ก่อนโตเป็นผู้ใหญ่ ลูกควรจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง ได้ทำและได้เป็นอะไร เมื่อเขาโตพอที่จะออกไปใช้ชีวิตได้เองแล้วเขาจะแก้ไขทุกอย่างได้อย่างไร นี่คือ 11 ทักษะชีวิตขั้นพื้นฐานที่พ่อแม่หลายร้อยคนเห็นพ้องต้องกันว่า ลูกควรที่จะมีต้องเป็นก่อนโต!!
11 ทักษะชีวิตที่ต้องสอนลูกเป็น ก่อนโตเป็นผู้ใหญ่
1. ลูกควรรู้วิธีว่าจะใช้โทรศัพท์เพื่อรับสาย โทรออกได้อย่างไร รวมถึงการส่งข้อความด้วย แม้อาจไม่ได้ใช้ตลอดเวลาแต่จะต้องให้ลูกได้รู้ว่าสื่อสารกันผ่านโทรศัพท์ได้อย่างไร นี่เป็นทักษะการใช้ชีวิตที่สำคัญในยุคนี้
2. เด็ก ๆ ควรจะได้รู้จักวิธีช่วยงานบ้าน เริ่มให้ลูกช่วยทำง่าย ๆ อย่างเช่น การซักเสื้อผ้า และรู้ว่าการซักเสื้อนั้นควรแยกสีเสื้อยังไง ต้องใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าใส่ตรงไหน
3. รู้จักวิธีล้างจาน
4. รู้วิธีกวาดบ้านถูบ้าน
5. รู้จักวิธีจัดกระเป๋าของตัวเอง ทั้งกระเป๋าโรงเรียนเพื่อที่จะได้รู้ว่าในวันถัดไปจะต้องเรียนอะไร รวมถึงการจัดกระเป๋าเดินทางเพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องเตรียมเสื้อผ้าอย่างไร
6. ลูกควรจำเบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน
7. ควรพกบัตรประจำตัวของลูกไว้ให้ติดตัวเสมอ
8. สอนให้ลูกอ่านฉลากวันหมดอายุของอาหารกระป๋อง เมื่อวันที่เขารู้จักอ่านวันเดือนปีในปฏิทินได้แล้ว
9. ให้ลูกรู้ว่าบางอย่างก็ไม่ใช่จะสามารถเข้าไปในไมโครเวฟได้ทั้งหมด
10. ให้ลูกมีโอกาสได้ทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอม
11. ให้ลูกรู้จักช่วยตัวเองอย่างไร หากต้องติดอยู่ในรถเพียงลำพัง มันเป็นทักษะชีวิตในเรื่องความเป็นความตายที่จะช่วยให้รอดปลอดภัยจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใหญ่
เรื่องที่แม่ต้องสอนลูก
เรื่องที่แม่ต้องสอนลูก ไม่ใช่แค่เรียนให้เก่ง แต่ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความสุข โตไปไม่ลำบาก วิธีการสอนลูกที่ต้องเริ่มตั้งแต่ยังเล็ก
ไม่ต้องเก่ง ขอแค่เป็นคนดีนะลูก …เรื่องที่แม่ต้องสอนลูกตั้งแต่ยังเล็ก
พญ. ถิรพร ตั้งจิตพร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองถึงเรื่องที่แม่ต้องสอนลูก ว่า การสร้างสังคมที่ดีสามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา และต้องช่วยกันปลูกฝังความดีสู่หัวใจลูกตั้งแต่ยังเล็ก สำหรับเทคนิคการเลี้ยงลูกให้จิตใจดีต้องเริ่ม ดังนี้
วิธีการสอนลูกให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความสุข โตไปไม่ลำบาก
ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง เพื่อเป็นพื้นฐานทักษะอื่นต่อไป เพราะการที่เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และลดการพึ่งพาคนอื่นจะทำให้เด็กเกิดความมั่นใจในตัวเอง ลดความกังวล และพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
ฝึกลูกช่วยงานบ้าน เริ่มได้ตั้งแต่เล็กโดยส่วนใหญ่ เด็กวัย 2 ขวบ เริ่มฟังและเข้าใจคำสั่งง่ายๆ ดังนั้นเราควรฝึกลูกให้ช่วยงานบ้านขั้นพื้นฐาน เช่น เก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จแล้ว นำเสื้อผ้าที่สวมแล้วไปใส่ตะกร้า เป็นต้น การให้ลูกช่วยงานบ้าน โดยเริ่มจากสิ่งที่เขาควรต้องรับผิดชอบเอง ทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องหน้าที่ของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้ชีวิตในสังคม เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นค่อยเพิ่มหน้าที่ภายในบ้านให้เหมาะสมกับวัย ลูกก็จะเรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่ตนทำ มีผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างไร นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาใจเขาใส่ใจเรา
ฝึกระเบียบวินัย เพื่อเป็นทักษะการควบคุมตนเองและยับยั้งชั่งใจให้แก่ลูก นับเป็นพื้นฐานต่อการทนต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เล็กๆ อาทิ การตื่นนอนและเข้านอนให้เป็นเวลา รับประทานอาหารเป็นเวลา การเก็บของเล่นให้เป็นที่เป็นทางหลังเล่นเสร็จแล้ว ไม่รับประทานขนมหรืออาหารในห้องนอน เป็นต้น
การพาลูกพบคนหลากหลาย นับเป็นการฝึกให้ลูกมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและเข้าใจสังคมมากขึ้น คือ ทำให้เขาเห็นว่าในโลกนี้มีคนที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งสีผิว เชื้อชาติ ภาษา และความคิด ซึ่งสิ่งที่แตกต่างเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าผิดเสมอไป การพาลูกออกเดินทางท่องเที่ยวได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนที่แตกต่าง พร้อมกับคำชี้แนะที่เหมาะสมจะทำให้ลูกเข้าใจความเป็นไปของโลกใบนี้ได้ดีขึ้น
สอนเรื่องอารมณ์ต่าง ๆ พ่อแม่มักให้ความสำคัญกับการสอนลูกให้เป็นเลิศในด้านวิชาการ สอนเรื่องมารยาท กฎระเบียบ แต่กลับลืมเรื่องการรับมือกับอารมณ์ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่มต้นสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ต่างๆ ของตน ด้วยการเอ่ยชื่ออารมณ์นั้นๆ เมื่อลูกแสดงออกมา อาทิ เมื่อลูกร้องไห้ที่ไม่ได้ของเล่น อาจบอกลูกว่า แม่รู้ว่าลูกกำลังเสียใจที่ไม่ได้ของเล่น หรือเมื่อลูกโกรธที่ถูกแย่งขนม ต้องบอกว่าลูกกำลังโกรธใช่ไหม แต่แม่อยากให้ลูกหายใจลึกๆ ใจเย็นๆ การสอนเช่นนี้จะช่วยทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตนเมื่อโตขึ้น และไม่นำอารมณ์ของตนเองมาเป็นข้ออ้างในการทำร้ายคนอื่น
- สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า
สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า สำหรับเด็กเล็กโลกของเขายังไม่กว้างใหญ่มากนัก การเล่าเรื่องราวต่างๆ จากนิทาน หรือเกร็ดประวัติศาสตร์อย่างง่ายๆ เกี่ยวกับบุคคลที่ทำเพื่อผู้อื่น จะช่วยทำให้ลูกเข้าใจเรื่องการช่วยเหลือกันในสังคมได้ดีขึ้น คนเป็นพ่อแม่อาจถามลูกว่าหากเกิดเหตุการณ์อย่างในนิทานขึ้นกับลูก ลูกจะทำอย่างไร ลองฟังคำตอบของลูก แล้วชื่นชมหรือตั้งคำถามเพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูก หลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์และตัดสินว่าคำตอบของลูกถูกหรือผิด เพื่อให้ลูกได้ฝึกคิดด้วยตนเองโดยมีพ่อแม่เป็นผู้ชี้นำแนวทางที่เหมาะสม
สอนลูกให้รู้จักแก้ปัญหา บ่อยครั้งที่ลูกทำผิดพลาด พ่อแม่หลายคนจะใช้วิธีตำหนิหรือดุลูก เพื่อไม่ให้ลูกทำผิดอีก ซึ่งจะทำให้เด็กคิดว่าการทำผิดเป็นเรื่องใหญ่ และกลัวที่จะทำผิด หรือจะปกปิดความคิดของตนเองโดยการโกหก ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่มต้นในการให้อภัยลูก แล้วชวนลูกแก้ไข้ปัญหาหลังจากที่เกิดข้อผิดพลาด อาทิ เด็กวิ่งแล้วทำน้ำหก พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ คือ เช็ดน้ำและเก็บแก้วให้เป็นที่ หลังจากนั้นชวนให้ลูกคิดว่าครั้งหน้าสามารถระวังอย่างไรให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
นอกจากเรื่องที่แม่ต้องสอนลูกแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนในครอบครัว ก็ต้องเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก เพราะการเห็นแบบอย่างที่ดีจะทำให้เด็กสามารถจดจำการทำดีได้มากกว่าการใช้เพียงคำพูด การเลี้ยงลูกต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจเป็นสำคัญนะคะ กว่าที่ลูกจะรู้เรื่องและทำตามในสิ่งดี ๆ ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน ปฏิบัติเป็นประจำ หากพ่อแม่หมั่นสอนสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องสอนลูก ลูกก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอย่างแน่นอน
credit content : www.grownandflown.com
บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ :
10 เทคนิคสร้างวินัยให้ลูกก่อนโต
18 ข้อที่พ่อแม่ควรพูดให้ลูกฟังก่อนโต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!