5 ปัญหาหลังคลอดปล่อยไว้ไม่ดีแน่

ตามปกติแล้วหากเราพูดถึงการตั้งครรภ์และการคลอด ส่วนใหญ่ทั้งคุณหมอและคุณแม่จะให้ความสนใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์และปัญหาในการคลอดมากกว่า แต่ปัญหาหลังคลอดมักไม่กล่าวถึงกันเท่าใดนัก ทั้ง ๆ ที่บางปัญหาหลังคลอดอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างถูกต้อง มาดูกันว่า 5 ปัญหาหลังคลอดมีอะไรบ้าง บทความนี้จะแบ่งออกเป็น 2 Part นะคะ Part 1 ปัญหาหลังคลอด Part 2 การดูแลตนเองหลังคลอด ติดตามอ่าน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5  ปัญหาหลังคลอดปล่อยไว้ไม่ดีแน่

Part 1 : 5 ปัญหาสำคัญหลังคลอด

ปัญหาหลังคลอดที่มักพบอยู่เสมอ  บางอาการไม่ร้ายแรง แต่บางอาการปล่อยไว้อันตรายถึงชีวิต มาดูกันค่ะว่ามีปัญหาอะไรบ้าง

1. ปัญหาหลังคลอด : เจ็บฝีเย็บ

ปัญหาหลังคลอดที่มักพบ  ได้แก่  เจ็บฝีเย็บเป็นปัญหาที่ต้องพบเจออย่างแน่นอน การเจ็บฝีเย็บอาจเกิดจากการฉีกขาดเองหรือจากการตัดหลังจากทำคลอดแล้ว  แต่อาการเจ็บฝีเย็บโดยทั่วไปคุณแม่เพียงแค่ทานยาแก้ปวดก็บรรเทาลงแล้วค่ะ  ผ่านไป 3 – 4 วัน อาการที่เจ็บจะเริ่มดีขึ้นมาก

แต่อาการเจ็บฝีเย็บที่น่าเป็นห่วง คือ มีอาการเจ็บปวดมาก  เจ็บจนทรมานทานยาก็ไม่หาย บางรายมีรอยบวมแดงหรืออาจมีเลือดออกแบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อหลังคลอดได้  รีบไปพบคุณหมอโดยด่วนเลยนะคะ  เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เอง

2. ปัญหาหลังคลอด : ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ

ในขณะที่คลอด  ศีรษะของทารกจะเคลื่อนต่ำมากดท่อปัสสาวะ  ส่งผลทำให้ท่อปัสสาวะบวม ทำให้เวลาที่คุณแม่ถ่ายปัสสาวะลำบาก เนื่องจากเกิดการคั่งค้างของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ และทำให้ติดเชื้อได้ง่าย บางคนก็เกิดการติดเชื้อเฉพาะในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมักไม่ค่อยมีไข้ เพียงแต่จะมีแค่อาการถ่ายปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะแสบขัดโดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะจะสุด

แต่คุณแม่บางคนมีอาการอักเสบติดเชื้อด้วยและลามไปถึงกรวยไต  เมื่อเป็นเช่นนี้คุณแม่จะมีอาการไข้  หนาวสั่น ไม่ควรปล่อยไว้นะคะต้องรีบพบคุณหมอโดยด่วนเพราะอาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้  ร้ายแรงจนถึงช็อกและเสียชีวิตได้ค่ะ

3. ปัญหาหลังคลอด : เป็นไข้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ภายหลังคลอดทันทีจนถึงประมาณ 1 ชั่วโมง  คุณแม่อาจจะรู้สึกว่าตัวเองมีอาการตัวรุม ๆ หนาวสั่นคล้ายจะมีไข้ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากภายหลังคลอดใหม่ ๆ คุณแม่มีการเสียเลือดไปจากร่างกายค่อนข้างมากและทันที ทำให้ร่างกายต้องมีการปรับตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เมื่อคุณแม่ปรับตัวได้แล้ว อาการไข้ก็จะหายไปได้เอง

แต่สิ่งที่น่ากังวลสำหรับคุณแม่ที่เมื่ออาการไข้หลังคลอดที่เกิดจากช่วงปรับตัวหายแล้ว แต่ในวันต่อมากลับมีไข้ขึ้นมาอีก ต้องให้คุณหมอตรวจดูก่อนนะคะว่า  สาเหตุของอาการไข้นั้นเกิดจากอะไร  รุนแรงแค่ไหน  เช่น

ไข้หวัด  ในห้องคลอดอากาศค่อนข้างเย็น  คุณแม่ที่กว่าจะคลอดและเจ็บครรภ์เป็นเวลานานทำให้ต้องนอนอยู่ห้องคลอดนาน  อีกทั้งร่างกายอ่อนเพลีย อาการนี้เพียงแค่ ไอ  จาม หรือมีน้ำมูก ซึ่งไม่มีอันตรายใด ๆ

มดลูกอักเสบ   คุณแม่ที่มีปัญหาขณะคลอด เช่น มีน้ำเดินนาน มีการตรวจภายในบ่อยครั้ง มีการทำหัตถการต่าง ๆ เช่น ใช้คีมช่วยคลอด มีการล้วงรก รวมทั้งคุณแม่บางคนมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคเอสแอลอี คุณแม่เหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะมีการอักเสบของมดลูกได้ ซึ่งถ้าเป็นเพียงเล็กน้อย คุณแม่อาจจะมีอาการเพียงแค่เลือดออกผิดปกติหลังคลอด แต่ถ้าอาการรุนแรงขึ้นก็จะมีไข้ มีอาการเจ็บที่มดลูก และมีตกขาวผิดปกติ ร่วมด้วย

ฝีเย็บอักเสบ  อาการเช่นนี้จะทำให้คุณแม่มีอาการปวดอย่างมาก และอาจมีไข้ขึ้นร่วมด้วย บางรายมีหนองเกิดขึ้นบริเวณฝีเย็บเนื่องจากการอักเสบรุนแรง

4. ปัญหาหลังคลอด : ตกเลือด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การตกเลือดหลังคลอด แบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ ระยะแรกคือ การตกเลือดภายหลังคลอดทันทีหรือภายใน 24 ชั่วโมง หลังคลอด และระยะที่ 2 คือ การตกเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังคลอดในระยะเวลาตั้งแต่ 24 ชั่วโมงไปจนถึง 6 สัปดาห์ภายหลังคลอด

การตกเลือดหลังคลอดทันที

– มักมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี

– การฉีกขาดของช่องคลอด การมีรกค้าง

– ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

– อาการตกเลือดหลังคลอดจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตจากการเสียเลือดได้

– ปัญหาการตกเลือดหลังคลอดทันทีมักจะเป็นเรื่องที่รุนแรง แต่ข้อดีก็คือปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นขณะที่คุณแม่ยังคงนอนในโรงพยาบาล ทำให้การดูแลรักษามักไม่ล่าช้า

ส่วนการตกเลือดภายหลังคลอดนานเกิน 24 ชั่วโมงไปแล้ว

– สาเหตุมักจะเกิดจากมดลูกอักเสบและการมีเศษรกหรือเศษถุงน้ำคร่ำค้างอยู่ในโพรงมดลูก ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเพียงชิ้นเล็ก ๆ

– สาเหตุทั้ง 2 ประการมักจะทำให้คุณแม่มาพบคุณหมอด้วยอาการคล้าย ๆ กัน คือ น้ำคาวปลาที่เคยมีสีแดงแล้วจางลงจนเป็นสีเหลืองและขาว กลับมีสีแดงขึ้นมาใหม่

– หากมีอาการดังกล่าว คุณแม่ต้องรีบมาพบคุณหมอ  ถ้าเป็นการอักเสบของมดลูกคุณหมอก็จะให้การรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ แต่ถ้ามีเศษรกหรือเศษถุงน้ำคร่ำค้าง คุณแม่อาจจำเป็นต้องรับการขูดมดลูก

บทความแนะนำ  ตกเลือดหลังคลอดอันตรายถึงชีวิต

5. ปัญหาหลังคลอด : น้ำคาวปลาผิดปกติ

น้ำคาวปลาปกติเป็นอย่างไร

– น้ำคาวปลาปกติ หมายถึง เลือดและเยื่อบุโพรงมดลูกที่มีการฉีกขาดและหลุดลอกออกมาร่วมกันภายหลังคลอด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

– ในระยะ 2-3 วันแรกจะมีสีแดงจากการที่ยังมีเลือดออกค่อนข้างเยอะ หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน เลือดจะออกน้อยลง ทำให้น้ำคาวปลาสีจางลง

– ภายหลังคลอดประมาณ 10 วัน น้ำคาวปลาจะออกน้อยและภายในช่องคลอดเริ่มมีการสร้างตกขาวปนออกมากับน้ำคาวปลา ทำให้น้ำคาวปลาในระยะนี้มีสีขาวปนเหลือง และเหนียวข้น และหลังจากนั้นน้ำคาวปลาก็จะหมดไปกลายเป็นตกขาวตามปกติ

น้ำคาวปลาที่ผิดปกติ

– น้ำคาวปลาที่ผิดปกติ  หมายถึง น้ำคาวปลามีคุณสมบัติต่างจากน้ำคาวปลาที่ปกติ ซึ่งอาจจะเป็นความผิดปกติของ ลักษณะปริมาณ หรือช่วงระยะเวลาที่น้ำคาวปลาไหลออกมา

– น้ำคาวปลาที่ผิดปกติซึ่งที่พบได้บ่อย ๆ มี 2 ชนิด คือ น้ำคาวปลาที่เคยจางลงแล้วกลับมามีสีแดงใหม่และน้ำคาวปลาที่มีกลิ่นเหม็น

– น้ำคาวปลาที่กลับมามีสีแดงใหม่ส่วนมากแล้วเกิดจากการที่มีเศษรกค้างอยู่ในมดลูกหรือมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก สำหรับปัญหาว่าทำไมบางคนรกถึงค้างในมดลูกไม่ยอมคลอดเหมือนคนอื่น ๆ สาเหตุที่พบบ่อย ๆ คือ  คุณแม่เคยมีการอักเสบติดเชื้อในมดลูกมาก่อน หรือเคยขูดมดลูกมาหลายครั้ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดการอักเสบในมดลูก หรือถ้าเคยขูดมดลูกก็อาจทำให้ผนังของโพรงมดลูกไม่เรียบ มีแผลทำให้รกเกาะติดแล้วลอกตัวได้ไม่ดี ทำให้มีปัญหารกค้าง

– น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น  ปกติน้ำคาวปลาจะมีกลิ่นคาวเลือด แต่ถ้ามีกลิ่นเหม็นแสดงว่าน่าจะมีการติดเชื้อในมดลูกสำหรับ สาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อน่าจะเกิดจากการที่ปล่อยให้น้ำเดินเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้เชื้อโรคซึ่งอยู่บริเวณช่องคลอดเข้าไปในมดลูกได้ นอกจากนี้ การตรวจภายในเป็นระยะ ๆ เพื่อดูว่าการเจ็บครรภ์ของคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าตรวจบ่อยครั้งก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

บทความแนะนำ  ไขข้อข้องใจ น้ำคาวปลาของแม่หลังคลอด

อ่าน Part 2 การดูแลตนเองหลังคลอด  คลิกหน้าถัดไป

Part 2 : การดูแลตนเองหลังคลอด

หลังคลอดแล้วมาดูวิธีการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม  มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากค่ะ

1. หลังคลอดควรพักผ่อนให้มากที่สุด

หลังคลอดแล้ว  คุณแม่ยังมีร่างกายที่อ่อนแอและอ่อนเพลียมาก ดังนั้น คุณแม่ควรพักผ่อนให้มากในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด โดยควรนอนพักผ่อนกลางคืนให้ได้ 6-8 ชั่วโมง และพักผ่อนในช่วงกลางวัน โดยหลับไปพร้อมกับลูก พักผ่อนอย่างน้อย ประมาณ 30 นาที  ในช่วง 6 สัปดาห์หลังคลอด คุณแม่ไม่ควรหยิบหรือยกของหนัก ๆ เด็ดขาด เพราะช่วงนี้กล้ามเนื้อมดลูกกำลังกลับคืนสู่สภาพเดิม หากคุณแม่พักผ่อนน้อยหรือยกสิ่งของหนักก็อาจกระทบกระเทือนถึงอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานมดลูกได้

2. หลังคลอดรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์

ในช่วงที่ร่างกายคุณแม่กำลังฟื้นตัวคุณแม่ควรรับประทานอาหารจำพวกเนื้อ นม ไข่ ผักและผลไม้สด งดอาหารที่มีรสจัด ของหมักดองทุกชนิด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อป้องกันอาการท้องผูก สำหรับคุณแม่ให้นม  การจิบน้ำอุ่นตลอดวันจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้มีน้ำนมสำหรับทารกมากขึ้นนะคะ

บทความแนะนำ  หัวปลาต้มมะละกอดิบ อาหารเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่

3. รักษาความสะอาดของร่างกายหลังคลอดสำคัญนะ

– คุณแม่สามารถอาบน้ำชำระล้างร่างกายได้ตั้งแต่ 12-14 ชั่วโมงหลังคลอด หมั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่เพราะหลังคลอดคุณแม่มักมีเหงื่อออกง่าย

– สำหรับคุณแม่ที่มีน้ำนมออกมาแล้วแนะนำให้เปลี่ยนเสื้อชั้นในบ่อย ๆ หรืออาจใช้แผ่นซับน้ำนมก็สามารถช่วยได้เช่นกันค่ะ

– ทุกครั้งที่คุณแม่อาบน้ำควรทำความสะอาดหัวนมอยู่เสมอ สำหรับก่อนให้นมลูกคุณแม่ควรใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดบริเวณเต้านมและรอบหัวนมให้สะอาด หลังจากให้นมลูกเสร็จแล้วคุณแม่ก็เช็ดหรือล้างทำความสะอาดอีกรอบค่ะ

–  การรักษาความสะอาดอวัยวะเพศให้เป็นอย่างดีทุกครั้งหลังการขับถ่าย เพราะในช่วงหลังคลอด น้ำคาวปลาจะถูกขับออกมาเยอะ ทุกครั้งที่คุณแม่ขับถ่ายเสร็จแล้วจึงควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นและหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่มดลูกจนอาจก่อให้เกิดอาการอักเสบติดเชื้อได้

4. งดมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์

สำหรับคุณแม่ที่คลอดโดยธรรมชาติ ควรงดการมีสัมพันธ์อย่างน้อย 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการฉีกขาดของแผล

บทความแนะนำ  การมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดลูกสำหรับผู้หญิง

5. ออกกำลังกายฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอด

หลังคลอดคุณแม่สามารถออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงหลังคลอด 6 สัปดาห์เป็นต้นไป  ช่วงแรกอาจจะเป็นการเดินหรือทำงานบ้านเบา ๆ ไปก่อน การออกกำลังกายจำเป็นอย่างมากเพื่อช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในให้กลับคืนสู่สภาพปกติได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักให้หุ่นกลับมาเพรียวกระชับสำหรับคุณแม่หลังคลอดได้เป็นอย่างดี การให้นมลูกก็ช่วยลดน้ำหนักหลังคลอดได้ดีเช่นกันนะคะ

บทความแนะนำ  ฟิตหุ่นสวยเซียะ…ด้วยสูตรลดน้ำหนักหลังคลอด

อ้างอิงข้อมูล

https://www.bnhhospital.com

https://www.meemodel.com

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

อาการฟื้นตัวหลังคลอดต้องเป็นแบบนี้!!

TOP 10 ปัญหาหลังคลอดที่หมอสูติอยากบอก