13 เรื่องที่พ่อแม่ต้องทำ ถ้าอยากให้ลูกประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จไม่ได้มาจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น เเต่ 13 เรื่องที่พ่อแม่ต้องทำ ถ้าอยากให้ลูกประสบความสำเร็จ คือสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนทำได้ไม่ยากเกินไปค่ะ
1.ให้ลูกทำงานบ้าน
หากลูกไม่ยอมล้างจาน นั่นหมายความว่าต้องมีคนล้างจานที่เขากิน การตกลงหน้าที่ที่ลูกต้องรับผิดชอบภายในบ้าน ไม่เพียงเเค่เขาจะต้องรับผิดชอบงานที่เป็นกิจวัตรให้เสร็จสิ้น ไม่ว่าเขาจะชอบงานชิ้นนั้นหรือไม่ นั่นก็เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับงานที่ลูกจะต้องเจอในอนาคต เพราะการทำงานจริง เราเลือกทำเเต่งานที่เราชอบไม่ได้ นอกจากนี้เขายังจะต้องทำงานร่วมกับคนอื่นอีกด้วยค่ะ
2.พัฒนาทักษะทางสังคม
เด็กที่มีทักษะทางสังคมที่ดีตั้งเเต่เด็กๆ จะมีเเนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จเมื่อโตขึ้น เนื่องจากเด็กๆ จะมีทักษะในการช่วยเหลือผู้อื่น เข้าอกเข้าใจผู้อื่น เเละทักษะในการเเก้ไขปัญหา ซึ่งเด็กๆ ในกลุ่มนี้มีเเนวโน้มว่าจะจบมหาวิทยาลัยเเละมีงานทำมากกว่าเด็กกลุ่มที่ไม่ค่อยมีหรือมีทักษะทางสังคมน้อย ซึ่งจะมีเเนวโน้มที่อาจจะถูกจับเเละติดเหล้าได้
ดังนั้นคุณพ่อคุณเเม่จึงจำเป็นที่ต้อง ช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะทางสังคมเเละทักษะทางอารมณ์ เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมรับกับโลกอนาคตค่ะ
3.ความคาดหวังของพ่อเเม่
พ่อแม่ที่คาดหวังให้ลูกเรียนสูงๆ ในระดับมหาวิทยาลัยจะจัดกาารให้ลูกๆ ไปสู่เป้าหมายนั้นโดยไม่คำนึงถึงรายได้เเละทรัพย์สิน จากการเก็บข้อมูลเด็กที่ทำคะเเนนไม่ดีจะมีเพียง 57% เท่านั้นที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ขณะที่เด็กที่ทำคะเเนนได้ดีจำนวนถึง 96% มีความประสงค์ที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เเต่อย่างไรก็ตาม หากความต้องการของลูกเป็นไปในทิศทางเดียวกับของพ่อแม่ ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าจะเป็นดังที่ลูกหวัง เเต่ความคาดหวังของพ่อแม่ที่ขัดเเย้งกับความต้องการของลูก อาจไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นัก
4.พ่อแม่ต้องรักเเละให้เกียรติกัน
มีหลายๆ งานวิจัยนะคะ ที่บ่งบอกว่า ความสำเร็จของลูก หรืออนาคตของลูก ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่มีต่อกัน เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่มีความขัดเเย้ง ความรุนเเรง เเละการไม่ให้เกียรติกัน หรือครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะบ่อย หรือครอบครัวที่มีการหย่าร้าง เด็กๆ จะรับผลในเเง่ลบไปทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับเด็กที่อยู่กับพ่อหรือเเม่เลี้ยงเดี่ยว เเละเด็กที่ครอบครัวไม่มีความขัดเเย้ง หรือมีความขัดเเย้งน้อย
โดยข้อเสียที่เด็กๆ จะได้รับ ไม่ได้เป็นในระยะสั้นเท่านั้นค่ะ ข้อเสียดังกล่าวจะส่งผลต่อไปอีกถึง 10 ปีเลยทีเดียว โดยเด็กๆ เองก็จะมีความขัดเเย้งกับพ่อแม่ด้วย โดยอาจจะเป็นความรู้สึกสูญเสียเเละเสียใจ
5.พ่อแม่ที่การศึกษาสูง ลูกจะมีการศึกษาที่สูงตาม
พ่อแม่ที่เข้าเรียนหรือจบมหาวิทยาลัย มีเเนวโน้มที่ลูกจะจบระดับเดียวกันนั่นคือได้เข้าเรียนหรือจบมหาวิทยาลัยค่ะ ส่วนในเเม่ที่มีลูกขณะที่อยู่ในวัยรุ่น (เเม่อายุ 18 ปีหรือต่ำกว่า) ลูกที่เกิดมามีเพียงส่วนน้อยที่จะจบมัธยมตอนปลายหรือมหาวิทยาลัย ดังนั้นระดับการศึกษาของพ่อแม่เมื่ออายุลูกได้ 8 ปี (นั่นหมายความว่า คุณต้องจัดการตัวเองก่อนที่ลูกจะอายุ 8 ปี จะเรียนต่อก็รีบๆ เรียนนะคะ) จึงสามารถใช้เป็นเเนวโน้มได้ว่า ลูกจะจบการศึกษาในระดับใดหลังจาก 40 ปีต่อมา
6.เริ่มเรียนรู้คณิตศาสตร์เร็ว ยิ่งได้เปรียบ
เด็กที่เรียนรู้เรื่องตัวเองได้เร็ว นอกจากจะได้เปรียบในเรื่องของผลสัมฤทธิ์ทางคณิตศาสตร์เเล้ว ยังสามารถคาดการณ์เเนวโน้มในเรื่องของผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านในอนาคตได้อีกด้วยค่ะ
7.มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก
พ่อแม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการเมื่อตอนที่ลูกยังเป็นทารกได้รวดเร็วเเละเหมาะสม จะสร้างความรู้สึกปลอดภัยเมื่อเด็กๆ พร้อมที่จะสำรวจโลกใบนี้ ดังนั้นจึงขอเเนะนำให้คุณพ่อคุณเเม่ใส่ใจดูเเลลูกในช่วง 3 ขวบปีเเรก เนื่องจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อระยะเวลายาวนานไปชั่วชีวิตของลูกเลยนะคะ เด็กๆ ที่มีความมั่นคงต่อความสัมพันธ์ของพ่อแม่ จะทำได้ดีในการสอบทั้งที่เป็นการสอบในวัยอนุบาลเเละประถม เเละดีต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 30 ปีเลยค่ะ
8.พ่อแม่เครียด ไม่ส่งผลดี
ระยะเวลาที่เเม่ใช้กับลูกตั้งเเต่อายุ 3-11 ปี จะสามารถคาดการณ์ในเรื่องของความประพฤติ ความเป็นอยู่ เเละผลสัมฤทธิ์ของลูกได้ ความเครียดที่คุณเเม่หรือคุณพ่อ (หากใช้เวลาอยู่กับลูกตลอด) มีผลต่อลูกทั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าจะในวัยไหนก็ตาม โดยเฉพาะวัยเด็ก หากคุณพ่อคุณเเม่มีความสุขรู้สึกดี ลูกก็จะรู้สึกได้ เช่นกัน หากคุณพ่อคุณเเม่มีเเต่อารมณ์เเละความรู้สึกด้านลบตลอดเวลา ก็จะทำให้ลูกได้รับความรู้สึกนั้นเข้าไปเต็มๆ ค่ะ
9.ช่วยลูกให้ก้าวข้ามความกลัว
เด็กๆ ที่เคยประสบความสำเร็จในการทำงาน ในชิ้นงาน หรือในเรื่องอื่นๆ มาเเล้ว อาจจะมีการตีกรอบความคิดของตัวเอง เเละไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าลองสิ่งใหม่ๆ ไม่กล้าทดลองหรือทำในสิ่งที่เเตกต่างออกไป หากจะบอกว่าเป็นเซฟโซนของลูกก็คงไม่ผิด คุณพ่อคุณเเม่จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยลูกพัฒนากรอบความคิด เพื่อก้าวข้ามความสามารถของลูกที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันไป ให้สอดคล้องกับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาของโลกสมัยนี้
10.คุณเเม่ทำงานนอกบ้าน ส่งผลดีมากกว่า
การที่คุณเเม่ทำงานนอกบ้าน จะเป็นตัวอย่างที่ดีกับทั้งลูกผู้หญิงเเละลูกผู้ชายค่ะ โดยเด็กผู้หญิงจะมีเเนวโน้มในการเรียนในโรงเรียนได้นานขึ้น เเละเมื่อจบมาก็มีเเนวโน้มว่าจะได้งานในฝ่ายบริหารเเละได้รับเงินเดือนมากกว่าลูกสาวที่เเม่ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน ส่วนลูกชายก็จะกลายเป็นคนที่ทำงานบ้านเเละดูเเลลูก (ในอนาคต) ของพวกเขาได้
11.สถานะทางเศรษฐกิจเเละสังคมสูงช่วยได้
การที่เด็กเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนมากๆ จะเป็นการจำกัดศักยภาพของตัวเขาเอง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้หรอกค่ะว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เเม้จะมีคนที่ประสบความสำเร็จอยู่บ้าง เเต่นั่นคือส่วนน้อยมากๆ ค่ะ เนื่องจากโอกาสที่ดีกว่า การเเสดงความสามารถที่ทำได้เต็มที่มากกว่า ต่างก็มีราคาที่ต้องจ่ายทั้งนั้น
12.เลี้ยงดูลูกเเบบมีเหตุผล
การเลี้ยงดูลูกมีอยู่หลายเเบบค่ะ ทั้งเเบบเผด็จการที่พ่อแม่จะควบคุมสูง คาดหวังสูง วางกรอบ เเละบทลงโทษที่ชัดเจน เเละเเบบตามใจลูก จนดูเหมือนหย่อนยานไปบ้าง การเลี้ยงดูเเบบมีเหตุผลจึงอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองเเบบนี้ โดยที่ลูกจะไม่รู้สึกว่าโดนควบคุมตึงไป เเละก็ไม่หย่อนยานจนเกินไปค่ะ
13.ตั้งเป้าเเละเดินตามฝัน
เมื่อลูกหาสิ่งที่อยากจะเป็นเจอ หรืออาชีพที่เขาจะทำ อาชีพในฝัน สอนให้ลูกตั้งเป้าเเละหาหนทางที่จะเดินไปตามนั้น จะช่วยให้ลูกมีความพยายามเเละความมุ่งมั่นค่ะ
ที่มา businessinsider
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
อยากให้ลูกมีทักษะ EF ที่ดี ต้องเลี้ยงให้เป็นเด็ก 2 ภาษา
ทักษะสำคัญที่จะทำให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!