1. ด้ามจับแปรงสีฟัน ทราบหรือไม่คะเจ้าที่จับด้ามแปรงสีฟันของลูกเราเนี่ยขึ้นชื่อว่าเป็นอะไรที่สกปรกและเปรียบเสมือนบ้านดีๆของเจ้าเชื้อโรคเลยละค่ะ เพราะเวลาที่แปรงฟันไม่ว่าจะเป็นเศษอาหาร น้ำลาย แบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกต่างๆมันจะไหลไปที่ด้ามจับ แถมบางครั้งยังกระเด็นไปที่กระจกและอ่างล้างหน้าอีกด้วย นึกออกใช่ไหมละคะ ว่ามันน่าขยะแขยงขนาดไหน วิธีการทำความสะอาดก็ง่ายๆเลยค่ะ แค่ใช้น้ำร้อนล้างที่ด้ามแปรงและอ่างน้ำจากนั้นตามด้วยกระดาษฆ่าเชื้อโรคเช็ดอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเท่านั้น
2. ทุกสถานที่ๆมีสัตว์อาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน สวนสัตว์ ฟาร์มหรือนิทรรศการสัตว์ต่างๆ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เด็กกับสัตว์จะเป็นของคู่กัน ย่อมที่จะอยากสัมผัส กอด หอม และอยากให้อาหารเป็นธรรมดา คุณพ่อคุณแม่จะต้องให้ลูกล้างมือและฟอกสบู่ทุกครั้งหลังการสัมผัส ที่สำคัญอย่าให้สัตว์เลียหรือจูบโดยเด็ดขาด เพราะน้ำลายนี่แหละค่ะจะเป็นพาหะที่ดีสำหรับเจ้าปรสิตและแบคทีเรียเลย
3. สวนหลังบ้าน คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจนะคะว่าพื้นที่ในบริเวณบ้านหรือสวนหลังบ้านนั้นปลอดภัย ปราศจากมูลสัตว์สิ่งของมีคม หรือสิ่งต่างๆที่เป็นพาหะของเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคบาดทะยัก ทางที่ดีที่เราสามารถป้องกันได้ในเบื้องต้นก็คือให้ลูกเข้ารับการรับวัคซีนต่างๆ อย่างครบถ้วนเมื่อถึงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนป้องกันเจ้าโรคบาดทะยักนี้แหละค่ะ
4. ตู้เย็น ศูนย์เก็บของกิน แน่นอนค่ะที่เราจะเก็บทุกๆอย่างไว้ในตู้เย็น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผักผลไม้บางชนิด ไข่ เป็นต้น บ้างก็หมดอายุแล้วบ้างก็ยัง แต่ด้วยความงก เอาน่าเก็บไว้ก่อนน่าจะยังพอทานได้ คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกของเรามีอาการปวดท้องหรือท้องเสีย เพราะฉะนั้นเราควรที่จะหมั่นทำความสะอาดตู้เย็นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งและเช็คว่าอาหารที่เราเก็บนั้นยังมีคุณภาพที่ดีและยังสามารถรับประทานได้อยู่ อย่าไปเสียดายมันเลยค่ะ อันไหนทิ้งได้ทิ้งไป มันไม่คุ้มกันจริงๆ
5. พื้นบ้าน เป็นเรื่องปกติที่บ้านของเราจะมีฝุ่นผง ผม ขนของสัตว์เลี้ยงและเศษขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยหล่นอยู่ที่พื้น หรือแม้แต่บางสิ่งบางอย่างที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ยกตัวอย่างเช่น บิดของแมลง จงอย่าลืมที่จะทำความสะอาดพื้นทุกวันนะคะ นอกจากจะสะอาดปราศจากเชื้อโรคแล้วยังเป็นการช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้อีกด้วยค่ะ
เชื้อโรคยังมีที่ไหนอีกบ้างน๊า สามารถดูได้จากหน้าถัดไปเลยค่ะ>>
6. น้ำ เด็กแทบทุกคนจะต้องวิ่งใส่เวลาที่เห็นน้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำขัง น้ำเน่าเสีย น้ำสระ หรือแม้แต่น้ำพุที่เปิดให้เด็กเข้าไปวิ่งเล่นได้ อะไรก็ได้แค่มีน้ำเจ้าตัวแสบของเราชอบหมด คุณแม่ทราบหรือไม่คะน้ำที่เห็นอาจจะไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่เราคิดก็ได้ เพราะว่าเราไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า เพราะหากลูกเราเกิดมีบาดแผลที่ผิวหนังหรือที่เท้า นั่นก็หมายถึงเจ้าเชื้อโรคเชื้อราสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ไวยิ่งขึ้นนอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อการถูกยุงกัดอีกด้วย
7. ที่โรงเรียน แหล่งศูนย์รวมเชื้อโรคที่มีมากกว่า 800 ชนิดไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มรวมของเด็กๆ ภาชนะอาหารต่างๆ ถ้าหากเราสังเกตจะพบว่าเด็กเล็กๆที่ยังไม่เข้าเรียนจะไม่ค่อยป่วยเป็นโรคนู่นนี่มากเท่าไรนัก แต่ถ้าหากเริ่มเข้าสู่วัยเรียนแล้วละก็เรียกได้ว่าป่วยชนิดเดือนเว้นเดือนกันเลยทีเดียว
8. โรงยิม อุปกรณ์กีฬาเครื่องเล่น และเสื้อผ้า นึกออกใช่ไหมคะว่าเวลาเราออกกำลังกายย่อมมีการสูญเสียเหงื่อเป็นธรรมดา นอกจากนั้นกลิ่นต่างๆที่ไม่น่าพิศวงก็เริ่มตามมา ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นตัว กลิ่นรองเท้า กลิ่นผ้าอับชื้นเป็นต้น แล้วคุณพ่อคุณแม่ลองคิดดูสิคะว่า หากลูกๆของเรามีโอกาสสัมผัสสิ่งเหล่านั้น แล้วเชื้อโรคจะไปไหนเสีย นอกจากเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนังหรือจากการสัมผัสเครื่องเล่นต่างๆร่วมกัน แล้วถ้าหากพวกเขาเกิดเป็นโรคที่ไม่น่าพิศมัยขึ้นมาละ ไม่อยากที่จะคิดกันเลยใช่ไหมละคะ
9. ทราย ของคู่กันจริงจริ๊งกับเด็กๆเนี่ย ยิ่งถ้าไปทะเลด้วยแล้วละก็นะ คุณพี่เขาจะเล่นไม่ยอมเลิกเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกคนต้องช่วยกันดูนะคะ นอกจากที่เราจะต้องคอยระวังเจ้าเชื้อโรคแล้วเนี่ย เรายังต้องระวังมดแมลงหรือแม้แต่เศษขยะขวดแก้วต่างๆที่แฝงตัวอยู่ในทรายอีกด้วย
10 ศูนย์การค้า อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ยิ่งคนเยอะเชื้อโรคยิ่งชอบ
สิ่งที่พวกเราทุกคนสามารถทำได้คือการปลูกฝังให้ตัวเราเองและลูกๆหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง หมั่นล้างตามซอกนิ้ว ฝ่ามือ หลังมือ ข้อมือและเล็บ นานอย่างน้อย 20 วินาที การใช้น้ำยาแอลกอฮอล์ล้างมือก็สามารถทำได้แต่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้เพียง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทางที่ดีใช้สบู่กันดีกว่าค่ะ
ที่มา: https://www.webmd.com
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง:
เพราะผิวลูกบอบบาง จึงต้องเสริมเกราะภูมิคุ้มกันผิวให้ลูกตั้งแต่เริ่มต้น
จะเเป็นอย่างไรนะถ้าโลกนี้ไม่มีการแปรงฟัน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!