วิธีเล่นกับลูกวัย 0-3 เดือน นั้น อาจจะยังไม่ต้องการของเล่นสักเท่าไหร่ เพราะสำหรับเด็กวัยนี้ของเล่นชิ้นที่ดีที่สุด และคุ้มค่ามากที่สุดนั่นก็คือ ตัวคุณพ่อ คุณแม่นั่นเอง สำหรับเด็กทารกวัยต่ำกว่า 1 ปี ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่าน ไม่แนะนำให้เด็กอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หรือโทรทัศน์ หากจำเป็นต้องให้ลูกดูจริง ๆ พ่อแม่ก็ควรอยู่กับลูกด้วย และควรแบ่งเวลาให้ลูกทำกิจกรรม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของลูก อย่างน้อยวันละ 30 นาที ดังนั้น บทความวันนี้เราจึงมาบอกต่อทริค! การเล่นกับลูกน้อยเพื่อกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ๆ กันค่ะ ไปดูกันว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง
ลูกวัย 0-3 เดือน สามารถทำอะไรได้บ้าง
ข้อมูลต่อไปนี้เป็นสรุปพัฒนาการตามช่วงอายุและข้อแนะนำกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของทารกวัย 0-3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของการปรับตัวและการสร้างรากฐานทางร่างกายและประสาทสัมผัส

พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
พัฒนาการในช่วงนี้จะเริ่มจาก ศีรษะลงสู่เท้า (Cephalocaudal Development) และเน้นที่การเคลื่อนไหวแบบปฏิกิริยาตอบสนอง (Reflexes) ก่อนจะพัฒนาเป็นการเคลื่อนไหวที่ตั้งใจมากขึ้น:
- ปฏิกิริยาสะท้อนตามสัญชาตญาณ (Reflexes): ทารกแรกเกิดจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าด้วยปฏิกิริยาพื้นฐาน เช่น
- Rooting Reflex (ปฏิกิริยาการหันหา): เมื่อสัมผัสแก้ม ทารกจะหันศีรษะไปทางด้านนั้นเพื่อหาแหล่งอาหาร
- Sucking Reflex (ปฏิกิริยาการดูด): ทารกจะดูดเมื่อมีสิ่งของสัมผัสปาก
- การควบคุมศีรษะ: เมื่ออายุประมาณ 1-3 เดือน ทารกจะเริ่มควบคุมกล้ามเนื้อคอได้ดีขึ้น สามารถหันศีรษะจากซ้ายไปขวา และยกศีรษะได้เล็กน้อยขณะนอนคว่ำ (Tummy Time)
- การเคลื่อนไหวแขนขา: เริ่มมีการขยับมือ แขน และขาอย่างอิสระมากขึ้น แต่ยังไม่ประสานกัน ทารกจะเริ่มสำรวจมือของตัวเองเมื่อเข้าใกล้ 3 เดือน
ความต้องการในการนอนหลับ
การนอนหลับอย่างเต็มที่เป็นหัวใจสำคัญของพัฒนาการและการเจริญเติบโตของทารก เนื่องจากเป็นช่วงที่สมองทำการจัดเรียงข้อมูลและหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone)
- วัย 0-3 เดือน: ทารกส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับรวม 14-17 ชั่วโมงต่อวัน (รวมช่วงกลางวันและกลางคืน)
- วัย 4-11 เดือน: ความต้องการการนอนหลับจะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ประมาณ 12-16 ชั่วโมงต่อวัน
คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสภาพแวดล้อมการนอนให้ปลอดภัยและส่งเสริมให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ค่ะ

กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการและการปรับตัว
การเล่นกับทารกในวัยนี้คือการช่วยให้พวกเขาปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ผ่านประสาทสัมผัสที่คุ้นเคยและปลอดภัย โดยเฉพาะสัมผัสจากผู้ดูแล:
- การรับสัมผัสและการผูกพัน (Bonding):
- สัมผัสทางกาย: การอุ้ม การกอด การสัมผัสผิวหนังกับผิวหนัง (Skin-to-skin contact) และการนวดสัมผัส (Infant Massage) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยให้ทารกรู้สึกปลอดภัยและคุ้นเคยกับโลกภายนอก
- เสียง: พูดคุย ร้องเพลง หรืออ่านหนังสือด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยน
- ช่วงเวลาคว่ำ (Tummy Time): ให้ลูกนอนคว่ำในขณะที่ตื่นและมีผู้ดูแลอยู่ใกล้ ๆ เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อคอ บ่า และหลัง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการคืบคลานและการนั่งในอนาคต (ควรทำอย่างสม่ำเสมอแต่ระมัดระวัง)
- การสำรวจสภาพแวดล้อม: ให้ลูกได้ใช้เวลาสั้น ๆ ในรถเข็น เก้าอี้นั่งเล่น หรือเปลี่ยนมุมมอง เพื่อกระตุ้นสายตาและการรับรู้สิ่งรอบตัว
วิธีเล่นกับลูกวัย 0-3 เดือน พ่อแม่เล่นกับลูก ผ่านเสียง และการสื่อสาร
1. พูดคุยแบบเห็นหน้าสบตา
การพูดคุยกับลูกคือวิธีการเล่นที่ดีที่สุด ถ้าคุณไม่รู้ว่าลูกรู้เรื่องหรือไม่ ลองทำตัวเป็นคุณแม่จอมบ่น ใส่แอคติ้งเยอะ ๆ หากคุณแม่ลองอัดวิดีโอแสดงสีหน้า และท่าทางของตัวเองไว้จะเห็นได้ว่าสีหน้าของคุณแม่มีความหลากหลายมาก ท่าทางก็เช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เสียงของคุณแม่นั่นแหละ ที่ลูกจะจดจำได้ แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนขี้บ่นสักเท่าไหร่ ลองทำเสียงอะไรก็ได้ที่คิดว่าชีวิตนี้ คงไม่มีโอกาสทำให้ใครได้ฟัง ลูก ๆ น่ะ ชอบให้แม่ทำเสียงตลก ๆ ที่สุดเลยล่ะ
2. คุยกับลูกด้วยน้ำเสียงที่หลากหลาย
การพูดคุยกับลูกด้วยลักษณะพิเศษที่เรียกว่า parentese คือ การพูดด้วยโทนเสียงสูงและช้า เป็นน้ำเสียงที่พูดเกินจริง ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ฟังกันเอง มันอาจจะดูน่ารำคาญ หรือน่าหงุดหงิด แต่เสียงแบบนี้เป็นเสียงที่เด็ก ๆ ชื่นชอบเอามาก ๆ และที่สำคัญคือช่วยในทักษะด้านภาษาของลูกได้มากกว่าการที่คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงปกติอีกด้วย
3. ร้องเพลงให้ลูกฟัง
เสียงเพลงเป็นภาษาของโลก และเป็นภาษาที่สามารถสื่อสารกับทารกได้ด้วยค่ะ ความสามารถในการแยกแยะจังหวะของทารกนั้น มีมาตั้งแต่ที่ลูกอยู่ในครรภ์ของมารดา ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 25 ของการตั้งครรภ์ และความสามารถนี้ก็ยังไม่หายไปไหน การร้องเพลงให้ลูกฟังนั้น คุณพ่อคุณแม่ลองเพิ่มโทนเสียงสูง ต่ำ และจังหวะเข้าไปเท่านี้ลูกก็ชอบใจแล้ว และยังเป็นการเพิ่มพูนทักษะภาษา และจังหวะให้กับลูกอีกด้วย ไม่แน่ว่า ลูกอาจจะเติบโตขึ้นมาเป็นนักร้อง นักดนตรีก็ได้นะคะ
4. อ่านหนังสือให้ลูกฟัง
การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ไม่ว่าจะเป็นนิทานหรือหนังสือใด ๆ ก็ตาม เป็นการเพิ่มคลังคำศัพท์ให้กับลูกอย่างมหาศาล เนื่องจากคำศัพท์ในหนังสือนั้นมีเยอะกว่าคำที่คุณพ่อคุณแม่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน รวมถึงรูปแบบประโยค สำนวนภาษาต่าง ๆ และยังเป็นการสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูก ส่งผลต่อทักษะทางภาษาเมื่อลูกเข้าสู่ช่วงอายุ 12-16 เดือน หรือเมื่อลูกเริ่มพูด คุณพ่อคุณแม่จะพบว่า สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่เนิ่น ๆ นั้น ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกอย่างมากเลยทีเดียว
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีพัฒนาสมองลูกให้ฉลาด พ่อแม่สร้างได้เพียงแค่ 15 นาที

วิธีเล่นกับลูกวัย 0-3 เดือน พ่อแม่เล่นกับลูก ผ่านการสัมผัส
5. การจับมือ จับเท้าของลูก
แม้ว่าจะเป็นการจับ เพราะความมันเขี้ยวมือ และเท้าน้อย ๆ ของลูกล้วน ๆ ก็นับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง สัมผัสอบอุ่นระหว่างพ่อ แม่ ลูก จะช่วยให้ลูกได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากท้องแม่ได้ดีขึ้น เด็กทารกเพิ่งคลอด มักจะประสบปัญหาในการปรับอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างจากในถุงน้ำคร่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกน้อยที่คลอดก่อนกำหนด การรับสัมผัส และความอบอุ่นจากอุณหภูมิร่างกายของแม่ จะช่วยลูกในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
6. ให้ลูกได้สัมผัสพื้นผิว และสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ
พื้นผิวอย่างใบหน้าของพ่อ แม่ ตุ๊กตานุ่มนิ่ม กระดาษทิชชู หรืออะไรก็ตามที่พอจะหาได้ และไม่ใช่ของเล่นอันตรายสำหรับลูก คุณพ่อ คุณแม่ควรให้ลูกได้ลองสัมผัสพื้นผิวที่หลากหลาย แม้ลูกอาจจะยังจับ หรือคว้าได้ไม่สะดวก แต่พวกเขาก็สามารถใช้มือน้อย ๆ แตะ เพื่อสัมผัสที่แตกต่าง หรือ ใช้เท้าน้อย ๆ ของเขาลองเตะ ๆ ดู เพื่อฟังเสียงที่แปลกใหม่ก็ได้
7. รูปภาพที่สะท้อนในกระจกเงา
คุณพ่อคุณแม่จะต้องแปลกใจแน่ ๆ หากลองยื่นกระจกให้ลูกส่อง จะพบว่าลูกมีปฏิกิริยา และพยายามสื่อสารกับภาพสะท้อนพวกเขามองเห็น ทั้งการแสดงสีหน้าท่าทางต่าง ๆ ยิ้ม แลบลิ้น ส่งเสียงอ้อแอ้ ที่ทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มไม่หยุดไปกับความน่ารักของลูก ๆ เป็นแน่
8. ดึงดูดความสนใจ ด้วยสีสันตรงกันข้าม
ความแตกต่างที่ชัดเจน ระหว่างสีที่ตรงกันข้ามนั้น ช่วยดึงความสนใจของเด็ก ๆ ได้ อย่างรูปภาพที่ไม่ต้องมีรายละเอียดเยอะ แต่มีสีขาวกับสีดำซึ่งเป็นสีที่ตัดกัน เพราะเด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้ จะยังมองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนนัก จึงยังไม่สามารถเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้มาก สีที่ตัดกันจึงเป็นสิ่งที่เขาจะเห็นได้ง่ายที่สุด
9. มองหน้าสบตากับลูก
การมองหน้าสบตา หรือหันหน้าเข้าหากันระหว่างคุณพ่อ คุณแม่ กับลูก ก็เป็นของเล่นที่ลูกชอบใจ และทำให้พวกเขารู้สึกสนุกสนานได้ ไม่เพียงเท่านั้น การมองหน้า และสบตากัน ยังทำให้ลูกได้พัฒนาระบบประสาทสัมผัสต่าง ๆ อีกด้วย ปล่อยให้ลูกน้อยได้สำรวจใบหน้าของคุณพ่อ คุณแม่ ทั้งจมูก หู ตา ปาก แก้ม แล้วก็อย่าลืมที่จะจุ๊บลูกบ่อย ๆ ในขณะที่เขาทำแบบนี้ด้วยนะคะ
แม้ว่าจะงานยุ่งมากแค่ไหน ก็อย่าลืมแบ่งเวลาสักเล็กน้อยในแต่ละวัน มาพูดคุย และเล่นกับลูกนะคะ แล้วคุณจะพบว่าของเล่นที่ดี และมีค่ามากที่สุดสำหรับลูก ก็คือสัมผัสแห่งความรัก ความอบอุ่น และความใส่ใจจากพ่อแม่นั่นเอง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่มือใหม่ทุกคนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แนะนำ 10 เพลย์ยิม เพลยิม สำหรับเด็กทารก ของเล่นเสริมพัฒนาการที่คุณแม่ต้องซื้อ!
หนังสือผ้าเสริมพัฒนาการทารก เสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ให้ฉลาด เรียนรู้ไว
วิธีเล่นแบบไหนช่วยเสริมพัฒนาการลูก
ที่มา : hellomotherhood
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!