แผลผ่าคลอดปริ เรื่องที่แม่ผ่าคลอดคนไหนก็ไม่อยากเจอ
ช่วยด้วย ช่วยที แผลผ่าคลอดปริต้องทำยังไง แม่ผ่าคลอดทำไมต้องเจอกับอะไรแบบนี้ แผลผ่าคลอดปริ !!! เรื่องที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ ไปดูกันว่าแล้วต้องทำอย่างไรละ แผลผ่าคลอดถึงจะไม่ปริ
ลักษณะของแผลผ่าคลอด
ผศ. นพ. เมธาพันธ์ กิจพรธีรนันท์ สูตินรีแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร กล่าวถึงลักษณะของแผลผ่าตัดคลอดไว้ว่า
การผ่าตัดแนวตั้ง
ปกติการผ่าคลอด จะต้องผ่าลงไปถึง 7 ชั้น โดยผ่าตัดเนื้อผ่านชั้นผิวหนัง จากนั้นก็ลงไปเจอไขมันใต้ผิวหนัง ตามด้วยเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อ เยื่อหุ้มช่องท้อง ผนังเยื่อหุ้มมดลูก และกล้ามเนื้อมดลูกซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย การผ่าตัดแนวตั้งจะผ่าจากใต้สะดือลงมาถึงช่วงกลางหัวหน่าว ความยาวแผลประมาณ 10 เซนติเมตร การลงแผลแนวนี้จะผ่านเนื้อเยื่อหลายชั้น จนสามารถเข้าช่องท้องได้ง่าย การลงแผลแนวตั้งจะช่วยแหวกกล้ามเนื้อได้โดยไม่ฉีกขาด
การผ่าคลอดแนวนอน หรือบิกินีไลน์
เมื่อเทียบกับแบบแรกแล้วจะดีกว่าตรงที่ แผลเป็นน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า เนื่องจาก หน้าท้องของแม่ท้องจะมีความหย่อนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น แพทย์ก็จะลงแผลแนวนอนเพื่อเปิดผิวหนังเข้าไปข้างใน เมื่อถึงบริเวณชั้นของกล้ามเนื้อ ก็จะเปลี่ยนไปลงแนวตั้งเหมือนปกติ วิธีนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่ช้ำ และแผลบริเวณผิวหนังสวยกว่าแบบแนวตั้ง

วิธีการดูแลแผลผ่าตัดคลอดเบื้องต้น
# ควรลุกนั่ง ขยับตัว เดินรอบๆเตียง
ให้เร็วที่สุดภายหลังจากผ่าตัดคลอด แต่ไม่ต้องหักโหม เพราะอาจทำให้แผลผ่าตัดแยกได้ หากวิงเวียนศรีษะ หรือปวดแผลมากก็ให้พักหรือรอให้รู้สึกดีก่อนค่อยเริ่มใหม่ หากไม่ยอมเคลื่อนไหวเลย มีโอกาสที่จะเกิดพังผืดขึ้นกับอวัยวะต่างๆภายในช่องท้อง
# หากแผลผ่าตัดบวม แดง กดเจ็บ
มีเลือดซึม หรือมีไข้ ให้รีบพบแพทย์เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อ หรือแพ้พลาสเตอร์ปิดแผล
# ดื่มน้ำเยอะๆ
งดกลั้นปัสสาวะ รับประทานอาหารที่สุก สะอาด โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน โดยที่หาได้ง่ายๆคือ ไข่ขาวต้ม เพราะมีส่วนช่วยซ่อมแซมให้บาดแผลหายได้เร็วขึ้น
# รับประทานอาหารที่สุก สะอาด
โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน โดยที่หาได้ง่ายๆคือ ไข่ขาวต้ม เพราะมีส่วนช่วยซ่อมแซมให้บาดแผลหายได้เร็วขึ้น
# ไม่ควรยกของหนัก
ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ขยับตัวได้เท่าที่ไม่รู้สึกเจ็บ หากเจ็บหรือรู้สึกตึง ๆ แสดงว่า ยืดเหยียดแผลมากเกินไป แผลจะหายสนิทดี และสามารถออกกำลังกายได้ ราวๆ 3-6 เดือน ในบางรายอาจรู้สึกเสียวๆหรือมีอาการชาบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งอาการจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
# การใช้ซิลิโคนเจล ให้เหมาะกับชนิดของแผลที่เป็นอยู่
เพื่อบรรเทาอาการของแผลผ่าคลอด และเพื่อดูแลให้แผลผ่าคลอดมีสภาพที่ดีขึ้น ไม่เกิดรอยแผลเป็นที่หนักเกินไป การทาซิลิโคนเจล คือ 1 ในวิธีการสำคัญที่คุณแม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้ ก็คือการเลือก ทาซิลิโคนเจลที่เหมาะสม และถูกชนิดกับอาการของแผล โดยเราจะขอยกตัวอย่างให้คุณแม่เห็นภาพ และเข้าใจได้ง่ายดังนี้นะคะ

ซิลิโคนเจลทาแผล Stratamed ที่แตกต่างจากครีมทาแผลทั่วไปค่ะ เพราะเป็นซิลิโคนเจลชนิด Polysiloxane ตัวแรกที่มีงานวิจัยรองรับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่าสามารถใช้ได้ทันที่เกิดแผล และยังมีสภาวะ Semi-Occlusive ช่วยป้องกันแบคทีเรียเข้าสู่แผล และให้ออกซิเจนไหลผ่านแผลได้ แต่ก็ยังคงความชุ่มชื้นให้แก่แผลอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ทำให้แผลของคุณแม่ แฉะ หรืออับชื้นเกินไปนั่นเอง และซิลิโคนเจลตัวนี้มีคุณสมบัติแห้งเร็วได้ด้วยตัวเอง ไม่เหนียวเหนอะหนะเลยนะคะ เมื่อซิลิโคนเจลแห้งตัวแล้วจะกลายเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ เคลือบแผลช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การสมานแผล สามารถกันน้ำได้ดี อีกทั้งไม่มีค่า pH ทาแล้วไม่แสบค่ะ จึงทำให้แผลของคุณแม่หายไวขึ้นได้ถึง 2 เท่าเลย และไม่เกิดรอยแผลเป็นหลังผ่าคลอดแน่นอนค่ะ
วิธีการใช้ง่ายมากเลย ทาบางๆที่แผลวันละ 2 ครั้ง เช้า/เย็น อย่างน้อย 14-30 วันค่ะ

แต่ถ้าแผลของคุณแม่ปิดแล้ว หายสนิท แต่เกิดอาการ เป็นแผลเป็นที่ผิดปกติ เช่น คีลอยด์ แผลเป็นนูนขึ้นมา คุณแม่ควรเลือกชนิดของซิลิโคนเจลที่แตกต่างไปค่ะ จะใช้ซิลิโคนเจลสำหรับแผลสดคงไม่เหมาะอย่างแน่นอน ขอแนะนำให้คุณแม่เลือกใช้ Strataderm ที่เป็นซิลิโคนเจลสำหรับช่วยรักษาแผลเป็นโดยเฉพาะ มีสรรพคุณช่วยลดอาการรอยดำรอยแดง ลดอาการคันหรือลดการนูนของแผลเป็นค่ะ เพราะเจ้าซิลิโคนเจลตัวนี้ สามารถช่วยควบคุมการสร้างคอลลาเจนอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของแผลเป็นได้อีกด้วย ทำให้แผลเป็นของคุณแม่ ที่แข็ง นูน หรือหนาเกินไป นุ่มลงและยังช่วยให้สีของแผลเป็นจางลงได้อีกด้วยนะคะ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง .

เพื่อดูแลรักษาแผลผ่าคลอด และดูแลป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น คุณแม่ควรเริ่มใช้ซิลิโคนเจลทาแผลตั้งแต่เริ่มผ่าคลอด เพียงแค่สองขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- เริ่มใช้ Stratamed ซิลิโคนเจลสูตรสีฟ้า ทา หลังจากผ่าคลอดได้ทันที วันละ 2 ครั้ง ทาเป็นประจำ เช้า- เย็น อย่างต่อเนื่องจนกว่าแผลจะปิด และแห้งสนิท
- เมื่อแผลปิดและแห้งสนิทแล้ว ให้ใช้ Strataderm ซิลิโคนเจลทาแผลสูตรสีส้ม ทาเป็นประจำวันละ 1 ครั้ง และทาต่อเนื่องอย่างน้อย 30 วัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดี
เห็นภาพแล้วใช่ไหมคะ ว่าการเลือกทาซิลิโคนเจลที่เหมาะสมกับชนิดของแผล จะช่วยให้คุณแม่สามารถบรรเทาอาการ และรักษาแผลได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น ขอให้คุณแม่ทุกคนรักษาสุขภาพ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ เพื่อให้แผลผ่าคลอดของคุณแม่ หายในเร็ววันนะคะ
ที่มา : drchawtoo.com
บทความเกี่ยวข้อง
เตือนคนท้อง อย่าเอะอะผ่าคลอดทั้งที่ไม่จำเป็น
ภาพถ่ายดิบๆ แบบสวยๆ ของ ร่างกายหลังคลอด ริ้วรอยหรือรอยแผลเป็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย
แผลผ่าคลอดกี่วันหาย ทำอย่างไรไม่ให้นูนแดง

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!