรว่าครรภ์เป็นพิษ? สังเกตได้จากสัญญาณเตือนของ อาการครรภ์เป็นพิษ 8 เดือน ที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่
- ความดันโลหิตสูง: 140/90 มิลลิเมตรปรอท หรือมากกว่านี้ วัดติดต่อกัน 2 ครั้งขึ้นไป ห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- บวม: บวมตามใบหน้า มือบวม เท้าบวม หรือทั่วตัว
- ปัสสาวะมีโปรตีน: ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ
- ปวดศีรษะรุนแรง: ปวดไม่ทุเลา กินยาแล้วไม่ดีขึ้น
- คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง: อาเจียนจนไม่สามารถทานอาหารหรือดื่มน้ำได้
- ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวา: อาจเป็นสัญญาณของตับทำงานผิดปกติ
- สายตาพร่ามัว: เห็นภาพลอย มองไม่ชัด
- ทารกดิ้นน้อยลง: รู้สึกว่าทารกดิ้นน้อยลงกว่าปกติ
นอกจากสัญญาณเตือนข้างต้นแล้ว อาการอื่น ๆ ของครรภ์เป็นพิษ อาจรวมไปถึง รู้สึกเพลีย อ่อนแรง เวียนหัว หูอื้อ เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก
สาเหตุของครรภ์เป็นพิษ
สาเหตุที่แน่ชัดของครรภ์เป็นพิษยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย เช่น
- การเปลี่ยนแปลงของระบบไหลเวียนโลหิต: ในระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะสร้างเส้นเลือดใหม่เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงทารก บางครั้งเส้นเลือดเหล่านี้ทำงานผิดปกติ ทำให้ความดันโลหิตสูง
- ระบบภูมิคุ้มกัน: ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจตอบสนองต่อรกของทารกมากเกินไป ส่งผลต่ออวัยวะต่าง ๆ
- ปัจจัยทางพันธุกรรม: คุณแม่ที่มีครอบครัวเป็นครรภ์เป็นพิษ มีโอกาสเป็นมากกว่า
ครรภ์เป็นพิษมีโอกาสหายไหม?
การรักษาครรภ์เป็นพิษทำได้โดยการผ่าคลอด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากอายุครรภ์เป็นหลัก หากอายุครรภ์ยังไม่สามารถทำการคลอดได้ แพทย์จะให้ยากระตุ้นปอด และพิจารณาว่าทารกจะสามารถอยู่ในครรภ์ได้นานที่สุดกี่วัน แต่หากอายุครรภ์สามารถคลอดได้ แพทย์จะทำการผ่าคลอดหรือเร่งคลอดเพื่อหยุดความรุนแรงของโรก หลังคลอดทั้งคุณแม่และลูกน้อยจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
กรณีอาการไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ นอนตะแคงข้างซ้าย ตรวจวัดความดันโลหิตและปัสสาวะเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนัก งดอาหารเค็ม เพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
ครรภ์เป็นพิษกินอะไรได้บ้าง?
ครรภ์เป็นพิษ อาหารที่ควรกิน
คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีน ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการ เพื่อวางแผนการทานอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายและทารกในครรภ์
- ผักและผลไม้: อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดี ป้องกันท้องผูก และยังช่วยควบคุมความดันโลหิต
- ธัญพืชไม่ขัดสี: แหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ให้พลังงานอย่างยั่งยืน ช่วยให้อิ่มนาน
- เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ: แหล่งโปรตีนสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของทารก
- ปลา: แหล่งโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมองและสายตาของทารก
- ไข่: แหล่งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ครบถ้วน
- นม: แหล่งแคลเซียม สำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันของทารก
ครรภ์เป็นพิษห้ามกินอะไร?
ครรภ์เป็นพิษ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารที่มีโซเดียมสูง: เช่น อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง เพราะโซเดียมทำให้อาการบวมแย่ลง
- อาหารไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์: เช่น อาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด เพราะไขมันเหล่านี้ส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง: เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน เพราะน้ำตาลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
- คาเฟอีน: ชา กาแฟ เพราะคาเฟอีนอาจส่งผลต่อความดันโลหิต
- แอลกอฮอล์: เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
ครรภ์เป็นพิษอันตรายไหม?
ครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ทั่วโลก ข้อมูลระบุว่า คุณแม่ 100 คน จะมีคุณแม่ที่เผชิญภาวะนี้ถึง 4 คน โดย 80% ของผู้ป่วยจะมีอาการไม่รุนแรง แต่ 20% ที่เหลือ อาจมีอาการรุนแรงจนส่งผลต่อสุขภาพของทั้งแม่และทารก
- ครรภ์เป็นพิษส่งผลต่อคุณแม่ ได้แก่ ครรภ์เป็นพิษรุนแรง (HELLP syndrome) ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด คลอดก่อนกำหนด เกล็ดเลือดต่ำ น้ำท่วมปอด ชัก ตับหรือไตวาย เลือดออกในสมอง หากรุนแรงมีโอกาสเสียชีวิต
- ครรภ์เป็นพิษส่งผลต่อทารก ได้แก่ ทารกน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็ก โตช้า ทารกคลอดก่อนกำหนด รกลอกตัวก่อนกำหนด หากรุนแรงมีโอกาสเสียชีวิตในครรภ์แม่
วิธีป้องกันไม่ให้ครรภ์เป็นพิษ
ครรภ์เป็นพิษสามารถป้องกันได้ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ปฏิบัติตัว ดังนี้
- ตรวจสุขภาพครรภ์ตามนัด: แพทย์จะตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจปัสสาวะ และติดตามความเจริญเติบโตของทารก
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีน
- ควบคุมน้ำหนัก: ไม่ควรปล่อยให้ท้วมหรืออ้วนมากเกินไป
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เช่น เดิน ว่ายน้ำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนวันละ 7-9 ชั่วโมง
- จัดการความเครียด: ฝึกผ่อนคลาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ
- งดสูบบุหรี่:
- แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว: เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต
การดูแลสุขภาพที่ดี ระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันครรภ์เป็นพิษ หากคุณแม่มีความกังวลหรือข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์ที่คุณแม่ฝากครรภ์ค่ะ
ที่มา : โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลเพชรเวช
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ รับมืออย่างไรดี มีผลกับลูกในท้องหรือไม่
9 วิธีลดอาการบวมระหว่างตั้งครรภ์ ท้องแล้วเท้าบวม ทำไงดี
ความดันคนท้อง ต่ำไป สูงเกิน เป็นอันตรายได้นะแม่ ตอนท้องควบคุมความดันอย่างไร