ประโยชน์ของนมแม่ทั้งต่อแม่และต่อทารก
ประโยชน์ของนมแม่ที่มีต่อทารก
![นมแม่ส่วนหน้านมแม่ส่วนหลังแตกต่างกันอย่างไร](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/06/Fotolia_73882152_Subscription_Monthly_M.jpg?width=700&quality=95)
1. นมแม่มีสารอาหารครบตามความต้องการและเป็นสารอาหารที่ทารกสามารถนำไปใช้ได้จึงดูดซึมได้หมด ทำให้มีระยะว่างของทารกน้อย ลูกจึงกินได้บ่อยครั้งทำให้มีน้ำนมมากขึ้นตามความต้องการของลูก
2. นมแม่มีสารมีชีวิต เช่น เม็ดเลือดขาว ภูมิคุ้มกันที่ลูกสามารถเอาไปใช้ได้ทันที เอ็นไซม์ช่วยย่อยอาหารและฮอร์โมนช่วยในการเจริญเติบโต
3. ทารกที่กินนมแม่ป่วยด้วยโรคท้องร่วงน้อยกว่าเด็กที่กินนมผสม
4. นมแม่ลดปัญหาโรคภูมิแพ้และหอบหืด
5. นมแม่ลดปัญหาโรคอ้วนในทารก เพราะมีไขมันดีที่ช่วยพัฒนาสมองและการมองเห็น มีน้ำตาลนมที่กลายเป็นอาหารให้แบคทีเรียตัวดีในลำไส้ใช้ในการ้องกันท้องร่วงให้ทารกด้วย
6. นมแม่ช่วยให้ทารกมีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจที่ดีเพราะได้ใกล้ชิดแม่
ประโยชน์ของนมแม่ที่มีต่อแม่
![นมแม่ส่วนหน้านมแม่ส่วนหลังแตกต่างกันอย่างไร](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/06/Fotolia_40371857_Subscription_Monthly_M.jpg?width=700&quality=95)
1. ขณะที่ทารกน้อยดูดนมแม่จะช่วยกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนออกซีโทซินและโปรแลกติน ซึ่งทำให้แม่รู้สึกผ่อนคลายและมีความรู้สึกรักใคร่ทะนุถนอมทารก
2. การให้ลูกกินนมแม่ทันทีหลังจากคลอดลูกจะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนออกซีโทซินในร่างกาย ทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วและลดอาการตกเลือดหลังคลอดได้
บทความแนะนำ รู้ได้อย่างไรว่ามดลูกเข้าอู่แล้ว
3. ไขมันที่ถูกสะสมในร่างกายในช่วงตั้งครรภ์จะถูกใช้ในการผลิตน้ำนม การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยให้แม่สามารถลดน้ำหนักตัวได้เร็ว
4. ลูกดูดนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานในแม่ ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่ ยิ่งให้นานหลาย ๆ ปี จะยิ่งลดความเสี่ยงได้มากยิ่งขึ้น
5. ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน และไขข้ออักเสบ กระดูกหักเมื่อเข้าสู่วัยทอง เนื่องจากการดูดนมช่วยให้มีการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยพาแคลเซียมจากลำไส้ไปสะสมที่กระดูกเพิ่มขึ้น
6. ช่วยคุมกำเนิด เพราะการสร้างน้ำนมจะยับยั้งการตกไข่ เมื่อไม่มีการตกไข่ ก็ไม่มีประจำเดือน ได้ถึง 6 เดือนหรืออาจนานกว่านี้หากให้นมแม่ในระยะเวลาที่ยาวนาน แต่อย่างไรก็ตามควรมีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นร่วมด้วย หากยังไม่พร้อมมีลูกคนต่อไป
นมส่วนหน้า & นมส่วนหลัง ต่างกันอย่างไร
นมส่วนหน้า (Foremilk)
![ควรมีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นร่วมด้วย หากยังไม่พร้อมมีบุตรคนต่อไป](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/06/Fotolia_101391629_Subscription_Monthly_M.jpg?width=700&quality=95)
1. น้ำนมส่วนหน้า(Foremilk) จะมีไขมันต่ำ แต่มีปริมาณน้ำสูงถึง 80 % ช่วยดับกระหายได้ดี
2. น้ำนมส่วนหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานและภูมิคุ้มกัน ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของทารก
3. ทารกน้อยได้ขับสารสีเหลืองออกจากร่างกาย
4. น้ำนมส่วนหน้าได้พลังงานจากน้ำตาลแลคโตส จึงไม่จำเป็นต้องป้อนข้าว ป้อนน้ำให้ทารกค่ะ
5. นมส่วนหน้ามีวิตามินและแร่ธาตุเล็กๆ แต่เพียงพอกับความต้องการของลูกค่ะ
นมส่วนหลัง (hind milk)
![ควรมีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นร่วมด้วย หากยังไม่พร้อมมีบุตรคนต่อไป](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/06/Fotolia_86539405_Subscription_Monthly_M.jpg?width=700&quality=95)
1. น้ำนมส่วนหลัง (hind milk) จะมีไขมันอิ่มตัวสูง แคลอรี่สูง ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตเร็ว
2. ช่วยสร้างเส้นประสาทที่ประกอบ ด้วย Myelin จะรับส่งสัญญาณ Myelinจะทำหน้าที่สมบูรณ์เมื่อได้รับกรดไขมัน Linoleic และ Linolenic ที่มีมากในนมแม่
3. น้ำนมส่วนหลังจะมีโปรตีนและไขมันสูงกว่าน้ำนมส่วนหน้า ลักษณะของน้ำนมส่วนหลังจะมีความเข้มข้นมากกว่า ซึ่งจะช่วยให้ทารกขับถ่ายออกมาเป็นสีเหลือง เหลืองข้น เป็นเม็ดๆ เหมือนเม็ดมะเขือ
สังเกตดูหากลูกอึกะปริบกะปรอย มีฟอง แสดงว่าได้สัดส่วนของนมส่วนหน้ามาก นมส่วนหลังน้อย แนะนำให้ดูดเต้าครั้งละนานมากขึ้น หรือบีบส่วนหน้าออกหน่อย จะทำให้ทารกขับถ่ายออกมาเป็นลักษณะปกติค่ะ
4. กรณีที่คุณแม่ปั๊มนมได้เกลี้ยงเต้า หรือทำจี๊ดหลายครั้ง ไม่ปล่อยให้นมค้างอยู่ในเต้านานเกินไป จะทำให้นมส่วนหลังขยับมาเป็นส่วนหน้ามากขึ้น ข้อดีคือ นมส่วนหน้าจะข้นมากขึ้น เมื่อลูกดูดจะทำให้ลูกมีน้ำหนักตัวเพิ่มได้ดีขึ้นกว่าเดิม
5. ไขมันในนมส่วนหลังเป็นไขมันดี อุดมไปด้วย Omega AA ARA ไขมันเหล่านี้ลูกเอาไปใช้ได้จริง ไม่เป็นพิษก่อมะเร็ง มีคอเรสเตอรอลที่จะช่วยสร้างใยสมอง
Tip : วิธีปั๊มนมแม่อย่างไรให้ได้นมส่วนหลัง
![นมแม่ส่วนหน้านมแม่ส่วนหลังแตกต่างกันอย่างไร](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/06/Fotolia_85220323_Subscription_Monthly_M-1.jpg?width=700&quality=95)
1. การปั๊มนมของคุณแม่ในแต่ละครั้ง ควรใช้เวลาอย่างน้อย 10-15 นาทีต่อข้าง ต่อการปั๊มแต่ละครั้ง
2. เมื่อปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้น ควรปั๊มนมให้นานขึ้น และให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างน้อย 20-30 นาทีหรือปั๊มต่ออีก 2 นาทีหลังจากน้ำนมถูกปั๊มออกหมดแล้ว เพราะการปั๊มให้เกลี้ยงเต้าจะช่วยให้น้ำนมผลิตได้เร็วขึ้น
3. การปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้าอีกวิธีหนึ่ง คือ การปั๊มนมไปพร้อม ๆ กับการดูดนมของลูกอีกข้าง หรือปั๊มพร้อมกัน 2 ข้าง จะทำให้น้ำนมออกได้ดี และกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมมากขึ้น
บทความแนะนำ รู้จัก&เข้าใจให้ถูกต้อง นมเกลี้ยงเต้าเป็นอย่างไร
4. ถ้าในช่วงวันหากคุณแม่ไม่มีเวลาปั๊ม ไม่ต้องกังวลไปนะคะเดี๋ยวน้ำนมจะไม่ไหล กรณีแบบนี้ให้คุณแม่กระตุ้นหัวนม นึกถึงตอนที่ลูกดูดนมค่ะคุณแม่จะรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ แบบที่น้ำนมกำลังจะไหล หรือที่เรียกว่าการทำจี๊ดนั่นแหละค่ะ จากนั้นก็ค่อยปั๊มนม จะช่วยให้น้ำนมออกง่ายและเร็ว
บทความแนะนำ ทำจี๊ด!!ช่วยแม่กระตุ้นน้ำนมไหลมาเทมา
อ้างอิงข้อมูลจาก
sci.psu
breastfeedingthai
https://www.mom7day.com
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทำไมต้องให้นมแม่อย่างน้อย 6 เดือน
เด็กที่กินนมแม่นานไอคิวดีกว่า
![TAP mobile app](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/04/8.TAP_th-ios-Footer670x196.jpg?width=700&quality=95)
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!