1 ใน 3 ของอาหารที่จำหน่ายในประเทศไทยเป็น "อาหารไม่ปลอดภัย"

1 ใน 3 ของอาหารที่จำหน่ายในประเทศไทยเป็น “อาหารไม่ปลอดภัย”

ในยุคที่พ่อแม่บางครอบครัวทำงานนอกบ้านกันหมด บ่อยครั้งก็ต้องพึ่งพาอาหารปรุงสำเร็จ สำหรับครอบครัวที่ทำอาหารกินเอง อาจจะหลีกเลี่ยงสิ่งปนเปื้อนจากอาหารปรุงสำเร็จนอกบ้านได้บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณพ่อบ้านแม่บ้านก็ต้องเลือกซื้อวัตถุดิบกันอยู่ดี รายงานข่าวชิ้นนี้อาจทำให้คุณตกใจเพราะ 1 ใน 3 ของอาหารที่จำหน่ายในประเทศไทยไม่ปลอดภัย แล้วเราจะทำยังไงดี?

เกิดอะไรขึ้น?

จากรายงานข่าวเร็ว ๆ นี้ ที่ผ่านมา มูลนิธิผู้บริโภคได้ออกมาชี้ให้เห็นว่าปัจจุบัน 1 ใน 3 ของอาหารที่จำหน่ายในประเทศไทยไม่ปลอดภัย มีสารปนเปื้อนเกินมาตรฐาน หรือไม่บริสุทธิ์ เช่น อาหารที่ผลิตจากอุตสาหกรรมแปรรูปต่าง ๆ ที่มีโอกาสปนเปื้อนด้วยสารอันตรายต่าง ๆ  ทั้งสารกันบูด บอแรกซ์ และฟอร์มาลีน อาหารแห้งก็มีโอกาสเสี่ยงปนเปื้อนด้วยสารฟอกขาว ส่วนผัก ผลไม้ก็มีสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง และสารกำจัดศัตรูพืช

ในขณะเดียวกันขนมปังก็มีการเติมสารกัดบูดมากเกินไป การสำรวจโดยมูลนิธิผู้บริโภค และนิตยสารฉลาดซื้อพบว่า 1 ใน 3 ของขนมปังที่มีจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อมีสารกันบูดเกินค่ามาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเลข อย. ปลอมที่พบในขนมเด็ก

อาหารที่ดูอันตรายน้อยลงมาหน่อย ก็มีอยู่ด้วยกันหลายกรณี บางกรณีก็น่าตกใจพอควร เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาเขียวที่มีปริมาณคาเฟอีน และน้ำตาลมากเกินไป 2 ใน 3 ของอาหารแช่แข็งแสดงฉลากไม่สอดคล้องกับส่วนประกอบแท้จริง เช่น ข้าวเหนียวหมูย่างแช่แข็ง แต่มีเนื้อไก่ผสมอยู่ด้วย รวมไปถึงการใช้อาหารดัดแปลงพันธุกรรมในขนม สินค้าบางส่วนที่วางขายตามชั้นก็หมดอายุ แต่พนักงานละเลยไม่ได้เก็บออกจากชั้น

บทความแนะนำ: เลี้ยงลูกด้วยอาหารปลอดสารพิษ

แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง?

ถ้าอาหารไม่ปลอดภัยจะมีเยอะมากมายขนาดนั้น การเลือกซื้ออาหารปลอดภัย ก็แลดูไม่ต่างอะไรกับการเสี่ยงโชค ในขณะที่คุณอยากจะโวยวายให้ผู้ประกอบการผลิตอาหาร และร้านค้าออกมารับผิดชอบบ้าง ผู้บริโภคตัวเล็ก ๆ ไม่มีปากไม่มีเสียงเองก็ต้องป้องกันตัวเองด้วย จากปัญหาตามรายงานข่าวข้างต้น เรามีวิธีการป้องกัน และเลือกซื้อสินค้าปลอดภัยได้อยู่บ้างดังนี้

1) เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับมาตรฐาน มีบรรณจุภัณฑ์ที่สะอาด ซีลแนบสนิท ไม่มีการรั่วซึม มี อย. รับรอง หากไม่มั่นใจในอาหารชิ้นนั้น ตัดใจไม่ซื้อไปเลยดีกว่าเพื่อความปลอดภัย

2) อ่านฉลากอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนซื้อ ตรวจสอบตั้งแต่วันหมดอายุ ไปจนถึงส่วนประกอบ และคุณค่าทางโภชนาการ การอ่านฉลาก นอกจากจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอาหารหมดอายุ หรือไม่ปลอดภัยแล้ว ยังช่วยไม่ให้คุณเลือกซื้ออาหารที่อุดมไปด้วยน้ำตาล หรือคาเฟอีนมากจนเกินไป

บทความใกล้เคียง: อ่านฉลากก็สำคัญเพื่อลดน้ำหนัก

3) การเลือกซื้ออาหารจำพวกลูกชิ้น ไส้กรอก แฮม ควรตรวจสอบว่าอัตราส่วนของแป้ง ต่อเนื้อสัตว์เป็นเท่าใด คุณจะเสียเงินซื้อของด้อยคุณภาพที่มีแป้งมากกว่าเนื้อสัตว์ทำไม ถ้าซื้อเป็นเนื้อสัตว์จริง ๆ ราคาถูกกว่า และมีคุณค่าทางอาหารมากกว่า?

4) ล้างผักผลไม้ที่คุณซื้อมาให้สะอาดก่อนรับประทาน หรือใช้ปรุงอาหารเพื่อชะล้างสารเคมี และยาฆ่าแมลง

5) เลิกซื้ออาหารอะไรที่คุณกินแล้วเกิดมีสิวขึ้น หรือฝีขึ้น ลองสังเกตตัวเองดู สิว และฝีเหล่านี้เป็นสัญญาณบอกเหตุว่า อาหารที่คุณกินอาจไม่สด ไม่สะอาด (ไม่ต้องนับถึงอาหารที่กินแล้วทำให้ท้องเสีย ท้องอืด หรือมีปัญหาร้ายแรงกว่านั้น)

บทความแนะนำ: อาหาร 10 ชนิดช่วยชะลอความแก่

The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง

เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”

ที่มา :

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

10 อาหารอันตรายหน้าโรงเรียน ภัยอันตรายจากอาหารหน้าโรงเรียน

อยากมีลูกต้องกินอะไร? สุดยอดอาหาร 10 อย่างที่อาจทำให้คุณมีลูกได้

คนท้องห้ามกินอะไรบ้าง 10 อาหารคนท้องห้ามกิน อาหารคนท้องไม่ควรกิน