แม้การคลอดลูกจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผู้หญิงก็มักกังวลกับจุดซ่อนเร้น ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปหลังจากคลอดลูกแล้ว จะทำยังไงให้กลับมาดูดี ดูแลช่องคลอดหลังคลอดลูก ให้กระชับเหมือนตอนสาว ๆ ไม่ยากเลย
8 วิธี ดูแลช่องคลอดหลังคลอดลูก สำหรับคุณแม่มือใหม่
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
บทบาทของคุณแม่หลังคลอดนั้นถือว่าเป็นงานหนักค่ะ เพราะทั้งดูลูก ทั้งให้นม ทั้งเหนื่อยจากการคลอด ดังนั้นการใช้งานคุณสามีให้ดูเเลเรื่องต่าง ๆ อย่างงานบ้าน งานครัว ดูลูกเวลากลางคืน จึงเป็นเรื่องที่ต้องช่วยคุณแม่มือใหม่
คุณแม่จำเป็นต้องนอนให้พอเพื่อฟื้นฟูทั้งร่างกาย และจิตใจค่ะ คุณแม่ที่พักผ่อนน้อยจะเกิดความวิตกกังวล และซึมเศร้าได้ง่ายกว่าอีกด้วย
2. นั่งเเช่น้ำอุ่น
การเเช่น้ำอุ่นระหว่างอาบน้ำ เป็นการช่วยลดอาการปวดแผลฝีเย็บได้อย่างดีนะคะ หากคุณแม่ไม่มีอุปกรณ์สำหรับการ sitz bath ก็เเค่ใช้ขันน้ำใบใหญ่หน่อย พอที่จะนั่งได้ก็ใช้แทนได้ หลังจากขับถ่ายเสร็จแล้ว คุณแม่ควรนั่งเเช่น้ำอุ่นวันละ 3 ครั้ง
3. ประคบเย็น
การประคบเย็นด้วย Ice Pack หรือน้ำแข็งห่อผ้า จะช่วยลดอาการบวม และอาการปวดรอบๆ ช่องคลอดของคุณแม่ค่ะ วิธีทำคือ ใช้ผ้าอนามัยพรมน้ำให้ชุ่มเเล้วนำไปแช่เเข็ง จากนั้นปล่อยให้ละลายสักหน่อยเเล้วรองผ้าบาง ๆ ไว้ก่อนสวมใส่ หรือจะเปลี่ยนจากการใช่ผ้าอนามัยเป็นผ้าอ้อมผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกัน
หรืออีกวิธีคือ นำน้ำแข็งซัก 4-5 ก้อน ห่อให้ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าขนหนู ประคบสัก 5-10 นาทีต่อครั้ง วันละ 2-3 ครั้ง แต่ระวังอย่าประคบไว้เกิน 15 นาที จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเสียหายได้
4. ใช้ผ้าอนามัยขนาดใหญ่
หลังจากการคลอดลูก คุณแม่จะมีเลือดออกจากช่องคลอดประมาณ 2-6 สัปดาห์ บางครั้งเลือดที่ออกจะออกมามากกว่าปกติ จึงควรใส่ผ้าอนามัยที่มีขนาดใหญ่หน่อย และปกป้องได้รอบทิศทาง เพื่อให้ชีวิตประจำวันไม่ต้องวิ่งวุ่นเปลี่ยนผ้าอนามัยทั้งวัน
5. หมั่นขมิบ
การบริหารอุ้งเชิงกรานอย่างการขมิบ จะช่วยให้ช่องคลอดของคุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เพราะเป็นทั้งการเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่มีการฉีกขาดจากการคลอดลูก วิธีการง่าย ๆ หากคุณแม่ไม่เคยขมิบมาก่อน เวลาที่ปัสสาวะก็แค่ขมิบให้ปัสสาวะหยุด นั่นคือการขมิบค่ะ จำวิธีนั้นไว้ แล้วเวลาทำจริง คุณแม่ต้องขมิบเเล้วค้างไว้ 10 วินาที ปล่อย 10 วินาที ทำซ้ำ 10-15 รอบ นับเป็น 1 ครั้ง ซึ่งควรทำวันละ 2-3 ครั้ง
6. ดูเเลแผลฝีเย็บ
ไม่ใช่คุณแม่ทุกคนที่คลอดเเล้วจะต้องเย็บ คุณแม่ที่คลอดลูกโดยไม่ฉีกขาดก็มีเช่นกัน แต่สำหรับคุณแม่ที่มีแผลฝีเย็บ การดูเเลแผลให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจนกว่าแผลจะหายคือสิ่งสำคัญที่สุด เช่น หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำโดยตรงบริเวณนั้น ดื่มน้ำให้มาก ๆ เข้าไว้ เพราะทำให้ปัสสาวะเจือจาง เวลาขับถ่ายจะได้ไม่เจ็บมาก เวลานั่งขับถ่าย หรือนั่งบนเก้าอี้ ให้ใช้ห่วงยางหรือหมอนที่มีรูตรงกลางรองไว้ก่อน จะช่วยในเรื่องของการกดทับแผลได้
7. จัดการกับริดสีดวง
คุณเเม่บางคนอาจจะเริ่มเป็นริดสีดวงตั้งเเต่ก่อนคลอดหรือเริ่มเป็นหลังคลอดก็ได้เช่นกันค่ะ โดยการรักษานั้นก็รักษาตามอาการ เช่น ถ้าเป็นน้อยๆ การใช่ยาสอดอาจจะทำให้หายได้ หรือถ้าเป็นมากก็ควรจะปรึกษาคุณหมอเพื่อรักษาในขั้นต่อไป เเต่จะดีกว่าถ้าป้องกันไว้เเต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยให้ท้องผูกจนริดสีดวงถามหา เช่น
- กินผัก ผลไม้ เเละธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เนื่องจากจะมีกากใยสูง เพื่อช่วยในเรื่องของการขับถ่าย
- ดื่มน้ำสะอาดมากๆ หลีกเลี่ยงน้ำชากาเเฟเเละเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเเละน้ำอัดลม
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาการรักษาต่อไป
8. เฝ้าดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
หลังการคลอดลูก ปัญหาอันดับหนึ่งที่แม่ ๆ กังวลเลยคือ การติดเชื้อ ทั้งบริเวณแผลฝีเย็บ มดลูก และกระเพาะปัสสาวะ ให้คุณแม่สังเกตตัวเองเพื่อมองหาสัญญาณอย่าง
- รู้สึกเจ็บและมีคราบสีเหลืองหรือสีเขียวไหลออกมาบริเวณแผลฝีเย็บ
- มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นเลือดที่เหม็นกว่าปกติ ออกมาจากช่องคลอด
- เวลาปัสสาวะรู้สึกเจ็บ แสบ หรือปวด
หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งให้รีบไปหาคุณหมอได้เลย
วิธีออกกำลังกาย
นอกจากนี้นี่คือเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ
- ยังไม่ควรเดินทางไกล หรือการนั่งเป็นเวลานาน ๆ อย่างน้อย 5-6 สัปดาห์หลังคลอด
- หากจำเป็นต้องเดินทางไกล ควรหยุดพักบ่อย ๆ เเละยืดเหยียดขา เปลี่ยนอิริยาบทบ้าง
- จำกัดจำนวนของผู้เยี่ยมเยียน เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคหลากหลายที่จะเสี่ยงติดทั้งเเม่เเละลูก
- ใช้หมอนวางบนหน้าท้องเมื่อไอหรือจาม
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำอย่างน้อย 2-3 เดือน
- หลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ หรือจนกว่าเเผลจะหายดี
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แผลฝีเย็บหลังคลอด ทำอย่างไรให้หายเร็ว ไม่ฉีก ไม่ติดเชื้อ
แม่ท้องรับมือ!!!เจ็บหัวหน่าวร้าวอวัยวะเพศ(จิ๊มิ)
วิธีดูแลตัวเองหลังคลอดเดือนแรก แม่หลังคลอดควรทำอย่างไรให้ฟื้นตัวเร็ว
ที่มา : emedihealth
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!