เด็ก ๆ สมาธิสั้นเทียมเพราะมือถือ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยมือถือ ต้องระวังให้ดี ! สมัยนี้ เทคโนโลยีและการสื่อสารทันสมัยและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ทำให้พ่อแม่หลาย ๆ คน ปล่อยลูกให้อยู่กับมือถือและแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ยิ่งใครที่งานยุ่ง งานหนัก ต้องออกนอกบ้านบ่อย ๆ ก็มักจะให้ลูกอยู่กับสิ่งเหล่านี้ประจำ เพราะคิดว่าน่าจะทำให้ลูกคลายเหงา ซึ่งจริง ๆ แล้ว การให้เด็กเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ อาจทำให้เด็กเป็นสมาธิสั้นเทียมได้ !
สมาธิสั้นเทียม คืออะไร
สมาธิสั้นเทียม เป็นภาวะความผิดปกติ ที่เกิดขึ้นกับคนเรา และทำให้ดูมีอาการคล้ายคนสมาธิสั้น เด็กที่เป็นสมาธิสั้นเทียม มักเป็นเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า พูดช้า ซึ่งสาเหตุหลัก ก็มาจากการเลี้ยงดูภายในบ้าน หรือสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเด็ก หากเด็กใช้เวลาอยู่กับทีวี โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์สื่อสารทั้งหลายมากเกินไป ก็มีโอกาสที่เด็กจะเป็นสมาธิสั้นเทียมได้
วิธีสังเกตอาการโรคสมาธิสั้นเทียม
เด็กที่เป็นสมาธิสั้นเทียม มักจะควบคุมสมาธิและอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ สื่อสารไม่เก่ง หงุดหงิดง่าย ใจร้อน รอคอยไม่เป็น เข้าสังคมไม่เก่ง มีทักษะการอ่าน การเขียน และการพูดที่แย่ และมักมีปัญหากับการอยู่ร่วมกับเด็กวัยเดียวกัน หรือกับคนอื่น ๆ เนื่องจากเด็กที่เป็นสมาธิสั้นเทียมจะเข้าสังคมไม่เก่ง
ปล่อยลูกจิ้มมือถือทั้งวัน ระวังลูกสมาธิสั้นเทียมและเป็นไฮเปอร์เทียม
การเลี้ยงลูกด้วยมือถือและแท็บเล็ต ถือเป็นสิ่งที่อันตราย แสงจากอุปกรณ์เหล่านี้ อาจทำร้ายดวงตาของลูกได้ แถมยังมีผลเสียต่อพัฒนาการของลูก การที่เด็กใช้เวลาอยู่กับเครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานเกินไป จะทำให้เด็กมีอาการสมาธิสั้นเทียม และก็ยังทำให้เด็กเป็นไฮเปอร์เทียมได้อีกด้วย เด็กที่เป็นโรคไฮเปอร์เทียม มักมีอาการคล้ายเด็กที่เป็นโรคไฮเปอร์ เด็กจะนิ่ง ไม่ซุกซน ไม่กวนใจพ่อแม่ ซึ่งอาการของเด็กที่เป็นไฮเปอร์เทียม จะถือว่าแตกต่างจากเด็กที่เป็นสมาธิสั้นเทียม แต่ว่าสาเหตุของโรคนั้น จะมาจากการที่เด็กนั่งเล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ๆ เหมือนกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : เปรียบเทียบอาการสมาธิสั้นแท้ สมาธิสั้นเทียม
เด็ก สมาธิสั้น เทียม มีอาการอย่างไรบ้าง สมาธิสั้น เทียม เกิดจาก สมาธิสั้นเทียมเพราะมือถือ ลูกเป็น สมาธิสั้นเทียมเพราะมือถือ สาเหตุ สมาธิสั้นเทียม
ความรู้เกี่ยวกับสมาธิสั้นเทียมจากคุณหมอ
พญ.โสรยา ชัชวาลานนท์ กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็ก ได้อธิบายถึงอาการสมาธิสั้นเทียมของเด็กไว้ว่า เด็กในยุคนี้ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ไว ทุกอย่างจึงดูเหมือนสะดวกสบายไปหมด ทำให้เด็กทนรออะไรนาน ๆ ไม่ได้ ขาดความยับยั้งชั่งใจ และอยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็น ซึ่งการเสพเทคโนโลยีนั้น มีผลต่อสมาธิเด็กอย่างมาก ในระยะยาว อาการสมาธิสั้นเทียมอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตและการเรียนรู้ของเด็ก เช่น เมื่อครูให้เด็กทำแบบฝึกหัดนาน ๆ เด็กก็จะไม่ชิน และไม่สามารถจดจ่อได้ เป็นต้น แนวทางปฏิบัติในทางกุมารแพทย์แนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูก ๆ ที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ดูทีวี เล่นมือถือ และเล่นแท็บเล็ต
วิธีป้องกันไม่ให้ลูกเป็นสมาธิสั้นเทียม
จริง ๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่ สามารถป้องกันไม่ให้ลูกเป็นสมาธิสั้นเทียมได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
- หากเด็กต้องการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น ให้กำหนดเวลาเล่นของเด็กให้ชัดเจน
- คอยสอดส่องดูแลสิ่งที่ลูกเล่นตลอดเวลา เพื่อดูว่าเหมาะสมกับวัยของเด็กหรือไม่
- ไม่ควรให้ลูกที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ดูทีวีและเล่นอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด
- คอยดูแลไม่ให้ลูกใช้เวลาอยู่หน้าจอนานเกินไป ให้คอยอยู่ใกล้ ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเด็กจากหน้าจอบ้าง
- พาลูกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น เล่นกีฬา เรียนรู้งานศิลปะ ฝึกวาดรูประบายสี ประดิษฐ์สิ่งของ หรือพาไปสนามเด็กเล่น เป็นต้น
- ให้ลูกออกนอกบ้าน ไปเจอเพื่อน ๆ บ่อย ๆ ลูกจะได้ลืมเรื่องการเล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม หากเด็ก ๆ มีอาการสมาธิสั้นเทียม แต่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และเล่นโทรศัพท์น้อยลง เด็กจะมีโอกาสหาย และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะฉะนั้น คุณแม่ต้องคอยดูแลลูกให้ดี ๆ นะคะ หากตอนนี้ ลูกยังไม่เป็นสมาธิสั้นเทียม ก็ต้องคอยระวัง และดูแลสอดส่องไม่ให้ลูกใช้โทรศัพท์หรือเเท็บเล็ตมากเกินไปค่ะ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้นะคะ
ที่มา : manarom , facebook
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลูกดูทีวีดูมือถือทั้งวัน จ้องจอจนตาอักเสบรุนแรง! พ่อโพสต์เตือนอย่าปล่อยลูกดู ทีวี มือถือ ยิ่งนานยิ่งอันตราย
6 วิธีแก้เด็กติดจอ ดูแลลูกอย่างไรไม่ให้ติดโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์
ยกลูกให้พระ ยกลูกให้กับเทพ แก้เคล็ดลูกป่วยบ่อยต้องทำยังไง?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!