คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่อาจปวดหัวเวลาลูกเล่นเลอะเทอะเปรอะเปื้อน แต่การเล่นสกปรกของลูกนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของเด็กวัยหัดเดิน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดิน เล่นโคลน เล่นสี หรือแม้แต่ของเล่นต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกลัวว่าการเล่นสกปรกของลูกจะส่งผลต่อสุขภาพของเด็ก แต่รู้หรือไม่ว่า อนามัยจัดระวังลูกเป็นโรค บทความนี้จะพามาดูกันว่าการปล่อยให้ลูกเปรอะเปื้อนนั้น ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไรบ้าง และหากคุณพ่อคุณแม่กังวลเรื่องการเจ็บป่วยของลูก จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกได้อย่างไร
สะอาดเกินไป อนามัยจัดระวังลูกเป็นโรค
แม้ว่าจะมีโรคมากมายถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ก็ไม่ใช่แค่กรรมพันธุ์เท่านั้นที่ทำให้เราเป็นโรคร้าย เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคลำไส้อักเสบ โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคออทิสติก โรคอ้วน และโรคมะเร็ง หากแต่รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ต้องเผชิญกับโรคร้ายเหล่านี้ ผลการศึกษาพบว่า เด็กที่ถูกจำกัดอยู่แต่ในพื้นที่สะอาดบ่อย ๆ หรือถ้าพ่อแม่อนามัยจัดเกินไป ลูกจะมีปัญหาสุขภาพในอนาคต เพราะไม่เคยพบเจอกับเชื้อโรคเลย
การที่สมองของเด็กจะเรียนรู้และพัฒนานั้น ขึ้นอยู่กับการกระตุ้นจากภายนอกเหมือนกับระบบภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียที่อยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม จะช่วยฝึกระบบภูมิคุ้มกันของลูกให้ตอบสนองต่อสิ่งเร้า และช่วยปกป้องจากโรคต่าง ๆ ได้ แม้ว่าแบคทีเรียหลายชนิดจะทำให้เด็กเจ็บป่วย แต่ก็แบคทีเรียและไวรัสในกระเพาะอาหารบางชนิด ยังช่วยปกป้องลูกจากโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด และอาการอักเสบได้ โดยไม่ส่งผลต่อการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ คุณพ่อคุณแม่จึงควรปล่อยให้ลูกได้สัมผัสสิ่งสกปรกบ้าง
7 ประโยชน์จากการปล่อยให้ลูกเล่นสกปรก
การปล่อยให้ลูกเล่นสกปรกมีประโยชน์หลายอย่าง โดยช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และส่งเสริมพัฒนาการได้ เรามาดูประโยชน์ของการปล่อยให้ลูกเล่นเลอะเทอะกัน
1. พัฒนาการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก
เด็กหลายคนเมื่อเข้าเรียนชั้นอนุบาลโดยไม่มีทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดี ก็อาจทำให้ตัดกระดาษหรือจับดินสอยากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการปล่อยให้ลูกเล่นแบบไร้ระเบียบก่อน จะช่วยพัฒนาทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การใช้มือขุดดิน การปั้นแป้งโดว์ หรือการเล่นสไลม์ การเล่นเหล่านี้ช่วยให้ลูกมีความสุขและสามารถพัฒนาทักษะการหยิบจับด้วยมือของเขาด้วย
2. ได้เรียนรู้กับสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว
เด็กวัยหัดเดินร่างกายและสมองจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งใกล้ตัวยังถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา และเป็นสิ่งที่ลูกต้องหัดสำรวจเอง คุณพ่อคุณแม่จึงควรเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเล็กได้เล่นบ้าง โดยอาจสัมผัสกับสิ่งง่าย ๆ รอบตัว เช่น การวาดภาพ หรือการเล่นกับสัตว์เลี้ยง เพราะเด็กที่โตขึ้นมากับครอบครัวที่เลี้ยงสัตว์นั้น มีโอกาสได้สัมผัสกับจุลินทรีย์ต่าง ๆ ส่งผลให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : เลี้ยงลูกกับน้องหมาด้วยกันได้ไหม? สุนัขกับทารก มีผลดีหรือผลเสียอย่างไรบ้าง?
3. เกิดความอยากรู้อยากเห็น
การเล่นเลอะเทอะเปรอะเปื้อนจะช่วยให้ลูกรู้สึกเพลิดเพลินกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เปิดโอกาสให้เขาได้สำรวจและทำตามสิ่งที่อยากรู้อยากเห็น เพราะการสำรวจมีความสำคัญต่อเด็กเป็นอย่างมาก ช่วยให้เขาได้เข้าใจตัวเองและเข้าใจโลกมากขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่อนามัยมากเกินไป ไม่ปล่อยให้ลูกเล่นบ้างเลย ก็จะเป็นการปิดโอกาสในการเรียนรู้ของเขา ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางความคิดของลูกได้
4. ส่งเสริมให้ลูกมีสุขภาพที่ดี
แน่นอนว่าการปล่อยให้ลูกเล่นเลอะเทอะบนดินหรือทรายเป็นเรื่องที่ดี เพราะการปล่อยให้เขาได้เล่นสกปรกบ้างนั้น ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ป่วยน้อยลง ขณะที่เด็กที่ไม่เคยได้เล่นเลอะเทอะหรือได้รับการป้องกันจากเชื้อโรคอยู่เสมอ อาจเกิดปัญหาสุขภาพเมื่อโตขึ้น เช่น โรคหอบหืด หรือโรคภูมิแพ้
ดังนั้น การปล่อยให้ลูกได้ออกไปเล่นบ้างก็จะดีต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กตลอดช่วงวัย โดยคุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจเรื่องโภชนาการที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันลูก ให้ลูกได้รับวัคซีนที่จำเป็นครบถ้วนตรงเวลา รวมถึงดูแลให้ลูกได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพและมีสุขอนามัยที่ดีควบคู่กันไปด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : ตารางอาหารทารกขวบปีแรก ลูกน้อยในแต่ละวัยควรกินอะไร เท่าไหร่ ถึงจะพอดี?
5. เสริมประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส
ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยเป็นอย่างมาก ลูกจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลิ่น เสียง และพื้นผิว เพราะเด็กเล็กยังต้องเรียนรู้สิ่งหลายอย่างรอบตัว หากคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกได้เล่นเลอะเทอะโดยไม่มีกฎนั้น จะช่วยให้เขาฝึกประสาทสัมผัส และได้เรียนรู้กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างมีประสิทธิภาพ
6. พัฒนาทักษะทางสังคม
ปกติแล้วการเล่นกลางแจ้งหรือการเล่นที่ใช้ประสาทสัมผัส จะเป็นการเล่นระหว่างลูกกับเพื่อน ๆ ดังนั้น หากคุณแม่พาลูกออกไปเจอเด็กคนอื่นบ้าง ก็จะช่วยให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎหรือวิธีการเล่น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสในการเรียนรู้การเข้าสังคมของเด็กนั่นเอง อีกทั้งยังช่วยฝึกฝนให้ลูกกล้าทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นอีกเช่นกัน
7. ลูกมีความสุข
การที่เด็กจะมีพัฒนาการเจริญเติบโตที่ดี ต้องเริ่มจากการมีความสุข คุณพ่อคุณแม่จึงควรปล่อยให้ลูกได้เล่นอิสระ เล่นเลอะเทอะ โดยไม่มีกฎเกณฑ์บ้าง สิ่งนี้จะช่วยให้เด็กรู้สึกดี มีความสุข และร่าเริงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเด็กเป็นอย่างมาก
งานวิจัยล่าสุดพบว่า เด็ก ๆ ที่ได้ไปสัมผัสธรรมชาติภายนอก เล่นดินหรือเล่นโคลนบ้าง จะทำให้ลูกได้รับแบคทีเรียบางชนิด ที่ช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานดี ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด นอกจากนี้ และยังมีข้อมูลอีกว่าหากร่างกายคนเราไม่เจอกับเชื้อโรคเลย จะทำให้สมองผลิตสารความสุข Serotonin น้อยลง จนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการอักเสบของสมอง อาจทำให้ลูกมีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์สูงขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยชรา
บทความที่เกี่ยวข้อง : ให้ลูก เล่นโคลน มีประโยชน์กว่าที่คิด ความเลอะเทอะที่คุ้มค่าสำหรับเด็ก
โภชนาการที่ดีช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกได้
นอกจากการปล่อยให้ลูกได้เล่นเลอะเทอะแล้ว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกได้เช่นกัน คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกโดยพิจารณาจากช่วงวัยของเขา
- ลูกวัย 0-12 เดือน ควรได้รับนมแม่เป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอด นมแม่ในช่วงนี้คือ “น้ำนมเหลือง” หรือ “หัวน้ำนม” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำนมแม่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด มี “แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin)” ในปริมาณมากที่สุด แลคโตเฟอร์รินถือว่าเป็นสุดยอดสารอาหารที่ลูกควรได้รับ เพราะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยและติดเชื้อของลูกน้อย นอกจากนี้ ในน้ำนมเหลืองยังมี “MFGM” หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนมแม่ มีคุณบัติช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อของระบบแประสาทและเซลล์สมอง ทำให้สมองของลูกทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ลูกเป็นไข้หรือเจ็บป่วยน้อยลง
- ลูกวัย 1-2 ปี จะเริ่มรับประทานอาหารได้หลากหลายมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงสารอาหารที่ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม และอาจเลือกโภชนาการที่มีแลคโตเฟอร์รินและ MFGM ให้ลูกไปจนถึง 2 ขวบ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ รวมไปถึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีและพัฒนาการทางสมองที่ดี
การดูแลเรื่องความสะอาดและโภชนาการของลูกถือเป็นเรื่องสำคัญ คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูกได้รับนมแม่อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอด เพราะเป็นช่วงที่มีระดับแลคโตเฟอร์รินสูงสุด เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการเติบโตที่แข็งแรงตามวัย และปลอดภัยจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่าง ๆ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลูกไม่เลอะเปรอะเปื้อน ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวัน แถมมีข้อดีอีกด้วย!
11 อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันเด็ก เสริมภูมิต้านทาน แข็งแรงสมวัย
ลูกผ่าคลอดแข็งแรงได้ ด้วยโภชนาการที่ถูกต้อง สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด
แลคโตเฟอรินในนมแม่ ป้องกันแบคทีเรียให้ทารก ให้นมลูกไม่ได้ควรทำอย่างไร
ที่มา : theAsianparentphilippines , amarinbabyandkids, thaihealth, babybbb
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!