ข่าวดีสำหรับพ่อแม่มือใหม่ และแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ จากผลวิจัยเรื่อง การรับรู้รสชาติอาหารของทารกเมื่ออยู่ในครรภ์และหลังคลอดซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารกุมารเวชศาสตร์ ในปี 2543 โดยด็อกเตอร์ จูลี่ เมนเนลล่า นักชีววิทยาและนักพันธุศาสตร์ พร้อมทีมนักวิจัยจากสถาบัน โมเนลล์ เคมิคัล เซ้นส์ เซ็นเตอร์ ได้เผยว่าแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นมีส่วนที่ช่วยปลูกฝังนิสัยกินผักให้กับทารกในครรภ์ได้ กินผักตอนท้อง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ลูกชอบกินผัก
โดยทีมนักวิจัยดังกล่าวได้ทำการทดลองผ่านกลุ่มหญิงตั้งครรภ์สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้กินกระเทียมในรูปของแคปซูล ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งกินน้ำตาลแคปซูล และเจาะเอาตัวอย่างน้ำคร่ำไปให้กับอาสาสมัครกลุ่มหนึ่งได้ดม โดยให้เลือกตัวอย่างน้ำคร่ำที่คิดว่ามาจากแม่ที่กินกระเทียม ผลปรากฏว่า อาสาสมัครเหล่านี้สามารถเลือกตัวอย่างน้ำคร่ำนั้นออกมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งนำมาสรุปเป็นแนวคิดได้ว่าทารกในครรภ์ก็สามารถรับรสชาติของพืชผักบางอย่าง เช่น วานิลลา แครอท กระเทียม ผักชี หรือมินต์ที่แม่กินตอนท้องเข้าไป ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับผลการทดลองที่คนภายนอกได้รับกลิ่นจากอาหารในตัวอย่างจากน้ำคร่ำมารดาเช่นกัน
ทีมนักวิจัยยังได้ทำการศึกษาต่อไปว่า ความคุ้นชินต่อรสชาติพืชผักเหล่านี้ที่แม่บริโภคเข้าไปในช่วงตั้งครรภ์นั้นจะติดตัวทารกจนกระทั่งคลอดออกมาได้หรือไม่ จึงได้ทำการทดลองแบ่งกลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์ออกเป็น 3 กลุ่ม
- กลุ่มแม่ตั้งครรภ์ที่ให้ดื่มน้ำแครอทเป็นประจำทุกวัน
- กลุ่มแม่ในช่วงให้นมลูกที่ให้ดื่มน้ำแครอทเป็นประจำทุกวัน
- และกลุ่มแม่ที่ไม่ได้ทานแครอทไม่ว่าจากอาหารใด ๆ เลย
เมื่อลูก ๆ ของคุณแม่ทั้ง 3 กลุ่มเติบโตจนสามารถทานอาหารแข็งได้ นักวิจัยจึงได้ทดสอบให้เด็ก ๆ เหล่านี้ทานซีเรียลกับน้ำและซีเรียลกับน้ำแครอท ผลปรากฎว่าลูก ๆ ของแม่ที่ได้ดื่มน้ำแครอทเป็นประจำในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรนั้น สามารถกินซีเรียลในน้ำแครอทได้มากกว่าเด็กกลุ่มที่คุณแม่ไม่ได้ทานแครอทเลย จึงทำให้นักวิจัยสามารถสรุปได้ว่า รูปแบบการทานอาหารของแม่จะสามารถส่งผลถึงลักษณะนิสัยการทานอาหารของลูกน้อยได้ด้วย
ง่าย ๆ ก็คือ หากคุณแม่ต้องการให้ลูกในท้องโตมาเป็นเด็กที่ชอบกินผัก กินง่าย ไม่เลือก ไม่ยี้ ก็สามารถเริ่มปลูกฝังนิสัยนี้ลงไปในตัวคุณแม่ให้หันมารับประทานผักตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในครรภ์จนถึงช่วงที่ทารกกินนมแม่ นอกจากสุขภาพแข็งแรงที่ลูกจะได้รับสารอาหารเหล่านี้ผ่านจากรกและน้ำนมคุณแม่โดยตรงแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะให้ลูกเป็นเด็กที่ชอบกินผักเมื่อโตขึ้นมาด้วยนะคะ
การเลือกกิน อาหารที่มีประโยชน์ต่อคนท้อง นั้นส่งผลต่อสุขภาพลูกน้อยเต็ม ๆ กินดีลูกก็จะได้รับสารอาหารที่สร้างความแข็งแรงและพัฒนาการเจริญเติบโตในครรภ์ที่ดีด้วย
9 อาหารที่มีประโยชน์ต่อคนท้อง อะไรที่กินตอนท้องแล้วดี
1. กินผัก
ผักส่วนใหญ่นั้นถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าเพียบ โดยเฉพาะผักใบเขียวที่เหมาะสำหรับรับประทานในช่วงตั้งครรภ์ เช่น ผักโขม ผักคะน้า บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ตำลึง ฯลฯ ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ แคลเซียม แร่ธาตุ และวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยเรื่องพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผักใบสีอื่น ๆ คุณแม่สามารถเลือกนำมาปรุงเพื่อให้ได้รับคุณค่าทางอาหารได้เช่นเดียวกัน อาทิ ผักสีขาว อย่างผัดกาดขาว หัวไชเท้า ผักสีส้ม ได้แก่ แครอท ฟักทอง ผักสีแดง เช่น มะเขือเทศ บีตรูต พริกหวาน เป็นต้น
2. กินมันเทศ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องได้รับพลังงานมากกว่าตอนปกติ ซึ่งแหล่งที่ให้พลังงานส่วนใหญ่มาจากแป้ง ข้าว น้ำตาล ผลไม้ ฯลฯ มันเทศนั้นจัดอยู่ในหมวดอาหารที่ให้พลังงานที่หารับประทานง่าย มีรสชาติหวาน มัน ทำให้คุณแม่รับประทานเป็นอาหารมื้อย่อยได้ง่าย ๆ อีกทั้งให้คุณค่าทางอาหารสูงมาก มีไฟเบอร์ กากใยอาหาร ที่ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูกตอนท้อง และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินบี6 และวิตามินซี ที่ช่วยในเรื่องพัฒนาการของตา กระดูกและผิวหนังของลูกน้อยในครรภ์ด้วย
3. กินเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน
ในเนื้อสัตว์จะมีโปรตีนที่ช่วยพัฒนาการกล้ามเนื้อ เสริมสร้างระบบเซลล์และเลือดของทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดี การหลีกเลี่ยงทานเนื้อสัตว์ที่ติดมันนั้นจะช่วยให้คุณแม่ควบคุมน้ำหนักตอนท้องได้ดีอีกด้วย
4. กินปลาแซลมอน
ในปลาแซลมอนมีกรดไขมันดี มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยในด้านการพัฒนาระบบประสาทและสมองของลูกน้อยในครรภ์ได้เป็นอย่างดี
5. กินโยเกิร์ต
โยเกิร์ตเหมาะสำหรับเป็นของว่างสำหรับคนท้องอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่มีความหวานไปส่งผลให้น้ำหนักคุณแม่เพิ่มขึ้น นอกจากไม่ทำให้อ้วนแล้วยังอุดมไปด้วยวิตามินบี โปรตีน แคลเซียมและสังกะสีในปริมาณสูง จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การกินโยเกิร์ตทุกวันในปริมาณที่พอดีหรืออย่างน้อยวันละ1 ถ้วย จะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของทารกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด และช่วยควบคุมน้ำหนักของลูกน้อยให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอีกด้วย
6. กินไข่
ไข่จัดเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ที่มีโฟเลตสูงซึ่งเหมาะกับการบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก สารอาหารในไข่ที่มากด้วยคุณค่าช่วยส่งผลดีต่อการพัฒนาด้าน ตา กระดูก และผิวหนังของทารกในครรภ์
7. กินธัญพืช
อาหารจำพวกธัญพืชนั้นให้คุณค่าทางอาหารสูงมาก อุดมไปด้วยวิตามินบี6 ไฟเบอร์ แร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย และจัดเป็นแหล่งอาหารที่ให้พลังงานอย่างคาร์โบไฮเดรต ซึ่งดีต่อแม่ท้องที่ต้องการพลังงานมากกว่าปกติ ช่วยให้คุณแม่รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และช่วยให้ลูกมีพัฒนาการในครรภ์ดีขึ้น
8. กินน้ำส้ม
น้ำผักและน้ำผลไม้ โดยเฉพาะที่มาจากธรรมชาตินั้นให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ หนึ่งในน้ำผลไม้ที่คุณแม่ท้องส่วนใหญ่นึกถึงในลำดับต้น ๆ นั่นเป็นเพราะน้ำส้มคั้นมีรสชาติอร่อยและรับประทานง่าย ที่สำคัญ “ส้ม” อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกราะป้องกันให้คุณแม่เป็นหวัดได้ยากขึ้น ช่วยให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น มีโพสแทสเซียม ช่วยในพัฒนาการการทำงานของกล้ามเนื้อในทารก มีโฟเลทที่ช่วยลดความเสี่ยงพิการในทารก และน้ำส้มนั้นยังส่งผลให้คุณแม่มีผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสอีกด้วย นอกจากน้ำส้มแล้ว น้ำผลไม้อื่น ๆ ที่ดื่มแล้วมีประโยชน์ เช่น น้ำแครอท น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะนาว น้ำมะพร้าว เป็นต้น
9. กินถั่ว
ถั่วหลากชนิดที่เหมาะสำหรับกินเป็นของว่างแก้อาการหิวจุกจิกของแม่ท้องนั้นเป็นแหล่งโปรตีนและแมกนีเซียม ที่มีช่วยลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดของทารกได้ ให้พลังงาน มีคุณค่า แถมไม่ทำให้แม่อ้วนหรือเพิ่มน้ำหนักในตอนท้องได้อีกด้วย
กินเพื่อแม่ กินเพื่อลูก กินอย่างไรให้สุขภาพดีในแต่ละไตรมาส
1-3 เดือนแรก ๆ ของแม่ท้องอ่อนต้องการอาหารประเภทพลังงานเพิ่มขึ้น แต่อย่าลืมที่กินเมนูผักควบคู่ไปกับอาหารมื้อหลักที่จะช่วยในระบบการย่อยและระบบขับถ่ายด้วยนะคะ หากรู้สึกถึงอาการแพ้ท้องสามารถกินผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวช่วยหรือเลือกกินน้ำผลไม้ลดอาการคลื่นไส้
บำรุงเจ้าตัวน้อยในครรภ์ที่กำลังเจริญเติบโตด้วยการกินปลา ถั่ว รวมถึงเน้นอาหารที่มีส่วนประกอบของผักใบเขียวมากขึ้น
โค้งสุดท้ายใกล้คลอด 3 เดือนหลังนี้คุณแม่ควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก โปรตีน โฟเลต เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายและเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
15 ผักที่มีโฟเลตสูง กินผักที่มีโฟเลตสำคัญและจำเป็นตอนท้องและตอนให้นม
กินผักเพิ่มน้ำนม บำรุงพลังให้ซูเปอร์มัม
ที่มา : kapook, mamastory
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!