หลังคลอดกี่เดือน ถึงจะตั้งท้องใหม่ได้ อยากท้องต่อเนื่อง มีลูกคนต่อไปได้เมื่อไหร่ อยากมีลูกหัวปีท้ายปี
หลังคลอดกี่เดือน ถึงจะตั้งท้องใหม่ได้ …โดยทั่วไปสตรีหลังคลอดจะยังไม่มีไข่ตก ท้องต่อเนื่อง ด้วยกลไกควบคุมการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองเอง รวมทั้งการให้นมบุตรของมารดาอย่างต่อเนื่องจะส่งเสริมให้กดการทำงานของรังไข่มากขึ้น ซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติเพื่อให้เว้นช่วงการตั้งครรภ์ให้เหมาะสม และร่างกายของมารดาได้มีโอกาสฟื้นฟูสภาพก่อนที่จะตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
ไข่ตกเร็วสุด 3 สัปดาห์หลังคลอด
ข้อมูลในปัจจุบันบ่งชี้ว่าในสตรีหลังคลอดบุตรสามารถมีไข่ตกได้เร็วภายใน 3 สัปดาห์หลังคลอด
ยกเว้นกรณีที่ให้นมบุตรสม่ำเสมอจะยังไม่มีไข่ตกต่อเนื่องไปอีก และสามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดได้นาน 6 เดือนหลังคลอด
มีกรณีพิเศษที่อาจพบไข่ตกเร็วกว่า 3 สัปดาห์ได้ เช่น กรณีหลังแท้งบุตรหรือคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับคำปรึกษาและเริ่มการคุมกำเนิดที่เหมาะสมโดยเร็วต่อไป
การให้นมบุตรช่วยป้องกันการตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังคลอดได้นั้น จำเป็นต้องมีการเติบโตพัฒนาของฟองไข่จนมีไข่ตกได้รวมทั้งต้องมีความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อรับการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งโอกาสตั้งครรภ์ได้จะสูงขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปและความสามารถในการเจริญพันธุ์นี้จะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อ 6 สัปดาห์หลังคลอดในกรณีที่ไม่ได้ให้นมบุตร อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการตั้งครรภ์ใหม่ได้ก่อนในกรณีที่มารดามีประจำเดือนมาเร็วกว่าปกตินั่นเอง
การให้นมบุตรอย่างเดียวและต่อเนื่องจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในช่วงหลังคลอดได้ เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ยอมรับกันเป็นสากล ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น นมแม่ยังเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกอีกด้วย รัฐบาลจึงสนับสนุนให้มารดาทุกคนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
แม่หลังคลอดกี่เดือน ถึงจะตั้งท้องใหม่ได้ ท้องต่อเนื่อง
ตั้งครรภ์เร็วภายใน 2 เดือนหลังคลอด
ในกรณีผ่าตัดคลอดบุตรนั้นไม่มีผลต่อการตกไข่ในช่วงหลังคลอด จึงไม่เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ในสตรีหลังคลอด ปัจจัยหลักคือเรื่องการให้นมบุตรซึ่งหากไม่ได้ให้นมบุตรจะทำให้มีไข่ตกเร็ว และมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เร็ว รอยแผลผ่าตัดคลอดจะติดได้ดี มีความแข็งแรงของแผลหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว จึงแนะนำให้คุมกำเนิดอย่างน้อย 6 เดือนหลังคลอดสำหรับสตรีที่ผ่าคลอดบุตร
กรณีที่พบว่าตั้งครรภ์เร็วภายใน 2 เดือนหลังคลอดนั้นพบได้ประปราย มักเป็นสตรีอายุน้อยที่มีความสามารถในการเจริญพันธุ์สูง และไม่ได้ให้นมบุตรหรือให้นมผสมร่วมด้วย โดยไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นนั่นเอง
อย่างไรก็ตามการวางแผนครอบครัวที่ดี จะช่วยลดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทั่วไปแนะนำให้มีช่วงเว้นระหว่างบุตรแต่ละคนประมาณ 1-2 ปี เพื่อให้ร่างกาย จิตใจและครอบครัวมีความพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ที่ดี ทารกมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงต่อไป
มีลูกหัวปีท้ายปี มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
นอกจาก คำถามที่ว่า หลังคลอดกี่เดือน ถึงจะตั้งท้องใหม่ได้ คุณแม่ที่อยากมีลูกหัวปีท้ายปี ควรคำนึงความเสี่ยง เพราะคุณแม่ที่มีลูกหัวปีท้ายปี มักประสบพบเจอความเสี่ยงสูง เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อน ทั้งต่อตนเองและทารกในครรภ์ เนื่องมาจากร่างกายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่จากการคลอดลูกคนแรก โดยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีดังนี้
- การคลอดก่อนกำหนด: ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพมากกว่าทารกที่คลอดครบกำหนด เช่น น้ำหนักตัวน้อย ระบบหายใจและระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์ ติดเชื้อ ฯลฯ
- การฉีดขาดที่ช่องคลอด: คุณแม่ที่คลอดลูกคนแรกด้วยวิธีธรรมชาติ มีความเสี่ยงสูง ที่จะเกิดการฉีดขาดที่ช่องคลอด ซึ่งอาจส่งผลต่อการมีเพศสัมพันธ์ และการคลอดบุตรในครั้งต่อไป
- ภาวะขาดสารอาหาร: ร่างกายของคุณแม่ที่ยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ อาจไม่สามารถส่งสารอาหารที่เพียงพอ ไปเลี้ยงทารกในครรภ์ ส่งผลต่อพัฒนาการของทารก
- น้ำหนักตัวลูกน้อยกว่าปกติ: ทารกที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการในระยะยาว
- ภาวะเหนื่อยล้า: คุณแม่ที่ต้องดูแลลูกสองคนพร้อมกัน อาจรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
คุณแม่ควรดูแลตัวเองอย่างไร หากมีลูกหัวปีท้ายปี?
ในการที่คุณแม่ตั้งใจอยากจะมีลูกน้อยในช่วงหัวปีท้ายปี คุณแม่ควรดูแลและบำรุงตนเองด้วยการเร่งเติมสารอาหารให้ร่างกาย ซึ่งวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยซ่อมแซมร่างกายของคุณแม่หลังคลอดลูกแล้ว แต่ยังเป็นการเพิ่มสารอาหารให้กับลูกคนที่สองที่อยู่ในท้อง เพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่อีกด้วย
เพราะฉะนั้นคุณแม่ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง เพราะการตั้งท้องและคลอดลูกนั้นร่างกายของคุณแม่จะต้องใช้แคลเซียมเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญลดอาหารประเภทแป้งและไขมันให้น้อยลง ในบางกรณีคุณหมออาจมีความจำเป็นที่จะจ่ายยาบำรุงเลือดเพิ่มให้ค่ะ
นอกจากนี้ จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าในช่วงเวลาที่คุณแม่ตั้งใจจะมีลูกหัวปีท้ายปี อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต เพราะช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่จะเหนื่อยมาก และถ้าหากร่างกายของเรายังไม่พร้อมดี ปัญหานี้อาจก่อให้จิตใจเหนื่อยล้า มีอารมณ์แปรปรวนได้ ซึ่งในบางรายอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณแม่สามารถทำได้คือการผ่อนคลายด้วยการ ฟังเพลง ดูหนัง พักผ่อนให้เพียงพอค่ะ
ทั้งนี้ การมีลูกหัวปีท้ายปี อาจส่งผลต่อสุขภาพของทั้งแม่และลูก คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยง และวางแผนการมีลูกอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ คุณแม่ควรดูแลตัวเองให้แข็งแรง ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึง ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมบุตร หากยังให้นมลูกคนโตอยู่ เพื่อวางแผนการให้นมลูกที่เหมาะสม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากมีลูกหัวปีท้ายปี ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย หรือยาฝังคุมกำเนิด เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ การมีลูก เป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่การวางแผนมีลูกอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณแม่และลูกมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข และเติบโตไปด้วยกัน
ที่มา: pobpad, Enfababy
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ฤกษ์คลอด นับเวลาไหน วินาทีจรดมีดหรือเมื่อทารกออกจากท้อง
จำเป็นไหม แม่ต้องโกนขนก่อนคลอดลูก?
ตารางระดับ hCG แม่ตั้งครรภ์ อายุครรภ์แต่ละสัปดาห์ ควรมีค่าฮอร์โมน hCG เท่าไหร่ถึงถือว่าปกติ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!