วิธีเล่นกับลูกวัย 0 – 3 เดือน นั้น อาจจะยังไม่ต้องการของเล่นสักเท่าไหร่ เพราะสำหรับเด็กวัยนี้ของเล่นชิ้นที่ดีที่สุด และคุ้มค่ามากที่สุดนั่นก็คือ ตัวคุณพ่อ คุณแม่นั่นเอง สำหรับเด็กทารกวัยต่ำกว่า 1 ปี ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่าน ไม่แนะนำให้เด็กอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หรือโทรทัศน์ หากจำเป็นต้องให้ลูกดูจริง ๆ พ่อแม่ก็ควรอยู่กับลูกด้วย และควรแบ่งเวลาให้ลูกทำกิจกรรม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของลูก อย่างน้อยวันละ 30 นาที ดังนั้น บทความวันนี้เราจึงมาบอกต่อทริค! การเล่นกับลูกน้อยเพื่อกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ๆ กันค่ะ ไปดูกันว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง
ลูกวัย 0 – 3 เดือน สามารถทำอะไรได้บ้าง
ลูกน้อยในวัยแรกเกิดจนถึง 3 เดือนเรียนรู้ที่จะควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ โดยเริ่มจากศีรษะ ไปสู่แขนทั้งสองข้าง ลำตัว ช่วงขา และเท้า ในช่วงแรก เด็กทารกจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบตัว ตามสัญชาตญาณของพวกเขา อย่างเช่น เมื่อพ่อแม่จับแก้ม ลูกก็สามารถหันศีรษะไปด้านข้าง เพื่อตอบสนองต่อการกระทำนั้นได้ เป็นต้น การเคลื่อนไหวของลูกจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น และจะหันหน้าไปซ้าย – ขวา ขยับมือ และแขนได้ เมื่ออายุประมาณ 1 เดือน
เด็กทารกแรกเกิดยังไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่แปลกตา สัมผัสที่แปลกใหม่ และอุณหภูมิที่แตกต่างไปจากท้องของแม่ สิ่งที่เด็กทารกในช่วงวัยนี้คุ้นเคยมากที่สุด ก็คือสัมผัสจากร่างกายของแม่ การเล่นกับลูกในวัยแรกเกิดจนถึง 3 เดือนนี้ จึงเน้นไปที่การรับสัมผัสจากพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย หรือเสียง ก็ช่วยให้ลูกปรับตัว และส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกได้เช่นเดียวกัน หรือจะให้ลูกนอนคว่ำ ให้ลูกนั่งรถเข็น หรือนั่งเล่นบนเก้าอี้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้ นอกจากกิจกรรมเสริมพัฒนาการอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมปล่อยให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยเด็กที่มีอายุ 0 – 3 เดือน จะนอนประมาณ 14 – 17 ชั่วโมง ต่อวัน ส่วนเด็กอายุ 4 – 11 เดือน จะนอน 12 – 16 ชั่วโมง ต่อวัน
วิธีเล่นกับลูกวัย 0 – 3 เดือน พ่อแม่เล่นกับลูก ผ่านเสียง และการสื่อสาร
การพูดคุยกับลูกคือวิธีการเล่นที่ดีที่สุด ถ้าคุณไม่รู้ว่าลูกรู้เรื่องหรือไม่ ลองทำตัวเป็นคุณแม่จอมบ่น ใส่แอคติ้งเยอะ ๆ หากคุณแม่ลองอัดวิดีโอแสดงสีหน้า และท่าทางของตัวเองไว้จะเห็นได้ว่าสีหน้าของคุณแม่มีความหลากหลายมาก ท่าทางก็เช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เสียงของคุณแม่นั่นแหละ ที่ลูกจะจดจำได้ แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนขี้บ่นสักเท่าไหร่ ลองทำเสียงอะไรก็ได้ที่คิดว่าชีวิตนี้ คงไม่มีโอกาสทำให้ใครได้ฟัง ลูก ๆ น่ะ ชอบให้แม่ทำเสียงตลก ๆ ที่สุดเลยล่ะ
-
คุยกับลูกด้วยน้ำเสียงที่หลากหลาย
การพูดคุยกับลูกด้วยลักษณะพิเศษที่เรียกว่า parentese คือ การพูดด้วยโทนเสียงสูงและช้า เป็นน้ำเสียงที่พูดเกินจริง ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ฟังกันเอง มันอาจจะดูน่ารำคาญ หรือน่าหงุดหงิด แต่เสียงแบบนี้เป็นเสียงที่เด็ก ๆ ชื่นชอบเอามาก ๆ และที่สำคัญคือช่วยในทักษะด้านภาษาของลูกได้มากกว่าการที่คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงปกติอีกด้วย
เสียงเพลงเป็นภาษาของโลก และเป็นภาษาที่สามารถสื่อสารกับทารกได้ด้วยค่ะ ความสามารถในการแยกแยะจังหวะของทารกนั้น มีมาตั้งแต่ที่ลูกอยู่ในครรภ์ของมารดา ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 25 ของการตั้งครรภ์ และความสามารถนี้ก็ยังไม่หายไปไหน การร้องเพลงให้ลูกฟังนั้น คุณพ่อคุณแม่ลองเพิ่มโทนเสียงสูง ต่ำ และจังหวะเข้าไปเท่านี้ลูกก็ชอบใจแล้ว และยังเป็นการเพิ่มพูนทักษะภาษา และจังหวะให้กับลูกอีกด้วย ไม่แน่ว่า ลูกอาจจะเติบโตขึ้นมาเป็นนักร้อง นักดนตรีก็ได้นะคะ
การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ไม่ว่าจะเป็นนิทานหรือหนังสือใด ๆ ก็ตาม เป็นการเพิ่มคลังคำศัพท์ให้กับลูกอย่างมหาศาล เนื่องจากคำศัพท์ในหนังสือนั้นมีเยอะกว่าคำที่คุณพ่อคุณแม่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน รวมถึงรูปแบบประโยค สำนวนภาษาต่าง ๆ และยังเป็นการสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูก ส่งผลต่อทักษะทางภาษาเมื่อลูกเข้าสู่ช่วงอายุ 12 – 16 เดือน หรือเมื่อลูกเริ่มพูด คุณพ่อคุณแม่จะพบว่า สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่เนิ่น ๆ นั้น ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกอย่างมากเลยทีเดียว
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด พ่อแม่สร้างได้เพียงแค่ 15 นาที
วิธีเล่นกับลูกวัย 0 – 3 เดือน พ่อแม่เล่นกับลูก ผ่านการสัมผัส
แม้ว่าจะเป็นการจับ เพราะความมันเขี้ยวมือ และเท้าน้อย ๆ ของลูกล้วน ๆ ก็นับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง สัมผัสอบอุ่นระหว่างพ่อ แม่ ลูก จะช่วยให้ลูกได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากท้องแม่ได้ดีขึ้น เด็กทารกเพิ่งคลอด มักจะประสบปัญหาในการปรับอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างจากในถุงน้ำคร่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกน้อยที่คลอดก่อนกำหนด การรับสัมผัส และความอบอุ่นจากอุณหภูมิร่างกายของแม่ จะช่วยลูกในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
-
ให้ลูกได้สัมผัสพื้นผิว และสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ
พื้นผิวอย่างใบหน้าของพ่อ แม่ ตุ๊กตานุ่มนิ่ม กระดาษทิชชู หรืออะไรก็ตามที่พอจะหาได้ และไม่ใช่ของเล่นอันตรายสำหรับลูก คุณพ่อ คุณแม่ควรให้ลูกได้ลองสัมผัสพื้นผิวที่หลากหลาย แม้ลูกอาจจะยังจับ หรือคว้าได้ไม่สะดวก แต่พวกเขาก็สามารถใช้มือน้อย ๆ แตะ เพื่อสัมผัสที่แตกต่าง หรือ ใช้เท้าน้อย ๆ ของเขาลองเตะ ๆ ดู เพื่อฟังเสียงที่แปลกใหม่ก็ได้
-
รูปภาพที่สะท้อนในกระจกเงา
คุณพ่อคุณแม่จะต้องแปลกใจแน่ ๆ หากลองยื่นกระจกให้ลูกส่อง จะพบว่าลูกมีปฏิกิริยา และพยายามสื่อสารกับภาพสะท้อนพวกเขามองเห็น ทั้งการแสดงสีหน้าท่าทางต่าง ๆ ยิ้ม แลบลิ้น ส่งเสียงอ้อแอ้ ที่ทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มไม่หยุดไปกับความน่ารักของลูก ๆ เป็นแน่
-
ดึงดูดความสนใจ ด้วยสีสันตรงกันข้าม
ความแตกต่างที่ชัดเจน ระหว่างสีที่ตรงกันข้ามนั้น ช่วยดึงความสนใจของเด็ก ๆ ได้ อย่างรูปภาพที่ไม่ต้องมีรายละเอียดเยอะ แต่มีสีขาวกับสีดำซึ่งเป็นสีที่ตัดกัน เพราะเด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้ จะยังมองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนนัก จึงยังไม่สามารถเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้มาก สีที่ตัดกันจึงเป็นสิ่งที่เขาจะเห็นได้ง่ายที่สุด
การมองหน้าสบตา หรือหันหน้าเข้าหากันระหว่างคุณพ่อ คุณแม่ กับลูก ก็เป็นของเล่นที่ลูกชอบใจ และทำให้พวกเขารู้สึกสนุกสนานได้ ไม่เพียงเท่านั้น การมองหน้า และสบตากัน ยังทำให้ลูกได้พัฒนาระบบประสาทสัมผัสต่าง ๆ อีกด้วย ปล่อยให้ลูกน้อยได้สำรวจใบหน้าของคุณพ่อ คุณแม่ ทั้งจมูก หู ตา ปาก แก้ม แล้วก็อย่าลืมที่จะจุ๊บลูกบ่อย ๆ ในขณะที่เขาทำแบบนี้ด้วยนะคะ
แม้ว่าจะงานยุ่งมากแค่ไหน ก็อย่าลืมแบ่งเวลาสักเล็กน้อยในแต่ละวัน มาพูดคุย และเล่นกับลูกนะคะ แล้วคุณจะพบว่าของเล่นที่ดี และมีค่ามากที่สุดสำหรับลูก ก็คือสัมผัสแห่งความรัก ความอบอุ่น และความใส่ใจจากพ่อแม่นั่นเอง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่มือใหม่ทุกคนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แนะนำ 10 เพลย์ยิม เพลยิม สำหรับเด็กทารก ของเล่นเสริมพัฒนาการที่คุณแม่ต้องซื้อ!
หนังสือผ้าเสริมพัฒนาการทารก เสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ให้ฉลาด เรียนรู้ไว
วิธีเล่นแบบไหนช่วยเสริมพัฒนาการลูก
ที่มา : hellomotherhood
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!